เรียลลิตี้โชว์ โฉมใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย


ผมแทบไม่เคยสนใจรายการเรียลลิตี้โชว์ แต่ตอนนี้ผมชักอยากดูขั้นมาแล้ว

 

เรียลลิตี้โชว์ ผมเขียนผิดรึป่าว เอาเป็นว่าใครๆ ก็คงเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร คนดูกันทั้งบ้านทั้งเมือง โอเค..นี่คือคำโฆษณา ที่ผมคิดขึ้นเอง (คิด คิด ..คิด)

"ครั้งแรกในเมืองไทยกับการพิสูจน์เส้นทางแห่งชีวิต กับการท้าทายทุกพรหมลิขิต เพราะนี่คือ "ฝ่าวิกฤต ชีวิตบัดซบ" รายการเรียลลิตี้โชว์ที่จะนำคุณไปสู่ขอบฟ้าแห่งความหวังกับเหล่านักล่า ฝัน...." ไม่เวิร์ค คำว่านักล่าฝันมันก็อปเค้า (คิด คิด..)

ต่อ..........รายการเรียลลิตี้โชว์ที่จะนำคุณไปสู่ขอบฟ้าแห่งความหวัง กับเกมแห่งชีวิตที่เดิมพันด้วยอิสรภาพของจิตวิญญาณ เฝ้าดูและติดตามทุกย่างก้าว ทุกความเคลื่อนไหว ทุกการเต้นของจังหวะหัวใจ เรื่องจริงของเหล่านักสู้ผู้จะพลิกชะตาฟ้าลิขิต ที่นี่ modern 6 TV"   HA.....

ถ้านี่ไม่ใช่ฤดูมรสุม(อีกแป๊บเดียวผมจะเลิกใช้คำนี้..ดีกว่า) บางทีผมอาจจะให้ความสนใจเรื่องของเหล่าผู้เข้าร่วมแข่งขันรายการต่างๆ อย่างใครๆบ้าง แต่ผมคงต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า "ผมจะทำอย่างนั้นทำไม" โอเค ช่วงนี้ผมมีเรื่องมากมายให้ต้องคิด เรียกว่า คิดถึงตัวเองก่อนดีมั้ยที่จะไปสนใจเรื่องคนอื่น ก็เลยทำให้ผมไม่ใส่ใจรายการแนวนี้  แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าถ้าผมมีเวลาว่างแล้วก็สมองปรอดโปร่งจริงๆ แล้วเนี่ย อะไรที่จะจูงใจให้ผมอยากติดตามเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้นขึ้นมา มันคือการเบี่ยงเบนความสนใจใช่รึเปล่า ชีวิตเรามันไม่มีอะไรให้น่าติดตาม...มันน่าเบื่อ มีแต่เรื่องงานกับงาน มันไม่มีการหักมุม มันไม่มีจุดพลิกผัน มันไม่มีดาวร้าย ตัวอิจฉา(อันนี้มันละคร หลังๆ ไม่รู้คิดไปเองรึป่าว ว่ามีการเตี๊ยม แบบว่าใส่ตัวร้ายๆ ลงไปด้วย) ที่สำคัญที่สุดคือมันไม่มีตอนจบไม่รู้บทสรุป ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไรยังไง   คิดว่ามันคงเป็นความบันเทิงที่ได้ติดตามเรื่องราวแบบนั้น..เรื่องของคนอื่น มันน่าสนใจกว่า  เรื่องของเราช่างมันเถอะ อย่าไปใส่ใจเลยอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

ก่อนจะมีรายการพวกนี้เราก็ติดละครกันงอมแงมอยู่แล้วนี่ เราอ่านข่าวคาว (คาว นะ ไม่ใช่ คราว)ดารา ข่าวสารวงการบันเทิง ผมก็อ่านเหมือนคนทั่วไป มันผ่อนคลายเราได้ตรงไหน ลองคิดดู...มันช่วยได้ ช่วยให้เราเลิกสนใจเรื่องของตัวเองไง แล้วยังอินเทรนด์อีกด้วย

 

บางทีมันอาจเป็นการยากที่จะพึงพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง เราอาจเครียดเวลาที่จำเป็นต้องเฝ้าดูและพินิจพิเคราะห์ชีวิตของตัวเอง ก็เลยกลายเป็นว่าเรารู้จักคนอื่นมากกว่าตัวเราเสียอีก....เราอยากเห็นบทสรุป ของคนที่เราเชียร์ แล้วเราก็ได้เห็น มีครบทุกรสชาติของชีวิต มีรอยยิ้ม มีน้ำตา ...เราเอาใจช่วยคนคนนั้นตลอดมา เราอยากให้เค้าประสบผลสำเร็จแล้วเราก็จะดีใจไปกับเค้าด้วย ช่างมีความสุขเสียจริง เธอเยี่ยมมากเธอล่าฝันของเธอจนสำเร็จได้ We are The Champion.

 

ผมเคยได้ยินคำว่า "ตัวผู้รู้" มาบ้าง ผมซื้อหนังสือ "ฉลาดได้อีก" ของ ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ มาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่าน ตอนนี้ผมพยายามจินตนาการว่า ผมที่เป็นตัวผมกับผมที่เป็นตัวผู้รู้นั้นได้แยกออกจากกัน ผมอาจอธิบายหรือใช้คำได้ไม่ถูกต้องหรือลึกซึ้ง เอาเป็นว่าจากนี้ไป ผมจะพยายามติดตามรายการเรียลลิตี้รายการหนึ่ง ขอยืมคำว่านักล่าฝันมาใช้นิดส์นึงแล้วกัน เอ่อ...คือผมเป็นนักล่าฝันคนหนึ่ง รายการนี้ไม่มีคู่แข่ง มีแต่ภารกิจที่ต้องทำ มันต้องมีรางวัลด้วยสินะ ก็เป้าหมายไง สิ่งที่ผมต้องการ ความสำเร็จจากการพิชิตภารกิจต่างๆ จะมีรางวัลมีดังต่อไปนี้

ภารกิจที่  1.

ผมไม่รู้เลยว่าศาลอุทธรณ์จะตัดสินคดีของผมเมื่อไร ผมไม่รู้ว่าผมมีเวลานานแค่ไหนและผลการตัดสินจะเป็นอย่างไร ถ้าศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นนั่นหมายถึงโทษจำคุก 17 ปี  (บางทีผมอาจจะเล่ารายละเอียดให้ฟังวันหลัง) ถึงผมจะมั่นใจว่าผมไม่สมควรได้รับโทษอย่างที่ถูกกล่าวหาแต่โดยหลักการ หน้าที่นี้เป็นของทนายและคนที่จะตัดสินก็ไม่ใช่ผม

- สิ่งที่ผมต้องทำคือ ทำชีวิตให้มีคุณค่า พิสูจน์ตัวเองด้วยความสำเร็จจากสติปัญญา จะว่าไปแล้วผมยังไม่เคยประสบความสำเร็จในด้านหน้าที่การงาน หรือด้านการเงินจริงๆเลยสักครั้ง แม้จะพยายามมาตลอด  อันที่จริงถ้านับเรื่องความรักด้วยแล้วก็...(พูดว่าไม่เคยทำอะไรสำเร็จเลยดี กว่ามั้ย)..แต่ตอนนี้ เพราะผมไม่รู้ว่าโอกาสมันอยู่ตรงไหน ผมจะรอก็ไม่ได้ ถ้าผมจะประสบความสำเร็จมันก็ต้องเป็นเวลานี้ ภายในปี 2554 ก่อนที่ผมจะโดนพิพากษาจากศาลอุทธรณ์ ผมจะต้องประสบความสำเร็จทั้งด้านธุรกิจและด้านการเงินในระดับหนึ่ง (ความรัก รอก่อนก็ได้) ผมเชื่อว่าความสำเร็จจะนำสิ่งดีๆ มาให้ และมันจะช่วยพิสูจน์อะไรบางอย่าง

รางวัล.......ความมั่นใจ  ความภูมิใจ  กำลังทรัพย์  กำลังใจ การให้เกียรติ

ภารกิจที่  2.

นีโอ ลูกชายของผมต้องอยู่สถานสงเคราะห์อย่างไม่มีกำหนด (รายละเอียดของคดีผมจะไม่เล่าตอนนี้) บางทีนี่อาจเป็นกรณีศึกษา ศึกษาอะไร? ก็ศึกษาว่า สถานสงเคราะห์เด็ก นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา องค์กรพิทักษ์สิทธิเด็ก มูลนิธิเด็ก ตัวบทกฎหมายและอะไรๆ ที่เกี่ยวกับเด็ก ของเราทำงานได้มีประสิทธิภาพครอบคลุมความยุติธรรมสมเหตุสมผล เป็นประโยชน์ต่อตัวเด็กที่สุดแล้ว..แน่ใจเหรอ ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าการจะพิสูจน์ว่าใครสมควรได้ดูแลเด็กมากกว่า กันระหว่างคนที่เอามาทิ้งแล้วบอกชาวบ้านว่าเด็กตายแล้วกับพ่อแท้ๆ ที่ตามหาและพร้อมจะเลี้ยงดูด้วยความรักมันตัดสินยากนักเหรอว่าเด็กควรอยู่ กับใคร รวมถึงสถานสงเคราะห์ที่มีพี่เลี้ยง 1 คนที่ต้องรับผิดชอบดูแลเด็ก 20 คน เด็กต้องเป็นหวัดปีละหลายๆ ครั้ง มีรอยมดกัดทั้งแขนขา หน้าตา ทั่วตัว แทบทั้งวันอยู่แต่ในเตียงเหล็กลูกกรงสมองถูกกดทับปิดกั้นการเรียนรู้ มันดีต่อตัวเด็กที่สุดงั้นเหรอ เด็กจะไม่โตไปกว่านี้แล้วรึไง มีใครเคยอ่าน "รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว" บ้างมั้ย สถานสงเคราะห์คือคำตอบที่ดีที่สุด? อย่าให้ผมพูดเลยว่าผมถูกปฎิบัติด้วยยังไง

- มันจะเป็นยังไง...ผมก็จะได้เลี้ยงดูให้ความรักความอบอุ่นกับลูกผมนะสิ นีโอไม่ใช่เด็กกำพร้า คนเหล่านั้นใช้ประโยชน์จากชีวิตเค้า เอาเปรียบเค้า ทำร้ายเค้า ถึงตอนนี้ นีโอ อายุ 1 ขวบ 3 เดือน 17 วัน นับวันศักยภาพของเขาในการเรียนรู้ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เขาคือศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมด แต่เขาไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือเราทุกคนที่วิเคราะห์อย่างหลงประเด็นและเห็นแก่ตัวอย่างไร้สติผล เสียไม่ได้เกิดกับพวกคุณ คุณที่ทำงานของคุณตามปกติดูแลสถานสงเคราะห์คุณไป คุณที่ยังใช้ชีวิตตามปกติไปเรียนหนังสือมีคนรักใหม่ คุณคิดว่าเขายังไม่รู้อะไร คุณเอาอะไรคิด  เด็กควรจะได้รับผลกระทบที่เบาบางกว่านี้ ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อเขา ผมจะต่อสู้ด้วยแนวทางอันดีงามในทุกวิถีทางให้เราได้อยู่ด้วยกัน

รางวัล....... นีโอ ลูกชายของผมจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้ความรักอย่างดีที่สุด เขาจะได้รับการศึกษาและเติบใหญ่เป็นคนที่มีค่าของสังคม

ภารกิจที่ 3 ภารกิจสุดท้าย 

อย่างที่รู้หากผมไม่ทำอะไรกับชีวิตและปล่อยชีวิตให้ เป็นไปตามกรรม หากผมเชื่อว่าชีวิตผมถูกขึงตรึงและกำหนดไว้โดยโซ่ตรวนแห่งพรหมลิขิตไม่มี สิทธิ์ที่จะเลือกหนทางของตัวเอง ผมจะเคว้งคว้างและสิ้นหวังและไม่อาจทนอยู่ได้บนโลกนี้ แม้ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง จะลงเอยแบบไหน แต่การยอมแพ้ต่อโชคชะตา ยอมจำนนต่อปัญหา เป็นสิ่งที่ไม่อาจทำใจยอมรับได้สำหรับผม

- ธรรมะ จะให้ความสมดุลต่อจิตวิญญาณของเรา ทุกสิ่งมีเหตุมีปัจจัยเสมอ ผมต้องพัฒนาตัวเอง ในทุกด้าน ด้วยการศึกษาเรียนรู้และปฎิบัติ ผมต้องพึ่งพาอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ ผมจะยึดเหนี่ยวคำสอน และสัจจะอันล้ำค่าให้ประทับไว้ในหัวใจ ในจิตวิญญาณ ผมรู้สึกว่าผมจะทำได้

แล้ว รางวัลอันยิ่งใหญ่ที่ผมจะได้รับก็คือ อิสรภาพ

 

ผมเตรียมตัว มานานพอสมควร และตอนนี้ ก็ได้เวลาเริ่มต้นออกอากาศแล้ว

ผมที่เป็นคนดู น่าจะสนุกไปกับมัน

หมายเลขบันทึก: 392096เขียนเมื่อ 8 กันยายน 2010 10:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:30 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท