พราหมณ์พิธี พราหมณ์ชาคริต สอนวงษา
พราหมณ์พิธี รับประกอบพิธีพราหมณ์ พราหมณ์ชาคริต สอนวงษา

สังข์ สิ่งมงคลในพิธีพราหมณ์


สังข์ สิ่งมงคลในพิธีพราหมณ์

โดย ชาคริต

Copyright © 2010 All rights reserved by www.trisulidevalai.com

ตอนที่ 1

 


(ภาพ: สังข์ทักษิณาวัตร ขอนนี้ประดับพลอยลงยาราชาวดีอย่างธรรมดา)

ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พุทธฝ่ายมหายาน วัชระยาน หรือแม้แต่ศาสนาลัทธิบูชาเทพของชาวตะวันตก สังข์ถือเป็นสิ่งมงคล และได้ถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมต่างๆอยู่มากมาย และในวิถีชีวิตของคนไทยและในงานพระราชพิธีของหลวง สังข์เข้ามามีบทบาทอยู่หลายคราว เช่นในงานพิธีโกนจุก พิธีมงคลสมรส และพิธีพราหมณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับงานมงคล หรืองานพระราชพิธี เช่นพิธีโสกัณฑ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งพระมหาสังข์ถือเป็นสิ่งสำคัญและจัดเป็นหนึ่งในเครื่องราชูปโภค ดังนั้นสังข์ จึงเป็นสิ่งมงคลที่สำคัญและเข้ามามีบทบาทเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของสังคมไทย ในพิธีมงคลต่างๆ ตรีศุลี่จะเลือกใช้สังข์ที่เหมาะสมแก่การพิธีมงคลนั้นๆ ของลูกค้าเสมอเพราะสังข์ตามคติแล้วจะมีสังข์อยู่หลายประเภทหลายลักษณะมงคลที่จะเหมาะสมสำหรับงานบางพิธีเท่านั้น การใช้สังข์จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับพิธีการ จึงจะถูกต้อง

หอยสังข์ คืออะไร

หอยสังข์เป็นหอยทะเลตระกูลหอยทากชนิดหนึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร อยู่ในตระกูล Turbinella pyrum ซึ่งในปัจจุบันเป็นหอยที่หายากและมีจำนวนลดน้อยลงเนื่องด้วยความต้องการของตลาดและสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้หอยสังข์เจริญเติบโตได้ช้า โดยพบมากตามแถบชายฝั่งทะเลลึก ในมหาสมุทรอินเดีย สำหรับ สังข์ ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแล้ว หอยสังข์ที่ถือว่าเป็นหอยสังข์ที่จะใช้ในพิธีกรรมได้ต้องเป็นหอยสังข์ที่มาจากมหาสมุทรอินเดียและต้องเป็นสายพันธุ์จำเพาะเท่านั้น ในอีกแง่มุมหนึ่งนอกเหนือจากหอยสังข์เป็นสิ่งสำคัญในศาสนาแล้ว หอยสังข์ยังถือว่าเป็นอาหารที่มีรสชาติดีเยี่ยมเป็นอันดับสองรองจากหอยทากเอสคาโก้จากเบอร์กันดีของฝรั่งเศสเช่นกัน ดังนั้นหอยสังข์จึงถือว่าเป็นหอยในตระกูลที่หายากมากและถูกรัฐบาลอินเดียออกกฎระเบียบห้ามนำออกนอกประเทศแล้ว



(ภาพ: สังข์อุตราวัตร ส่วนตัว สำหรับงานพิธีมงคล ขอนนี้เป็นงานกะไหล่ทอง)

ตำนานสังข์ต่างๆที่ปรากฎในศาสนาพราหมณ์

แล้วสังข์ มีความสำคัญอย่างไรกับสังคมไทย สำหรับผู้เขียนแล้ว เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมที่ได้รับวัฒนธรรมและอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้น คติความเชื่อใน ส่งมงคลตามศาสนาพราหมณ์จึงได้เข้ามามีบทบาทในสังคมไทย ด้วยเหตุที่ว่า สังข์เป็นสิ่งมงคลตามคติของศาสนาที่คนไทยนับถือและตามตำนานแล้ว สังข์มีบทบาทเกี่ยวข้องกับพระวิษณุหรือพระนารายณ์อยู่หลายตำนานพอสมควร ตำนานแรกๆ ที่มีการกล่าวถึงตามตำนานของทางฝ่ายไทยคือในคราว พิธีกวนเกษียรสมุทร ของเหล่าเทวดาและอสูร ตามคติของพราหมณ์ไทยในครั้งนั้นได้กำเนิด สังข์ ในระหว่างพิธีซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กำเนิดขึ้นในระหว่างพิธีโดยมีทั้งสิ้น 14 ชนิด คือ
1. พระจันทร์ ซึ่งพระศิวะหยิบไปประดับไว้บนมุ่นมวยผม
2. เพชรเกาสตุภะ พระนารายณ์นำไปประดับพระอุระ(อก)
3. ดอกบัวลอยพร้อมพระลักษมี พระชายาของพระนารายณ์
4. วารุณี เทวีแห่งสุรา
5. ช้างเผือกเอราวัณ ซึ่งเป็นช้างทรงของพระอินทร์
6. ม้าอุจฉัยศรพ ซึ่งพระอาทิตย์นำไปเทียมราชรถ
7. ต้นปาริชาติ เป็นต้นไม้ทิพย์ที่มีกลิ่นหอมซึ่งถ้าใครได้กลิ่นก็จะสามารถระลึกชาติได้
8. โคสุรภี หรือ กามะเธนู ที่แปลว่า ผู้ให้ทุกอย่างตามที่ปรารถนา เป็นวัวตัวเมีย เหล่าเทวดาได้ยกให้พระวิสิษฐ์มุนี
9. หริธนู
10. สังข์
11. เทพีอัปสรสวรรค์ หรือนางฟ้าที่กำเนิดขึ้นมาเป็นล้านๆ องค์
12. ยาพิษ ในตำนานกล่าวว่าเหล่าพญานาคและงูได้มากินพิษจนทำให้งูและพญานาคมีพิษที่เขี้ยว และด้วยว่าพิษเหล่านี้มีจำนวนมาก และจะร่วงหล่นไปยังโลกมนุษย์ด้วยความรักของพระศิวะที่มีต่อมนุษย์ทำให้พระองค์ทรงดื่มพิษนั้นไว้ที่พระศอ จนทำให้พระศอขององค์พระศิวะมีสีดำสนิท
13. ธันวันตริ หรือ แพทย์ผู้รักษาของสวรรค์ซึ่งได้ทูนหม้อน้ำทิพย์หรือน้ำอมฤตขึ้นมาด้วย
14. น้ำอมฤต อันเป็นของวิเศษชิ้นสุดท้ายที่เหล่าเทพและอสูรต่างรอคอย แต่ก่อนที่ธันวันตริองค์นี้จะผุดขึ้นมา ทั้งเหล่าเทวดาและหมู่ยักษ์ต่างพากันแย่งของวิเศษที่ผุดขึ้นมาก่อนหน้านี้กันจ้าละหวั่น ยกเว้นอสุรเทวะ องค์หนึ่งคือ พระราหู ที่ไม่สนใจความวุ่นวายรอบข้างกลับรอคอยน้ำอมฤตอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อน้ำอมฤตลอยขึ้นมาพร้อมเทวะแพทย์แล้ว เหล่าเทวดาถือโอกาสดื่มน้ำอมฤตทันที พระราหูนั้นก็แปลงร่างเป็นเทพมาดื่มน้ำอมฤตด้วย แต่บังเอิญว่าพระจันทร์กับพระอาทิตย์ดันมาเห็นเข้าและไปฟ้องพระนารายณ์ พระองค์จึงทรงปล่อยจักรที่มีชื่อว่า “สุทรรศนะ” ตัดกายพระราหูขาดเป็นสองท่อน แต่เนื่องจากพระราหูได้ดื่มน้ำอมฤตไปแล้วเลยไม่ตาย ท่อนล่างที่ถูกตัดขาดไปได้กลายเป็นอสุรอีกตน คือ พระเกตุ ผู้เป็นใหญ่ในเทพนพเคราะห์ จึงเป็นเหตุตำนานว่าเหตุใดจึงปรากฎเหตุการณ์ จันทรคราสหรือสุริยะคราส อยู่เนืองๆ

ตำนานสังข์ เรื่องที่ 2

มีตำนานเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับพระนารายณ์อีกเช่นกัน คือมียักษ์ตนหนึ่งชื่อว่า สังข์อสูร ยักษ์ตนนี้ได้ขอเข้าเฝ้าพระพรหม ในขณะที่พระพรหมทรงบรรทมหลับอยู่ปรากฏว่ามีพระเวท มันตราต่าง ๆ ไหลออกมาจากพระโอษฐ์ สังข์อสูรจึงมีความคิดที่จะอยากได้พระเวทเหล่านั้นมาครอบครองและเพื่อไม่ให้พวกพราหมณ์มีพระเวทเป็นเครื่องสวดอ้อนวอนขอพรจากพระพรหมและเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ได้อีก จึงได้ขโมยเอาพระเวทต่าง ๆที่ไหลออกมานั้นไปแต่ในขณะนั้นพระนารายณ์เป็นเจ้าได้รับรู้ถึงการกระทำของสังข์อสูร จึงติดตามไปเพื่อจะเอาพระเวทกลับคืน เมื่อสังข์อสูรเห็นพระนารายณ์ติดตามมาจนจวนตัวแล้วจึงตัดสินใจกลืนพระเวททั้งหมดลงไปไว้ในท้องของตน แล้วกระโดดลงไปในมหาสมุทร พระนารายณ์จึงได้เนรมิตร่างของพระองค์เป็นปลาใหญ่ ค้นหาสังข์อสูร ในที่สุดพระนารายณ์ก็จับตัวสังข์อสูรเอาไว้ได้ แล้วจึงทวงถามเอาพระเวทคืน แต่สังข์อสูรกลับไม่ยอมเจรจาโต้ตอบแต่ประการใดได้แต่นิ่งเฉยอยู่ พระนารายณ์จึงได้เอาพระหัตถ์บีบที่ปากของสังข์อสูรและทรงเอาพระหัตถ์ล้วงเข้าไปในท้องของสังข์อสูรแล้วทรงเอาพระเวทออกมาได้ทั้งหมดแล้วจึงได้ทรงสาปสังข์อสูรนั้นว่า ขอให้จงมีสภาพ ร่างกายเป็นอย่างนี้และจงอยู่แต่ในน้ำสืบไป อย่าได้ขึ้นมาบนบกอีกต่อไปเลย เมื่อเหล่ามนุษย์จะทำการมงคลใด ๆ จึงค่อยมาจับเอาตัวเจ้าไปร่วมในงานพิธีมงคลนั้น เมื่อทรงสาปแล้วได้ทรงทิ้งร่างของสังข์อสูรลงใต้พื้นมหาสมุทรทันที ดังนั้นหอยสังข์จึงได้มีร่องรอยนิ้วพระหัตถ์ของพระนารายณ์ปรากฏอยู่ที่บริเวณปากของหอยสังข์ ดังนั้นสังข์จึงกลายเป็นสิ่งมงคลที่พระเป็นเจ้าได้ประทานไว้ โดยมีคติเชื่อกันว่า สังข์เคยเป็นที่เก็บพระเวทจึงมีความมงคลอย่างสูงสุด ครั้นเมื่อถึงเวลาจะประกอบพิธีมงคลใดก็ตามจึงมีการนำหอยสังข์มาเข้าร่วมอยู่ในงานพิธีมงคลอยู่เสมอ

จบตอนที่ 1

Copyright © 2010 www.trisulidevalai.com
หมายเลขบันทึก: 391605เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2010 15:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 12:50 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท