idea ปิ๊งแว้ป ยังไม่ได้เรียบเรียงนะคะ
- เน้นสหสาขา ไม่ทำงานแยกแต่เฉพาะทันตบุคคลากร (multidisciplinary team) เน้นการทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้สูงอายุ
- พยายามรวมนโยบายหรือแผนงานเรื่องสุขภาพช่องปากเข้าไปกับแผนการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีอยู่แล้วหรือที่กำลังจะเกิดขึ้น ศึกษานโยบายและแผนงานที่มีอยู่แล้วแล้วหาทาง inject งานสุขภาพช่องปากเข้าไปร่วมด้วย (เริ่มที่ มส.ผส. แล้วต่อไปได้ทั้ง network)
- ครอบคลุมงานส่งเสริมป้องกันและการรักษา (งานส่งเสริมป้องกันไม่ใช่แค่ prevention ที่ทำโดยบุคคลากรสาธารณสุขในรูปแบบของ clinical treatment เช่น การใช้ topical fluoride แต่เป็นงาน health promotion ที่จัดการกับ determinants ในชุมชน โดยใช้หลัก common risk factors จัดการกับ อาหาร สุรา ยาสูบ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ/ทางสังคมที่เอื้อหรือขัดขวางกับพฤติกรรมการดูแลความสะอาดช่องปาก และ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ/ทางสังคมที่เอื้อหรือขัดขวางการเข้าถึงบริการทันตกรรม)
- ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากรของผู้สูงอายุ ทั้งที่ยังแข็งแรงดี มีโรคเรื้อรังแต่ยังดูแลตนเองได้ และกลุ่ม long-term care ที่ต้องการความช่วยเหลือระดับต่างๆ ถ้าทางแพทย์และพยาบาลรุกถึง palliative care, respite care ก็ควรมีทีมงานทันตกรรมร่วมด้วย
- มีทั้งระบบตั้งรับที่สถานบริการ และ การเยี่ยมบ้านเชิงรุก
- ไม่ยัดเยียดแต่พร้อมเสมอที่จะอยู่ดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชน ไม่ว่าจะทำอะไร ให้ระลึกเสมอว่าเราทำไปเพื่อ "คุณภาพชีวิต" ของผู้สูงอายุ ไม่ได้ทำไปเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ไม่ได้ทำไปเพื่อสุขภาพที่ดี เพราะไม่ว่าจะสุขภาพช่องปากหรือสุขภาพ มันก็เป็นเพียงเครื่องมือที่จะทำให้คนเรามีคุณภาพชีวิตที่ดี มันเป็นทางผ่านที่จะนำพาไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ต้อง perfect แต่มีความสุข ไม่เจ็บไม่ติดเชื้อ ต้องนึกถึงความพึงพอใจและพอเพียงเสมอ
- ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องไม่เพียงแต่ "รอให้ผู้ป่วยมาหา" ถ้าเรารอให้ผู้ป่วยมาหา เราก็ต้องพยายามให้เค้าเห็นความสำคัญของสุขภาพช่องปาก ซึ่งเค้าอาจจะไม่เห็น หรือเห็นแต่ว่าไม่สามารถสู้รบกับปัจจัยต่างๆรอบตัวได้ เราต่างหากที่ต้องจัดระบบเฝ้าระวัง ให้มี annual check-up แบบเชิงรุก งานนี้ทำได้แน่ถ้าจัดระบบเยี่ยมบ้านที่ดี (ซึ่งมีแผนแห่งชาติเรื่อง home health care อยู่แล้ว) การตรวจทำได้ง่ายๆโดยใช้เครื่องมือ screen เช่น Oral Health Assessment Tool (OHAT) ที่ทำมาเผื่อตรวจผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ทำได้โดยไม่ต้องใช้ทันตแพทย์ พยาบาล อสม. หรือ บุคคลากรสาธารณสุขเช่นนักกายภาพ นักกิจกรรมบำบัดสามารถใช้เครื่องมือนี้ได้เช่นกัน
- ระบบเบิกจ่ายต้องคลอบคลุมงานเยี่ยมบ้าน ต้องทำ fee guide ของงานผู้สูงอายุให้ครบลักษณะงานที่จะทำและ define role and responsibility งานทันตสาธารณสุขให้ชัดว่าใครจะทำงาน clinical prevention เช่น ทา topical fluoride ได้บ้าง ในหลายประเทศแพทย์ พยาบาล หรือ ผู้ช่วยทันตแพทย์ ทำได้
- ส่วนงานบริการใน clinical setting นั้นต้องมีเครื่องมือ transfer ผู้ป่วย หรือมีเจ้าหน้าที่ที่รู้เทคนิกการอุ้มและ transfer ผู้ป่วยอย่างถูกต้อง ประตูต้องกว้างพอสำหรับรถเข็นเข้า ทางลาดให้รถเข็นหรือเตียงเข้าออกได้
- คิดค้นนวัตกรรมที่จะมาช่วยงานผู้สูงอายุโดยที่ไม่ต้องนำเข้าวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศเช่น transfer lift, เครื่องกรอ portable ที่เล็กกว่า mobile unit ปัจจุบัน, portable x-ray machine แบบมือถือ, ระบบ online dental chart and database สำหรับงาน domicillary, saliva substitute, fluoride 5000ppm, non-alcohol NaF rinse, foam mouth prop, fluoride vanish, average valued articulator, home health care dental product ต่างๆ ที่ใช้ในผู้สูงอายุและคนไข้มะเร็ง ฯลฯ
- จัดระบบขนส่งที่คล้ายกับระบบ HandyDart รับส่งผู้สูงอายุและผู้พิการ อาจจะทำในรูปแบบสหกรณ์ก็ได้ โดยขอบริจาครถที่สามารถให้รถเข็นขึ้นได้
- ทำงานทั้งหมดอาจไม่ต้องพึ่งงบประมาณแผ่นดินเสมอ ให้ใช้หลัก social business ของ Prof. Yunus ทำโครงการเหมือนงาน eye care ที่บังคลาเทศก็ได้
- งานทั้งหมดทันตแพทย์ GP ทำได้ บุคลากรสาธารณสุขหลายสาขาต้องช่วยกัน เน้นที่ ฝ่ายเวช พยาบาล กายภาพ กิจกรรมบำบัด แพทย์ อสม และ อบต. ต้องลงมารับรู้และมีส่วนร่วม
- ทำงานต้องใช้หลัก evidence-based ต้องมี ethical consideration ให้มากในประชากรกลุ่มนี้
- ทำงานให้ sustainable อย่าให้เป็นพายุพัดผ่านมาแล้วก็จากหายไป