คนพาลกับบัณฑิต


คบคนดี

๔. อัจจยสูตร ว่าด้วยคนพาลและบัณฑิต (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๒๓)

[๙๕๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม

ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.

ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุสองรูปโต้เถียงกัน ในการโต้เถียงกันนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง

ได้พูดล่วงเกิน.

ครั้งนั้นแล ภิกษุผู้พูดล่วงเกินนั้นแสดงโทษโดยความเป็นโทษ (รับผิดและ

ขอโทษ) ในสำนักของภิกษุนั้น ภิกษุนั้นไม่รับ.

[๙๕๓] ครั้งนั้นแล ภิกษุเป็นอันมาก พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า

ได้ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่งอยู่ ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง เมื่อนั่ง ณ ที่ควร

ส่วนหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอ

ประทานพระวโรกาส ภิกษุสองรูปได้เถียงกัน ในการโต้เถียงกันนั้น ภิกษุรูปหนึ่งได้

พูดล่วงเกิน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ลำดับนั้น ภิกษุผู้พูดล่วงเกินแสดงโทษโดยความ

เป็นโทษในสำนักของภิกษุนั้น ภิกษุนั้นไม่รับ พระพุทธเจ้าข้า.

[๙๕๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลมี ๒ จำพวก

นี้ คือ ผู้ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ . ผู้ไม่รับตามสมควรแก่ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดง

โทษ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลมี ๒ จำพวกนี้แล.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัณฑิตมี ๒ จำพวกนี้ คือผู้เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑

ผู้รับตามสมควรแก่ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัณฑิตมี ๒

จำพวกนี้แล.

[๙๕๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ท้าวสักกะจอมเทพ เมื่อจะ

ทรงยังเทวดาชั้นดาวดึงส์ให้พลอยยินดี ณ สุธรรมาสภา จึงได้ตรัสพระคาถานี้ในเวลา

นั้นว่า

ขอความโกรธ จงอยู่ในอำนาจ

ของท่านทั้งหลาย ขอความเสื่อมคลายใน

มิตรธรรม อย่าได้เกิดมีแก่ท่านทั้งหลาย

ท่านทั้งหลาย อย่าได้ติเตียนผู้ที่ไม่ควร

ติเตียน และอย่าได้พูดคำส่อเสียดเลย

ก็ความโกรธ เปรียบปานดังภูเขา ย่อมย่ำยี

คนลามก.

อรรถกถาอัจจยสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในอัจจยสูตรที่ ๔ ต่อไปนี้ :-

บทว่า สมฺปโยเชสุ แปลว่า ทะเลาะกัน. บทว่า อจฺจสรา ได้แก่ ล่วงเกิน.

อธิบายว่า ภิกษุรูปหนึ่ง ได้กล่าวคำล่วงเกินภิกษุรูปหนึ่ง. บทว่า ยถาธมฺมํ น ปฏิคฺ

คณฺหาติ ได้แก่ ไม่ยกโทษ. บทว่า โกโธ โววสมายาตุ ท่านแสดงว่า ความโกรธ

จงมาสู่อำนาจของพวกท่าน พวกท่าน อย่าไปสู่อำนาจของความโกรธ. คำว่า หิ

ในบทนี้ว่า มา จ มิตฺเต หิ โว ชรา เป็นเพียงนิบาต. ความเสื่อมในมิตรธรรม อย่า

เกิดแก่พวกท่าน. อีกอย่างหนึ่ง ตติยาวิภัตติลงในอรรถแห่งสัตตมีวิภัตติ. อธิบาย

ว่า ความเสื่อมในมิตรธรรมอย่าเกิดแล้ว คือว่าความเป็นโดยประการอื่นจากความ

เป็นมิตรจงอย่ามี. บทว่า อครหิยํ มา ครหิตฺถ ความว่า อย่าติเตียนผู้ไม่ควรติเตียน

คือบุคคลผู้เป็นขีณาสพ.

จบอรรถกถาอัจจยสูตรที่ ๔

หมายเลขบันทึก: 390922เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2010 00:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท