บนรถไฟไปสู่ชายแดน ชั้นสองนอนปรับอากาศ
ชายสองคนมาด้วยกัน เขาจองเตียงนอนล่างทั้งคู่ เมื่อจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อย ต่างก็นั่งที่ของตัวเอง คนหนึ่งหยิบหนังสือมาอ่าน อีกคนหยิบคอมพิวเตอร์มาทำงาน
ครู่ใหญ่ต่อมา ฝรั่งสองคนผัวเมียขึ้นมา และยืนอยู่ตรงที่นั่งบริเวณที่ชายสองคนนั้นนั่ง เขาทั้งสองคงได้ที่นอนชั้นบน เก้าอี้นั่งของเขาจึงต้องแยกคู่กับไปนั่งฝั่งตรงข้ามของชายทั้งสอง
ชายหญิงฝรั่งคู่นั้นคุยกันเล็กน้อย แล้วต่างก็แยกนั่งในที่ของตน ขณะที่ชายทั้งสองก็ยังคงสนใจสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ต่อไป
เมื่อรถไฟออกจากสถานีต้นทางแล้ว พนักงานขายอาหารได้มาถามฝรั่งคู่นี้ ซึ่งได้สั่งอาหารไป พนักงานขออนุญาตชายคนที่หนึ่งจัดโต็ะให้ชายฝรั่งทานอาหาร ซึ่งได้รับอนุญาต
ชายฝรั่งทานเบียร์ก่อนอาหาร เมื่ออาหารมาถึง พนักงานขออนุญาตชายคนที่สองจัดโต๊ะอาหารให้ฝรั่งผู้หญิง และก็ไดรับอนุญาต
ฝรั่งทั้งสองนั่งทานอาหารแยกโต๊ะกัน ขณะที่ชายทั้งสองก็ยังคงสนใจสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ต่อไป
....
เรื่องนี้เล่าให้ใครฟัง คนไทยทั้งหลายก็จะว่าชายไทยคู่นั้นทำไมไม่มีใจเอื้ออารีนะ
....
ฝรั่งคู่นั้นเที่ยวเมืองไทยมาหลายวันแล้ว ดูดดื่ม ซาบซึ้ง ชื่นชมน้ำใจของคนไทยมามาก ก็คงคิดว่า ทำไมชายคู่นี้จึงเป็นแบบนี้นะ
....
ถ้าฝรั่งคู่นี้เพิ่งมาถึงเมืองไทย เขาก็คงคิดว่า คนไทยนี่ก็เหมือนกับเขานะ ที่รู้จักรักษาสิทธิ และไม่ล่วงเกินก้าวก่ายเรื่องของผู้อื่นถ้าไม่ได้ร้องขอ
....
muticuture ?!?!
สวัสดีค่ะ
การรักษาสิทธิ บางทีก็สวนทางกับความมีน้ำใจนะคะ
ขอบคุณค่ะที่แวะไปแสดงความเห็นไว้ในบล็อคค่ะ
ที่เขียนนี่ เป็นเรื่องเศร้าของคนในสังคมเดี๋ยวนี้ครับ
ระยะหลังนี้ (คงนับถอยหลังไปประมาณกว่า ๑๐ ปี)
เราถูกพร่ำสอนเรื่องสิทธิกันมาก
ทุกคนมีสิทธิ
ทุกคนขีดเส้นวงของตัวเอง
ทุกคนรักษาสิทธิ
ทุกคนป้องกันไม่ให้คนอื่นล่วงเกินเข้ามาในเส้นวงที่ตัวเองขีดไว้
เดิมคนเอเชีย
เราเปิดใจกว้าง
คอยมองรอบตัวว่าใครต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า
คอยมองตัวเองว่าได้ทำหน้าที่ของตนบกพร่องหรือเปล่า
เราถูกพร่ำสอนเรื่องหน้าที่
หน้าที่ ที่มนุษย์พึงมีต่อกัน
หน้าที่ ที่มนุษย์ควรมีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ตอนนี้เราเลือกสอนเรื่องสิทธิ
เราเลือกไม่สอนเรื่องหน้าที่
เราเลือกที่จะช่วยตัวเอง (อย่างโดดเดี่ยว)
เราไม่ต้องการการช่วยกันโอบอุ้มกัน
ที่จริง คนที่คิดได้อย่างถูกต้องมีมาก
เราน่าจะช่วยกันเปลี่ยนวิธีคิด นะครับ
ควรรักษาสิทธิตนเคารพสิทธิด้วยนะครับ