ในช่วงเวลาที่ดิฉันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษา เป็นช่วงเวลาที่ดิฉันต้องการความเป็นอิสระในทุกๆเรื่อง เช่น ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ อยากทำในสิ่งที่อยากจะทำ โดยที่ไม่มีใครคอยห้ามปราม และพอพ่อแม่ด่าว่ากล่าวตักเตือน ก็อยากไปให้พ้นๆจากบ้าน อยากที่จะไปอยู่ตามลำพังโดยที่ไม่มีใครคอยบ่นเราอยู่
แต่มาถึงบัดนี้ดิฉันรู้แล้วว่าการที่พ่อแม่ท่านตักเตือนอะไรเราไปนั้นท่านหวังดีกับเราทุกอย่าง ท่านมีแต่สิ่งที่ดีๆให้กับลูก ท่านมีแต่ให้ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าลูกจะดื้อขนาดไหน ไม่ว่าลูกจะทำตัวไม่ดีอย่างไร แต่มีคนๆเดียวที่ให้อภัยและยอมรับฟังในทุกๆเรื่องในยามที่ลูกมีปัญหาเสมอ.............พ่อแม่
มาจนถึงทุกวันนี้ดิฉันรู้สึกเหงาที่ต้องห่างจากอ้อมกอดของพ่อแม่ และความคิดเดิมๆที่อยากอยู่อย่างอิสระก็ค่อยๆเลือนหายไป บอกได้คำเดียวว่าอยากอยู่กับพ่อแม่มากกว่า และที่สำคัญก็คือจะไม่นึกถึงความสนุกสนานเหมือนเมื่อก่อน แต่จะนึกถึงความหวังที่พ่อกับแม่ท่านตั้งความหวังในตัวของดิฉัน คงจะเป็นเพราะการได้อยู่ห่างจากพ่อแม่จึงทำให้ดิฉันคิดได้ว่า......เราควรทำเพื่อคนที่เรารัก ใช่........ทำในสิ่งที่อยากจะทำ
พ่อแม่ท่านคอยเลี้ยงดูเรามาเป็นอย่างดี ทำไม...เราจะทำอะไรเพื่อท่านบ้างไม่ได้ล่ะ
ดีมากครับที่คิดและทำในทางที่ดีได้ พี่เองก็เคยใช้ชีวิตช่วงเรียนมหาวิทยาลัยแบบหลุดโลกเลย กว่าจะกลับมาได้ก็เสียเวลาไปหลายปีจงทำทุกๆวันของน้องให้ดีที่สุด เชื่อฟังพ่่อเม่แล้วจะประสบผลสำเร็จในชีวิตครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่แล้วแหละ
เคยมั๊ยที่ท่านโทรหาเราทุกวันแค่ต้องการฟังเสียงเราโดยไม่
คำนึงว่าคำที่เราพูดนั้นเราก็พูดไปแล้วเมื่อวาน
และเราไม่ต้องเตรียมคำพูดสละสลวย เพื่อให้ท่านฟังแล้วประทับใจ
แค่ท่านได่ยินเสียงเราท่านก็พอใจแล้ว
คิดเหมือนกันเลย น้องเองก็รู้อยากกลับบ้าน
ที่บ้านให้ความอิสระอะไรมากมาย
อาจจะโดนพ่อแม่ว่ากล่าวบ้าง แต่ก็ดีนะเราจะได้ไม่นอกกรอบเกินไป
เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ
ความกตัญญู เป็นเครื่องหมายแห่งความดีครับ
คนเราที่ขึ้นชื่อว่า...ลูก ก็รักพ่อเเม่อยู่เสมอ
ไม่มีคนไหนที่ไม่รักพ่อแม่ของตัวเอง
สู้ๆสู้ๆ น่ะ...คนดี