ให้สมาชิกเปลี่ยนเสื้อเพื่อจำได้ง่ายค่ะ พวกเรานั่งคอยที่อิมแพคก่อนออกรถ ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า
เมื่อไปถึงคลองโคน สมุทรสงครามก็นั่งเรือเล็กๆไปที่กลางทะเลโดยไปทานอาหารกลางวันที่กลางทะเล
เรือลำเล็กของดิฉันน้ำเข้าตลอดทำให้เดินทางช้ามากๆ ไปถึงกลางทะเลต้องปีนขึ้นไปอาคารที่สร้างด้วยไม้ไผ่(กระเตง) สูงและชันมากมาก
ปีนขึ้นมาด้วยความเหนื่อยยาก พื้นยังเป็นร่องไม้ไผ่ทำให้นั่งเจ็บก้นมากๆ
พวกเรากำลังทานอาหารด้วยความหิวเพราะอยู่กลางทะเล คุณชัยณรงค์กินได้แต่เงาะเพราะแพ้อาหารทะเล หลังทานเสร็จต้องคอยกลุ่มอื่นๆมาผลัดกันทานอาหาร
หลังทานอาหารก็นั่งเรือเล็กกลับมาปลูกป่าชายเลนโดยมีคนเอากล้าไม่มาให้
คนแก่ไม่ยอมลงปลูกแต่ให้กำลังใจน้องๆปลูกไปก่อน
นั่งเรือเล็กเดินทางกลับ หลังจากปลูกป่า ระหว่างรอพักพวกในทะเลก็ทานอาหารว่างและดูบรรยากาศที่ท่าเรือ ดิฉันซื้อกะปิคลองโคนมาฝากเด็กพม่าที่บ้าน ชิมดูแล้วก็รู้สึกอร่อยมาก
รูปสมเด็จพระเทพที่เสด็จที่คลองโคนค่ะ
เรากลับบ้านประมาณเกือบทุ่มค่ะ เป็นบรรยากาศที่ดิฉันไม่ค่อยได้สัมผัสเพราะมีคนหลากหลายที่ไม่รู้จักกันแต่ไปเที่ยวด้วยกัน คุยกันสนุกดีค่ะ
![]() |
||
|
สมัยก่อนพื้นที่ป่าชายเลนบ้านคลองโคนถูกบุกรุกทำลาย
จนหมดสภาพพื้นที่ป่าชายเลน เพื่อนำพื้นที่มาทำนากุ้ง และทำประโยชน์อื่นๆจนกระทั่งความอุดมสมบูรณ์ของ ทรัพยากรทางทะเลใกล้ชายฝั่งได้สูญเสียไป อาหาร ประเภทสัตว์น้ำทางทะเลก็สูญหายไป อาชีพทางการ ประมงก็ไม่สามารถเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดได้ จึงทำให้ ประชากรในพื้นที่ ที่อยู่ในวัยทำงาน ต้องแยกย้ายไป ประกอบอาชีพที่อื่น ต่อมาในปี พ.ศ.2534 ชาวบ้านใน พื้นที่โดยการนำของผู้ใหญ่ชงค์ จึงได้มีความคิด ปลูกป่าชายเลน เพื่อฟื้นฟูสภาพความอุดมสมบูรณ์ของ พื้นที่ป่าชายเลนให้กลับมา เพื่อให้มีความอุดมสมบูรณ์ เหมือนแต่กาลก่อนแรกๆทดลองปลูกป่าชายเลนในช่วง |
|
3 ปีแรก ก็ไม่ประสบความสำเร็จเจอกับปัญหาสารพัด ทั้งการคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่จะปลูก การอยู่รอดหลังปลูกและความไม่ร่วม มือของบางคนต่อมาก็มีหน่วยงานรัฐเริ่มเห็นความสำคัญโดยเฉพาะเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพฯที่ทรงเห็น ความสำคัญของการปลูกป่าชายเลนที่นี่ จึงได้เสด็จมาทรงปลูกป่าชายเลนที่นี่ด้วยพระองค์เองในปี พ.ศ. 2540 , 2541 2542 , 2545 และ 2547 จนปัจจุบันพื้นที่ป่าชายเลนของบ้านคลองโคนกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง เกิดมีสัตว์น้ำชายฝั่ง มากมาย ทำให้เกิดมีอาชีพทางการประมงของคนในพื้นที่ที่สามารถเลี้ยงชีวิตได้อย่างพอเพียง แรงงานที่ต้องย้ายไปทำงาน ที่อื่นก็กลับมาทำมาหากินที่บ้านเกิด ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน ชาวบ้านในพื้นที่มีอาชีพหลากหลายที่จะเลี้ยงตัวเอง บางส่วนก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มอาชีพตามความถนัด เช่นกลุ่มชาวเรือกลุ่มทำอาหาร กลุ่มกระเตง(บ้านพักกลางทะเลที่เฝ้าฟาร์ม หอย)เป็นต้นเมื่อมีการทำกิจกรรมเป็นกิจลักษณะขึ้นมาก็เกิดมีการจัดเที่ยวเชิงอนุรักษ์ขึ้นมาที่นี่เมื่อมีการมาเที่ยวส่วนใหญ่มัก ต้องการเที่ยว และค้างคืนบนกระเตงกลางทะเล ทางผู้ใหญ่ชงค์จึงได้ดำเนินการให้มีโฮมสเตย์กลางทะเลขึ้นมาในชื่อว่า ผู้ใหญ่ชงค์ โฮมสเตย์ เพื่อตอบสนองกลุ่มนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบที่ต้องการมาสัมผัสกับกิจกรรมดีๆซึ่งมีมากมายของที่นี่และ ที่สำคัญเราเน้นความเป็นธรรมชาติ เที่ยวแบบมีประโยชน์ได้ทั้งความสนุกสาระความรู้และความรู้สึกดีๆที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์ ธรรมชาติให้ยั่งยืนชั่วลูกชั่วหลานตลอดไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ |
ส่วนภาพนี้ไปเที่ยวเขาใหญ่เมื่อ23-25กค.หลังจากเที่ยวคลองโคนค่ะ
ถ่ายที่หน้าโรงแรม
คุณชัยณรงค์เลือกโรงแรมที่ติดเชิงเขา คนค่อนข้างน้อยค่ะ
ดิฉันให้สามีมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหลังทานอาหาร
นั่งทานอาหารเย็นและเช้าที่โรงแรมโดยชมสระว่ายน้ำที่อยู่ใกล้ภูเขาระหว่างทานอาหารค่ะ
ไปเที่ยวสวนไวน์ PB winery Khoyai winery ?ตามคำแนะนำของเด็กที่ดูแลอาหารเช้าค่ะ
คนในสวนพาเที่ยวไร่องุ่นที่ปลูกทำไวน์
บรรยากาศในสวนสีขาวคืออาคารพักของแขกที่ทดลองออกแบบแปลกๆค่ะ
ห้องทำไวน์
ถ่ายกับเจ้าของไร่ซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของเบียร์ตราสิงห์ ( ปิยะ ภิรมย์ภักดี ?? )หลังจากดิฉันชิมไวน์ไป4แก้วๆละ1ชนิดก่อนมาเลือกซื้อไวน์และน้ำองุ่น
พาคุณชัยณรงค์มาเที่ยวฟาร์มโชคชัยที่มวกเหล็กหลังออกจากรีสอร์ทค่ะ ช่วงนี้เป็นการแสดงของสัตว์เช่นสุนัข นก ซึ่งน่ารักดีค่ะ
ดิฉันมาที่ฟาร์มเป็นครั้งที่3ค่ะ
ข้อเตือนใจของผู้สูงอายุที่มาเที่ยว
ก่อนมาดิฉันตั้งใจจะไปเดินป่าเพราะนึกถึงสมัยยังสาวๆที่มากับเพื่อนๆเมื่อ40ปีก่อน
มาครั้งนี้คุณชัยณรงค์ไม่ยอมไปเดินป่า ดูน้ำตกหรือส่องสัตว์เพราะไม่ชอบ แต่ยอมขับรถไปวังน้ำเขียวเพื่อซื้อผัก
ดิฉันอยากดูน้ำตก ส่องสัตว์ แต่สามีบอกว่า แก่แล้วเดินไม่ไหวหรอก
ดิฉันเที่ยวไปดูจิตไปเพราะขัดใจสามีมากเพราะอยากดูน้ำตกและสัตว์ป่าเนื่องจากยังจำได้ว่าเคยทำได้
สามีบอกว่าสัตว์อยู่ดีๆ คนไปยุ่งกับเขาทำไม ( ก็คงจริงนะคะเพราะคนมันวุ่นวายชอบทำให้ธรรมชาติเสียหาย )
ครั้งต่อไปคงต้องตกลงกันก่อนเดินทางว่าจะไปที่ใหนกันบ้าง
ตัวเองคงต้องดูสุขภาพว่ายังไหว เพราะกลับจากคลองโคน รู้สึกเคล็ดที่ข้อสะโพกเนื่องจากต้องปีนและยกขาสูงค่ะ ยังโชคดีที่ยืดเหยียดบ่อยๆทำให้ไม่ปวดเมื่อยมากค่ะ
ออกจากห้องไวน์ สงสัยเดินโซเซเลยนะครับ
ตามมาทักทายก่อนครับคุณหมอ สบายดีนะครับ
ขอบคุณที่อาจารย์ทั้งสองมาเยี่ยมค่ะ
มึนๆเหมือนกันค่ะ คนขายบอกว่าได้กำไรเพราะเสีย200กินไวน์4แก้วค่ะ