ไปปลูกต้นไม้ที่คลองโคนและไปเที่ยวเขาใหญ่


14-8-53

ดิฉันหาโอกาสไปพักผ่อนกับคุณชัยณรงค์เพราะตั้งแต่เกษียณเรายังเที่ยวในประเทศไม่บ่อยนักนอกจากไปทำงานด้วยเที่ยวด้วยค่ะ

 คุณชัยณรงค์เป็นสมาชิกของเมืองทองธานีซึ่งจัดพาสมาชิกประมาณ350คนไปปลูกป่าชายเลนที่สมุทรสงครามเมื่อวันที่17กค.ที่ผ่านมาโดยไปเช้าเย็นกลับ

ให้สมาชิกเปลี่ยนเสื้อเพื่อจำได้ง่ายค่ะ   พวกเรานั่งคอยที่อิมแพคก่อนออกรถ  ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า

เมื่อไปถึงคลองโคน สมุทรสงครามก็นั่งเรือเล็กๆไปที่กลางทะเลโดยไปทานอาหารกลางวันที่กลางทะเล

เรือลำเล็กของดิฉันน้ำเข้าตลอดทำให้เดินทางช้ามากๆ   ไปถึงกลางทะเลต้องปีนขึ้นไปอาคารที่สร้างด้วยไม้ไผ่(กระเตง)  สูงและชันมากมาก

ปีนขึ้นมาด้วยความเหนื่อยยาก  พื้นยังเป็นร่องไม้ไผ่ทำให้นั่งเจ็บก้นมากๆ 

พวกเรากำลังทานอาหารด้วยความหิวเพราะอยู่กลางทะเล   คุณชัยณรงค์กินได้แต่เงาะเพราะแพ้อาหารทะเล  หลังทานเสร็จต้องคอยกลุ่มอื่นๆมาผลัดกันทานอาหาร

หลังทานอาหารก็นั่งเรือเล็กกลับมาปลูกป่าชายเลนโดยมีคนเอากล้าไม่มาให้

คนแก่ไม่ยอมลงปลูกแต่ให้กำลังใจน้องๆปลูกไปก่อน

นั่งเรือเล็กเดินทางกลับ หลังจากปลูกป่า      ระหว่างรอพักพวกในทะเลก็ทานอาหารว่างและดูบรรยากาศที่ท่าเรือ      ดิฉันซื้อกะปิคลองโคนมาฝากเด็กพม่าที่บ้าน  ชิมดูแล้วก็รู้สึกอร่อยมาก

รูปสมเด็จพระเทพที่เสด็จที่คลองโคนค่ะ

เรากลับบ้านประมาณเกือบทุ่มค่ะ    เป็นบรรยากาศที่ดิฉันไม่ค่อยได้สัมผัสเพราะมีคนหลากหลายที่ไม่รู้จักกันแต่ไปเที่ยวด้วยกัน คุยกันสนุกดีค่ะ

 

 
 
สมัยก่อนพื้นที่ป่าชายเลนบ้านคลองโคนถูกบุกรุกทำลาย
จนหมดสภาพพื้นที่ป่าชายเลน  เพื่อนำพื้นที่มาทำนากุ้ง
และทำประโยชน์อื่นๆจนกระทั่งความอุดมสมบูรณ์ของ
ทรัพยากรทางทะเลใกล้ชายฝั่งได้สูญเสียไป     อาหาร
ประเภทสัตว์น้ำทางทะเลก็สูญหายไป    อาชีพทางการ
ประมงก็ไม่สามารถเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดได้     จึงทำให้
ประชากรในพื้นที่   ที่อยู่ในวัยทำงาน   ต้องแยกย้ายไป
ประกอบอาชีพที่อื่น ต่อมาในปี พ.ศ.2534 ชาวบ้านใน
พื้นที่โดยการนำของผู้ใหญ่ชงค์         จึงได้มีความคิด
ปลูกป่าชายเลน เพื่อฟื้นฟูสภาพความอุดมสมบูรณ์ของ
พื้นที่ป่าชายเลนให้กลับมา เพื่อให้มีความอุดมสมบูรณ์
เหมือนแต่กาลก่อนแรกๆทดลองปลูกป่าชายเลนในช่วง
    3 ปีแรก ก็ไม่ประสบความสำเร็จเจอกับปัญหาสารพัด ทั้งการคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่จะปลูก การอยู่รอดหลังปลูกและความไม่ร่วม
  มือของบางคนต่อมาก็มีหน่วยงานรัฐเริ่มเห็นความสำคัญโดยเฉพาะเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพฯที่ทรงเห็น
  ความสำคัญของการปลูกป่าชายเลนที่นี่
      จึงได้เสด็จมาทรงปลูกป่าชายเลนที่นี่ด้วยพระองค์เองในปี พ.ศ.  2540 ,  2541
  2542  ,  2545  และ 2547
 จนปัจจุบันพื้นที่ป่าชายเลนของบ้านคลองโคนกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง เกิดมีสัตว์น้ำชายฝั่ง
  มากมาย ทำให้เกิดมีอาชีพทางการประมงของคนในพื้นที่ที่สามารถเลี้ยงชีวิตได้อย่างพอเพียง  แรงงานที่ต้องย้ายไปทำงาน
  ที่อื่นก็กลับมาทำมาหากินที่บ้านเกิด  ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน  ชาวบ้านในพื้นที่มีอาชีพหลากหลายที่จะเลี้ยงตัวเอง
  บางส่วนก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มอาชีพตามความถนัด เช่นกลุ่มชาวเรือกลุ่มทำอาหาร กลุ่มกระเตง(บ้านพักกลางทะเลที่เฝ้าฟาร์ม
  หอย)เป็นต้นเมื่อมีการทำกิจกรรมเป็นกิจลักษณะขึ้นมาก็เกิดมีการจัดเที่ยวเชิงอนุรักษ์ขึ้นมาที่นี่เมื่อมีการมาเที่ยวส่วนใหญ่มัก
  ต้องการเที่ยว และค้างคืนบนกระเตงกลางทะเล       ทางผู้ใหญ่ชงค์จึงได้ดำเนินการให้มีโฮมสเตย์กลางทะเลขึ้นมาในชื่อว่า
  ผู้ใหญ่ชงค์ โฮมสเตย์ เพื่อตอบสนองกลุ่มนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบที่ต้องการมาสัมผัสกับกิจกรรมดีๆซึ่งมีมากมายของที่นี่และ
  ที่สำคัญเราเน้นความเป็นธรรมชาติ เที่ยวแบบมีประโยชน์ได้ทั้งความสนุกสาระความรู้และความรู้สึกดีๆที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์
  ธรรมชาติให้ยั่งยืนชั่วลูกชั่วหลานตลอดไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ส่วนภาพนี้ไปเที่ยวเขาใหญ่เมื่อ23-25กค.หลังจากเที่ยวคลองโคนค่ะ

ถ่ายที่หน้าโรงแรม

คุณชัยณรงค์เลือกโรงแรมที่ติดเชิงเขา   คนค่อนข้างน้อยค่ะ

ดิฉันให้สามีมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหลังทานอาหาร

นั่งทานอาหารเย็นและเช้าที่โรงแรมโดยชมสระว่ายน้ำที่อยู่ใกล้ภูเขาระหว่างทานอาหารค่ะ

ไปเที่ยวสวนไวน์ PB winery Khoyai winery ?ตามคำแนะนำของเด็กที่ดูแลอาหารเช้าค่ะ

คนในสวนพาเที่ยวไร่องุ่นที่ปลูกทำไวน์

บรรยากาศในสวนสีขาวคืออาคารพักของแขกที่ทดลองออกแบบแปลกๆค่ะ

ห้องทำไวน์

 

ถ่ายกับเจ้าของไร่ซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของเบียร์ตราสิงห์  ( ปิยะ  ภิรมย์ภักดี ??  )หลังจากดิฉันชิมไวน์ไป4แก้วๆละ1ชนิดก่อนมาเลือกซื้อไวน์และน้ำองุ่น

พาคุณชัยณรงค์มาเที่ยวฟาร์มโชคชัยที่มวกเหล็กหลังออกจากรีสอร์ทค่ะ     ช่วงนี้เป็นการแสดงของสัตว์เช่นสุนัข  นก  ซึ่งน่ารักดีค่ะ 

ดิฉันมาที่ฟาร์มเป็นครั้งที่3ค่ะ

ข้อเตือนใจของผู้สูงอายุที่มาเที่ยว

ก่อนมาดิฉันตั้งใจจะไปเดินป่าเพราะนึกถึงสมัยยังสาวๆที่มากับเพื่อนๆเมื่อ40ปีก่อน  

มาครั้งนี้คุณชัยณรงค์ไม่ยอมไปเดินป่า ดูน้ำตกหรือส่องสัตว์เพราะไม่ชอบ   แต่ยอมขับรถไปวังน้ำเขียวเพื่อซื้อผัก  

ดิฉันอยากดูน้ำตก ส่องสัตว์ แต่สามีบอกว่า    แก่แล้วเดินไม่ไหวหรอก

ดิฉันเที่ยวไปดูจิตไปเพราะขัดใจสามีมากเพราะอยากดูน้ำตกและสัตว์ป่าเนื่องจากยังจำได้ว่าเคยทำได้    

สามีบอกว่าสัตว์อยู่ดีๆ  คนไปยุ่งกับเขาทำไม   ( ก็คงจริงนะคะเพราะคนมันวุ่นวายชอบทำให้ธรรมชาติเสียหาย   )

ครั้งต่อไปคงต้องตกลงกันก่อนเดินทางว่าจะไปที่ใหนกันบ้าง 

ตัวเองคงต้องดูสุขภาพว่ายังไหว เพราะกลับจากคลองโคน  รู้สึกเคล็ดที่ข้อสะโพกเนื่องจากต้องปีนและยกขาสูงค่ะ  ยังโชคดีที่ยืดเหยียดบ่อยๆทำให้ไม่ปวดเมื่อยมากค่ะ 

 

หมายเลขบันทึก: 384728เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2010 17:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ออกจากห้องไวน์ สงสัยเดินโซเซเลยนะครับ

ตามมาทักทายก่อนครับคุณหมอ สบายดีนะครับ

ขอบคุณที่อาจารย์ทั้งสองมาเยี่ยมค่ะ

มึนๆเหมือนกันค่ะ คนขายบอกว่าได้กำไรเพราะเสีย200กินไวน์4แก้วค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท