โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

คืนแรกที่ลูเซิร์น-2


เริ่มกิจวัตรยามเช้าด้วยการสวดมนต์ ทำใจให้สงบ แผ่เมตตาเหมือนที่เคย มองไม่เห็นความแตกต่างว่านอนต่างบ้านต่างเมืองต่างจากนอนในเมืองไทยอย่างไร

คืนแรกที่ลูเซิร์น-2

โสภณ เปียสนิท 

..................................................... 

                หลับรวดเดียวถึงตีห้าครึ่ง  เช้ากว่าที่ตั้งนาฬิกาไว้เล็กน้อย จำไม่ได้ว่าฝันอะไรบ้างหรือเปล่า? เริ่มกิจวัตรยามเช้าด้วยการสวดมนต์ ทำใจให้สงบ แผ่เมตตาเหมือนที่เคย มองไม่เห็นความแตกต่างว่านอนต่างบ้านต่างเมืองต่างจากนอนในเมืองไทยอย่างไร  

      

               เช้าวันที่ 19 ตุลาคม 2547 ฟ้าครึ้ม มองจากหน้าต่างออกไปด้านนอกเห็นถนนเบื้องล่างเปียกปอนชื้นแฉะ สายน้ำฝนเป็นเกล็ดเล็ก ๆ หยาดย้อยผ่านดวงไฟสีเหลืองซีดบนเสาไฟวับแวม อากาศยามมัวซัวไม่แจ่มใส ฝั่งตรงข้าม ตัวอาคารเหมือนจำลองตัวอาคารจากฝั่งเรายังอยู่ในความมือสลัวยามเช้าตรู่ ไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ เจ้าของห้องคงหลับนอนอยู่ใต้ผ้าห่มหนาอย่างผาสุกรอดวงตะวันจะไต่ฟ้ามาปลุกยามสาย

 

              แต่งตัวเสร็จก่อนกำหนดนัด ชักชวนเพื่อนร่วมห้องขึ้นไปชั้น 7 เพื่อรับประทานอาหารเช้า พบว่ายังไม่มีลูกค้าคนอื่นเลย เจ้าหน้าที่สองสามคนกำลังเตรียมอาหาร หมวยสาวชาวจีนตรงรี่มาทักถามเรื่องกลุ่มของเรา แล้วแจ้งให้ทราบว่ามาผิดห้อง ต้องไปที่ชั้นสาม เดินตามหมวย ซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงานได้พูดคุยเล็กน้อย เธอบอกว่ามาฝึกงานได้ 2 ปีกว่าแล้ว และไม่คิดจะกลับบ้านที่จีน อยากอยู่ทำงานที่นี่หลังจบการศึกษา ถึงห้องอาหารชั้นสามมีเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ใช่ของเรา ต้องต่อไปชั้นล่าง

 

                 ห้องอาหารชั้นล่างที่เดินทางไปถึงครั้งแรก  เหมือนมีผู้ใช้บริการน้อย เข้าแถวเลือกอาหารได้สองสามอย่าง มีขนมปังชนิดหวาน ชนิดจืด เนย น้ำผึ้ง แยม ไส้กรอก ไข่กวน น้ำส้ม แล้วกลับมานั่งโต๊ะ กะว่าจะกลับไปเลือกอาหารอีกรอบ มองเห็นแถวรอตักอาหารยาวจนพ้นห้องอาหารออกไปด้านนอกจึงเปลี่ยนใจ นั่งทานอาหารไป มองบรรยากาศภายในห้องไปด้วย ให้ความรู้สึกแปลกใหม่

 

                ต้นเสากลมหัวท้ายเล็ก กลางป่องแกะลวดลายแปลกตา เพดานประดับด้วยไม้แกะสลักเหมือนเสา แต่ติดกระจกเล็กน้อย ฝรั่งที่นี่ใช้ภาษาสำเนียงเยอรมัน คนบริการไม่ค่อยกระตือรือร้นเหมือนในเมืองไทย รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเดินกลับออกมาพบว่า เพื่อนพ้องหาห้องอาหารไม่พบอีกหลายคน

 

                กลับมานั่งรอพูดคุยกันที่ห้องรับรอง (Lobby) ถือโอกาสระหว่างนี้เดินชมภายในด้วยการหาห้องน้ำ ป้ายชี้ทิศทางไม่ค่อยจะเห็น ถามดูจึงรู้ว่าอยู่ชั้นใต้ดิน และห้องใต้ดินนี้ยังมีห้องอาหารอยู่ด้วยอีกแห่ง กลับขึ้นมาที่ห้องรับรองอีกครั้ง อาจารย์ท่านหนึ่งแจ้งว่าได้วางกระเป๋าไว้ตรงมุมหนึ่งโดยไม่ได้สังเกตว่าเป็นช่องระบายความร้อนของเครื่องทำความร้อน ตรงหนึ่งของกระเป๋าจึงขาดเป็นช่องเล็ก ๆ ลึกไปเสื้อข้างในอีกหนึ่งตัว

 

              คณะของเราออกเดินทางอีกครั้งเมื่อได้เวลานัดหมาย 8.00 น. เมื่ออยู่ในรถได้ยินเพื่อนร่วมเดินทางแถวหลังคุยกันเบา ๆ ถึงเรื่องขำ ๆ ว่า เมื่อคืนมีบางคนตื่นขึ้นมาราวเที่ยงคืนกว่า อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อออกเดินทาง เพื่อนที่นอนด้วยมองดูด้วยความงุนงง ถามไถ่ดูจึงได้ความว่า ลืมเปลี่ยนเข็มนาฬิกาตามเวลาในประเทศสวิส ตีห้าในเมืองไทยจึงเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าในสวิส ฟังแล้วอดแอบยิ้มไปด้วยไม่ได้

 

             แม้ว่าจะสองโมงเช้าแล้วก็ตาม แต่อากาศยังมืดมัว มัคคุเทศก์ได้อธิบายว่าเดือนมกราคม เวลากลางคืนค่อนข้างยาว กว่าจะสว่างก็ราว 10.00 น.โน่น

 

             ขณะที่รถมุ่งหน้าฝ่าความมืดสลัวอันหนาวเย็นสู่สถาบันการศึกษา DCT ซึ่งจัดการศึกษาด้านกับการโรงแรมและการท่องเที่ยว มัคคุเทศก์จับไมค์ให้ข้อมูลได้อย่างน่าสนใจ ประเทศสวิสมีการบริหารที่ดี ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา หากมีการล่วงละเมิดกฎหมายแล้วถูกจับได้ ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเที่ยงธรรม ไม่สามารถต่อรองได้เหมือนบางประเทศ

 

               ธุรกิจที่ประเทศนี้ไม่เคยหลับ มีนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ดังนั้นคนสวิสจึงขยันขันแข็งทำธุรกิจกันอย่างต่อเนื่อง เกียรติคุณความสวยงามแห่งประเทศสวิสเหมือนสาวงามกวักมือเรียกนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ไปเยือนอยู่อย่างไม่ขาดสาย เธอเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าให้ลูกหลานพึ่งพาอาศัยตลอดกาล

หมายเลขบันทึก: 384037เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2010 20:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เมืองน่าอยู่นะคะ สวยงาม มีทั้งรถยนต์ รถไฟอยู่ใกล้กัน

ภาพบนซ้ายนั่นแหละครับ สถานศึกษาแห่งซูริคครับ

 

เรียนคุณแก้ว

จริงอย่างว่าครับ

เมืองน่าอยู่ ถ้าไม่เหงาจนเกินไป เพราะห่างไกลบ้าน และไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อมครับ

คุณยายอยู่ที่ไหนครับ เอาภาพมาให้ดูแล้ว

 

 

อยากเห็นประเทศไทย รักษาธรรมชาติ และบ้านเรือนให้สวยงามสะอาดตา เพื่อช่วยทำให้จิตใจผู้คนอ่อนโยนค่ะ

Ico48เรียน ดร. ครับ

จริงอย่างที่ว่ามา สวยงามจังครับ สะอาดดี

แต่ว่าเหงาหน่อย อยู่กันห่างไกล ตอนแดดสวย เห็นแต่วัวเดินเล็มหญ้า

กองฟางกองอยู่เกลื่อน แต่ม้วนเป็นระเรียบน่าแบกไปโยนเล่น


ย้อนรำลึกถึงความหลังที่ผ่านผันไปเนิ่นนาน

สมัยเดินถ่ายรูปอยู่ด้านหน้าสิงห์โตใจกล้าตัวนี้

ขณะฝนตกพรำ


คิดถึงใครอยู่เหรอคะอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท