ชาดา ~natadee
ชาดา ชาดา ~natadee ศักดิ์รุ่งพงศากุล

การโปรแกรมจิตใต้สำนึก


พลังที่ทำให้เราประสบความสำเร็จคือ พลังกาย พลังจินตนาการ และ พลังความคิด.....

วันหยุดที่ผ่านมา (วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม  2553)

ได้มีโอกาสไปช่วยคุณอาจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ

เรื่อง "การพัฒนาศักยภาพบุคคลด้วยการโปรแกรมจิตใต้สำนึก" 

 ณ ห้องประชุมรังสิต โรงแรมหลุยส์ แทเวิร์น

อาอ้อ หรือ คุณวีณา  อินทรประพันธ์ (เสื้อสีขาว รูปบนขวา)เล่าให้ฟังว่า สิ่งที่จัดอบรมนี้มีประโยชน์มากสำหรับคนทำงานที่ต้องเจอแต่ความเครียดเช่น การติดตามหนี้ ต้องเจอกับลูกหนี้ที่หลากหลายรูปแบบ คำพูดมากมายที่ต้องเจอ ทำยังไงที่จะจัดการตัวเอง ให้ผ่านช่วงเวลานั้นได้ มีวิธีการมากมาย แต่สิ่งที่อาอ้อทำแล้วประสบความสำเร็จคือ การโปรแกรมจิตใต้สำนึก จึงอยากจะแบ่งปันสิ่งดีๆ เหล่านี้ไปให้คนร่วมอาชีพเดียวกัน นำไปใช้ให้เกิดความสำเร็จได้เช่นเดียวกันค่ะ

ส่วนท่านวิทยากรครั้งนี้คือ อาจารย์วิชชา  ประสพเนตร (รูปบนซ้าย)

ที่มาสอนเทคนิคการโปรแกรมจิตใต้สำนึก บอกเล่าประสบการณ์ในการฝึกฝนจิต ฝึกกาย และ ความคิดให้ค่ะ

นำภาพบรรยากาศภายในงานมาให้ชมค่ะ

เริ่มจากกล่าวถึงเรื่องจิตและกาย 

องค์ประกอบของจิต จิตใต้สำนึก  นิสัย พฤติกรรม

ความสัมพันธ์ของสมอง ร่างกาย จิตใจ  พลังจิตและพลังแห่งความสำเร็จ

  • การฝึกเทคนิคการสร้างจินตภาพ  และปรับพื้นฐานกำลังใจเพื่อเข้าสู่กระบวนการโปรแกรมจิตใต้สำนึก

  • พลังกาย  ชี่  ปราณ  ออร่า  จักระ  และการบริหารร่างกายประจำวัน
  • พลังคำพูดเชิงบวก และเจตคติเชิงบวก
  • เทคนิคการเร่งรัดหนี้และติดตามหนี้อย่างได้ผล
  • เทคนิคการเข้าสู่ภวังค์ด้วยตัวเอง และการโปรแกรมจิตใต้สำนึก
  • ประสบการณ์ในภวังค์ลึกและการโปรแกรมจิตใต้สำนึกด้วยตัวเอง
  • การทดสอบและประเมินผล

พลัง 3 อย่างที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ได้แก่

  1. พลังจินตนาการ ==> เช่น อาจารย์จินตนาการว่าช้อนคือดินน้ำมัน แล้วบิดงอได้

2. พลังคำพูด ==>เช่น คำพูดว่า ชายคนนี้เบา เบา เบา แล้วยกขึ้นได้

 หรือการตัดสินสอด้วยกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้จินตนาการว่า ใช้มีดอีโต้ตัดถั่วฝักยาว

3.  พลังร่างกาย ==>พลังชีวิต(พลังปราณ) ร่างกายดี จิตใจก็จะดี และ ถ้าจิตใจดี ร่างกายก็จะดี ทั้งสองอย่างจะมาพร้อมกัน

สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ยากนิดหนึ่ง  แต่ก็สามารถแสดงให้เห็นว่าทำได้จริงๆ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อยๆ จึงจะทำได้

เราต้องฝึกร่างกายให้แข็งแรงและเสริมด้วย balance สมองสองซีก  มีท่าเต้นง่ายๆ มาให้ทดลองฝึกด้วย

เรียกว่า เกาชีอิน หรือเปล่าไม่แน่ใจ ได้ยินไม่ชัดน่ะค่ะ

เริ่มจากการพนมมือ ยกขึ้นไปข้างบนให้สุดแขน และแขนต้องแนบหู นับ 5 จังหวะ(1.ลำตัวตรง /2.เอียง ประมาณ35องศา /3. เอียงมากที่สุด  /4. กลับขึ้นมาที่จุดที่3  / 5.กลับมาตรงที่จุดที่1)  มีเพลงประกอบ บา บา นำ  บาบา เท วา รำ..... บา บา นำ  บาบา  เท  วา รำ....  ก็เต้นไปเรื่อยๆ  สนุกและเหนื่อยดีค่ะเอาไปลองทำเล่นๆ กันดูค่ะ

อาจารย์ท่านว่า ทำแค่ห้านาทีก็เหมือนวิ่งรอบสนามฟุตบอลสามรอบค่ะ

ท่าที่สองคือ นั่งขัดสมาธิ ใช้นิ้วชี้กะนิ้วโป้งคล้ายจีบแบบโยคี(ตามภาพ)  แล้วเปล่งคำว่า “โอม” ออกมาดังๆ 

ท่าที่สามคือ ชูแขนขึ้นแล้วก้มเหยียดตัวไปข้างหน้าให้สุด ท่านี้หลังจะตึงมาก ทำได้ก็ทำก่อนนอน ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำค่ะ อันตรายแต่ท่านใดทำโยคะได้ก็ให้ทำท่านี้ก่อนนะนะคะ

กายบริหารทั้งสามท่า เป็นที่มาของพลังงาน ที่เรียกว่าชี่ หรือ ปราณ

เกิดจากความคิด คิดแล้วเกิดแรงสั่นสะเทือน ทำแบบนี้แล้ว จิตใต้สำนึกจะโผล่เร็ว เมื่อร่างกายดี ไฟฟ้าในร่างกายเริ่มสมดุล  เกิดการผ่อนคลาย สมองซีกขวาก็จะเริ่มทำงาน.....

นี่คือเทคนิคในการลงภวังค์ ค่ะ ซึ่งการลงภวังค์ที่อาจารย์พาไปต้องใช้สติ มากๆ ต้องฝึกบ่อยๆ ค่ะ

ท่านให้แค่สามท่า เนื่องจากท่านเชื่อว่า “อะไรที่ได้มาง่าย มักจะไร้ค่า และเช่นเดียวกัน อะไรที่ได้มาฟรี ก็ดูไร้ค่า และ อะไรที่ได้มามากไปก็ดูไร้ค่าเช่นกัน.....555

 

กฎสำคัญอีกข้อของการโปรแกรมจิตใต้สำนึก คือ สิ่งเหล่านี้เป็นดาบสองคม

ถ้าคุณจินตนาการแต่เรื่องดีๆ  สิ่งดีๆ ก็จะเข้ามาหาคุณ

แต่ถ้าคุณจินตนาการแต่เรื่องไม่ดี  สิ่งไม่ดีก็จะเข้ามาหาคุณ และจะมาเร็วกว่าเรื่องดีๆ ด้วยนะคะ

ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยป้องกันตัวเราเองก็คือ  “คิดเป็นบวกให้ได้” 

โอกาสนี้ คุณวีณามาแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองเกี่ยวกับการตัดสินสอว่า นำไปใช้แล้วได้ผลคือ

ทำให้เกิดความมุ่งมั่น และ จินตนาการว่าได้ทำสิ่งนั้นแล้ว เกิดความมั่นใจแล้วก็สำเร็จได้

สิ่งที่คุณวีณาทำคือ เข้าใจธรรมชาติของลูกหนี้ ตัดความเห็นใจออก เปลี่ยนเป็นให้โอกาสแทน(และให้ไม่เกินสองครั้ง)  ต่อมาก็วิเคราะห์ลูกค้า แยกเป็นกลุ่ม a  b c   โดยให้คิดเสมอว่าลูกหนี้ของเราคือลูกค้าของเราเช่นกัน คิดว่าทำอย่างไรให้เขาจ่ายเงินเรามา โดยการคิดเชิงบวก สิ่งสำคัญคือ “ใช้พลังใจ ความมุ่งมั่น และจินตนาการ” แล้วสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นประมาณว่า “แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน” ค่ะ

 

พักก่อนค่ะ เดี๋ยวมาต่อเรื่องการคิดเชิงบวก

 

การคิดเชิงบวกก็คือ ไม่คิดลบ 555 

การคิดเชิงบวก คือ การคิดกลับด้าน  จากที่เราเคยทำอยู่เป็นประจำแล้วเกิดผลทั้งดีและร้ายกับเรา

ความเครียด ทำให้ร่างกายหลังสารอดรีนาลินออกมา ทำให้ต่อมไทมัส ทำงาน

ยิ่งเครียด ยิ่งเกิดการสะสมของเซลมะเร็งในที่สุด 

ดังนั้น เมื่อคุณเครียด สาเหตุ คือ เราตั้งเป้าไว้ แต่เราผิดหวัง เราก็เครียด ทำให้เราคิดลบ จนเราเคยชิน  ดังนั้นก็ต้องเริ่มฝึกคิดบวกให้ได้ มองโลกในแง่ดีให้ได้ โดย ถามตัวเองให้ได้ว่ามันดียังไง และ จะแก้ไขยังไง(โดยที่จะไม่ทำให้เราเสียอารมณ์ตามไปด้วย) 

อีกวิธีที่แนะนำคือ

ให้คิดว่า “ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว  เป็นเรื่องดีเสมอ”

สุดท้ายคือการทดสอบประสาทสัมผัส และจินตนาการ

ท่านวิทยากรให้น้ำคนละขวด แล้วหลับตา จินตนาการภาพน้ำในมือ ขอบคุณน้ำ นึกว่าน้ำดีอย่างไร

ต่อมาก็แจกกระดิ่งเล็กๆ คนละชุด

ถามตัวเองว่าเห็นกระดิ่งแล้วคิดถึงอะไร

ทุกท่านตอบมาแตกต่างกัน เช่น นึกถึง โรงเรียน  ไอติม คริสตมาส  วัว  โบสถ์ ลม รถเข็นผลไม้ เป็นต้น

สิ่งที่สังเกตได้คือ เรามักจะนึกถึงแต่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข  ดังนั้น กระดิ่งจึงเป็นตัวแทนของความสุข

ถ้าเรามีสุข เราจะสั่นกระดิ่ง ทางเดียวกัน หากเรามีความทุกข์เราก็จะค่อยๆ หลับตาลง แล้วสั่นกระดิ่งเบาๆ

และพูดคำพูดดีๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ ย้ำเข้าไป

คำพูดที่เราพูดก็จะเป็นคำพูดที่สั้นๆ ง่ายๆ  และการจินตนาการต้องเห็นเป็นภาพสุดท้ายของการจินตนาการ

คุณจดจ่อกับเรื่องอะไร สิ่งนั้นจะเข้ามาหาคุณ

คิดดี คำพูดจะออกมาดีเอง คิดดี จะทำดี และจะพูดดีเอง

ท่านให้จินตนาการส่งพลังผ่านนิ้วมือ ส่งพลังออกไปจากมือไปให้อีกคน  รู้สึกถึงพลังงานที่เขาส่งให้  เนื่องจากความคิดเราเป็นคลื่น เราส่งไปได้ ไกลแค่ไหนก็ได้  ถ้าจิตคุณนิ่งคุณจะทำได้ 

ก่อนกลับ ให้ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านฝึกตัดดินสอด้วยกระดาษ ใครตัดไม่ได้ ไม่ได้กลับบ้าน วันนั้นเราก็เลยกลับบ้านกันช้ากว่ากำหนดน่ะค่ะ

ภาพนี้ อาจารย์ใช้กระดาษทิชชูแผ่นเดียวตัดดินสอสี่แท่ง

การตัดดินสอ มีเทคนิค ผู้เขียนยังไม่เคยทำ แต่เท่าที่สังเกตดูคิดว่า น่าจะอยู่ที่กระดาษแผ่นเล็กๆ มือที่จับกระดาษ(เปรียบกระดาษเหมือนเส้นเอ็นของเครื่องตัดหญ้า) ต้องเร็วและแรง จึงจะตัดได้  จิตต้องนิ่งและมีสมาธิมากๆ  สังเกตเห็นท่านหนึ่งใช้นิ้วตัด ไม่ได้ใช้จิต ทำให้นิ้วมือเจ็บ แดงๆ คงเจ็บน่าดู ...อิ อิ

ก่อนจากกันให้และรับสิ่งดีๆ แก่เพื่อนๆ ด้วยการนวดให้กันและกัน ใส่ความรู้สึกดีๆ ลงไป

มีการบ้านให้ทุกท่านกลับไปลองทำ คือ หนึ่ง นึกว่าได้ที่จอดรถเวลาไปห้างสรรพสินค้า  สอง คือ ขึ้นรถเมล์แล้วมีที่นั่ง  สามคือ ขึ้นแทกซี่ได้รถใหม่ๆ ดีๆ แอร์เย็นๆ อะไรประมาณนี้ค่ะ 

สรุปแล้ว สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้คือ ทำอะไรก็ต้อง ฝึกฝนบ่อยๆ  ตั้งใจจริง  มีสมาธิแน่วแน่ในการจะทำสิ่งใด ก็จะทำให้เราไม่ท้อ และก้าวเดินไปได้อย่างมั่นคง คิดแต่บวก  แล้วความสำเร็จก็จะมาหาเราเองค่ะ....ที่สำคัญ

ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นเรื่องดีเสมอ.....

ผู้เขียนเองเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอน แต่ในชีวิตจริงจะทำได้มากน้อยแค่ไหนต้องลองไปฝึกปฏิบัติดู ได้ผลยังไงก็จะมาเล่าให้อาจารย์และอาอ้อฟังนะคะ

ขอบคุณอาอ้อและอาจารย์วิชชาที่ชวนไปช่วยงานทำให้ได้ไปเรียนรู้ร่วมกันในครั้งนี้ค่ะ

Aing....9/12/53

 

หมายเลขบันทึก: 383150เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2010 16:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

สวัสดีค่ะน้องอิง

เสมือนได้เข้าร่วมในบรรยากาศจริงเลยค่ะ ละเอียดมากๆ ;) ขอบคุณค่ะ

นำพลังความคิด มาฝากครับ

สวัสดีค่ะพี่ poo 

มาไวดีจัง แบบนี้ค่อยหายคิดถึงหน่อยจ้า

ละเอียดเท่าที่จำได้อะค่ะพี่ poo  อยากให้คนที่สนใจและกำลังมีปัญหาลองนำไปฝึกปฏิบัติดู เผื่อช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น น่ะค่ะ

ขอบพระคุณอาจารย์ JJ ค่ะ

พลังความคิด สร้างสรรค์ เชิงบวก ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เสมอๆ นะคะ

ขอบพระคุณสำหรับภาพประกอบด้วยค่ะ

        *  ผมเคยอบรมลักษณะนี้มาเหมือนกันครับ  ก็ยอมรับว่าเป็นจริงอย่างที่วิทยากรว่าไว้  ขึ้นอยู่กับความแน่วแน่และความตั้งใจของเราครับ

       *   ผมเอง เคยนำมาใช้ได้ผลบ้างเหมือนกันครับ เป็นเรื่องเล็กๆ

                       ขอบคุณครับที่นำบันทึกดีๆมาฝาก

 สวัสดีค่ะคุณชาดา

   ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาแบ่งปันนะคะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคุณยายก็เข้าอบรมประมาณนี้แหละค่ะ เป็นการอบรมที่สบายและผ่อนคลายที่สุดเท่าที่อบรมมาค่ะ

                     

เรียบเรียงได้ยอดเยี่ยมมากครับ

ผู้บรรยายเอง อายเลยนะเนี่ย...

ท่าบริหารร่างกาย เรียกว่า "เกา ชิ กิ" ครับ

มีรูปที่เด็กเค้าวาดเล่นกันเป็นรูปลายเส้น

จะส่งให้่ทางเมล์นะครับ

เผื่อว่าจะได้นำไปเผยแพร่แบ่งปันกัน ครับ

 

 

ก็เปรียบดัง น้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำ..

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะ   อ. small man

ขอบพระคุณค่ะมาบอกเล่าประสบการณ์ เรื่องเดียวกัน ^_^

สวัสดีค่ะคุณยาย

เป็นการอบรมที่สบายและผ่อนคลายสุดๆ เลยค่ะ ^^

สวัสดีค่ะอาจารย์วิชชา

เกา ชิ กิ นะคะ ^^

ขอบพระคุณล่วงหน้าหรับหรับเอกสารที่จะส่งให้ด้วยค่ะ 

 

สวัสดีค่ะ อ.P ราชิต สุพร
ใช่ค่ะอาจารย์  ความสามารถหรือ เชี่ยวชาญของแต่ละคนยังมีอีกเยอะ อยู่ที่ว่าจะดึงออกมาใช้อย่างไร นะคะ อาจารย์

ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีค่ะพี่  P ใบบุญ


นำไปทดลองใช้ ได้ผลอย่างไร นำมาแบ่งปัน เล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ

สุขสันต์วันแม่ครับ..

http://gotoknow.org/blog/pandin/322248

ฉันรักเธอ
เธอเลิศเลอกว่าใครอื่น
เธอเป็นโมงยามอันหวานชื่น
ปลุกให้ฉันระริกรื่นเสมอมา


เธอก็รักฉัน
แม้บางครั้งดูเหมือนว่า
ฉันละเลยและเฉยชา
แต่เธอกลับยิ้มร่าต่อความรัก


 

  • มาอ่านบันทึกนี้
  • นึกว่า ตนเองอยู่ในห้องอบรมซ๊ะอีก..อิอิ

โห ถ่ายทอด จนรับรู้ได้ทุกกระบวนการเลย

สวัสดีค่ะ

ได้รับความรู้ที่ละเอียดมากๆเลยค่ะ..ทำให้อยากที่จะฝึกด้วบ..ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ

น้องอิง มัวแต่ไปขลุกทีแผนกอาหารและเครื่องดื่มฯ เนาะ ไม่แวะมาโกทู แวร์ เลย ;)

คุณอิง..ตัดกระดาษได้ยัง?

ถ้าได้..

ช่วยมาสอนวิธีตัดใจให้บ้างสิ อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท