สุภาษิต


สุภาษิตสอนคน

สุภาษิต

คำสุภาษิต "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว"

ความหมาย

         การหลงใหลชื่นชมในสิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ดี แต่ตนเองคิดว่าดี เป็นสุภาษิตกล่าวถึงคนที่หลงผิดไปชื่นชมสิ่งที่ไม่ดี เมื่อคนเตือนสติก็คิดว่า เขาอิจฉาไม่อยากให้ตนเองได้ดี เมื่อเกิดผิดพลาดขึ้น มาก็เสียใจที่ไม่เชื่อคำเตือนของผู้อื่นเสียแต่แรกตรงกับสุภาษิตของคนล้านนาที่ว่า "เปิ้นว่าเสือ ตั๋วว่าพระเจ้า"

ที่มาของสุภาษิต

         มาจากนิทานชาดก กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในสมัยอดีตกาลอันนานเนิ่น มีครอบครัวหนึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกชายน้อยอันเป็นที่รักดั่งดวงใจ เมื่อหนูน้อยเกิดมาพ่อแม่ก็ให้การศึกษาเป็นอย่างดี ในวัยเยาว์ให้ได้เข้าวัดฟังธรรมอยู่ร่ำไป เวลาผ่านไปหนูน้อยขณะที่กำลังเติบโต พ่อได้ด่วนจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคกำเริบกระทันหัน หนูน้อยเหลือเพียงแม่คนเดียวจึงทำให้ขาดเสาหลักของครอบครัว แม่ต้องออกทำมาหาเลี้ยงชีพทำให้ขาดการอบรมบ่มนิสัย เด็กน้อยที่พ่อแม่เฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่เล็กตั้งใจให้ศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดีต้องกลับมาเสียคนเพราะเพื่อนเกเรที่ชักนำไปไม่ดี เมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่เชื่อฟังผู้เป็นแม่ที่แก่ชราลง วันหนึ่งเพื่อนชวนไปเที่ยวเมืองอื่นหนุ่มน้อยไปกับเพื่อนบ้างบอกแม่แล้วแต่แม่ไม่อนุญาตเนื่องจากรู้ว่าอันตรายจะมาถึง แต่หนุ่มน้อยหาเชื่อฟังไม่ เมื่อเดินทางไปได้หลงทางจากเพื่อนไปเจอเปรตตนหนึ่งซึ่งมีเลือดอาบโทรมกาย บนศรีษะของเปรตตนนั้นมีกงจักรปั่นอยู่ข้างบน แต่หนุ่มน้อยเห็นเป็นพวงดอกไม้อันสวยงามเนื่องจากกรรมที่ไม่เชื่อฟังมารดาจึงทำให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว จึงร้องขอดอกบัวที่สวยงามกับเปรตบ้าง เปรตได้ยินดังนั้นก็พลันนึกว่าคงมีคนมารับกรรมต่อจากเราแล้ว ดังนั้นจึงยื่นกงจักรให้และจากไป ดอกบัวที่หนุ่มน้อยรับมากลับเป็นกงจักรปั่นอยู่บนหัวตนต่อไป 

ขอขอบคุณhttp://atcloud.com/stories/27236    

ขอขอบคุณhttp://www.lks.ac.th/kukiat/student/kookkaiband/proverb_3.html

คำสุภาษิต"กิ่งก่าได้ทอง"

 ความหมาย

      คนที่ไม่มีความสำคัญ ไม่เคยมีสมบัติและไม่มีความคิดด้วย เมื่อได้รับลาภยศแม้เพียงเล็กน้อย ก็คิดว่าตนมีความสำคัญเหนือผู้อื่น เกิดความเห่อเหิมลืมตัวแสดงความเย่อหยิ่งจองหองวางท่าใหญ่โต คนเช่นนี้ ย่อมเป็นที่รังเกียจของคนเป็นอันมาก

ที่มาของสุภาษิต

      โดยเรื่องนี้มาจากเรื่อง มโหสถชาดก ที่ว่า พระเจ้าวิเทหะแห่งเมืองมิถิลาได้เสด็จไปสู่พระราชอุทยาน กิ่งก่าตัวหนึ่งเกาะตรงซุ้มทวารแลเห็น ก็รีบลงมากับพื้นและก้มศีรษะลง พระองค์จึงถามมโหสถว่ากิ่งก่าทำอะไร มโหสถก็ตอบว่า มันทำความเคารพพระองค์ พระองค์ก็พอพระทัยรับสั่งพนักงานให้ซื้อเนื้อให้กิ่งก่ากินเป็นรางวัล
      แต่พนักงานหาเนื้อไม่ได้ จึง ไปซื้อทองเท่าราคาเนื้อมาร้อยเชือกผูกที่คอมันแทน เมื่อได้ทองมาคล้องคอ กิ่งก่าเกิดความลำพองใจ คิดว่ามันก็มีความมั่งคั่งไม่แพ้พระเจ้าวิเทหะ ดังนั้น เมื่อพระองค์เสด็จมาราชอุทยานอีก มันจึงเกาะซุ้มประตูเฉย ไม่ลงมาและไม่ทำความเคารพเหมือนเคย พระองค์ก็ฉงนพระทัยและถามมโหสถๆก็บรรยายกราบทูลให้ฟังถึงสาเหตุ พระองค์จึงลงโทษโดยงดให้อาหารแก่มัน แต่มโหสถก็ได้ขอประทานโทษกิ่งก่าไว้ และว่ามันเป็นผู้ที่ไร้สติปัญญาจึงเห็นผิดเป็นชอบไป จึงควรให้อภัย พระราชาก็โปรดให้เป็นไปตามที่มโหสถทูล

ขอขอบคุณ http://oldforum.serithai.net/index.php?topic=1702.0

ขอขอบคุณhttp://www.tungsong.com/Supasit/index.html

 

หมายเลขบันทึก: 383111เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2010 14:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 18:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ดีจัง จะได้เก็บไปเตือนสติตัวเอง

เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เคยได้ยินครับ

แต่สุภาษิตล้านนา "เปิ้นว่าเสือ ตั๋วว่าพระเจ้า" เพิ่งเคยได้ยินครับ ขอบคุณครับ

เป็นสุภาษิตที่ดีมากเลยคะคุณทิพฟีจะได้นำไปใช้ได้คะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท