หลักการสำคัญของ KM คือ ใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นให้มีการใช้และสร้างความรู้ขึ้นใช้งานในกิจการอาชีพหรือชีวิตประจำวันของคนได้ในทุกอาชีพ ทุกระดับความเป็นอยู่ โดยมีหลักการสำคัญคือ
1. มีการรวมกลุ่มกัน ตั้งวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งจากประสบการณ์ตรงของตนในเรื่องนั้น อย่าง KM ชาวนา ก็ ลปรร. ประสบการณ์ในการทำนาช่วงนั้น และทั้งจากความรู้ที่ไปดูงานหรือเรียนรู้มาจากนอกกลุ่ม
2. มี “คุณอำนวย” ประจำกลุ่ม ทำหน้าที่กระตุ้นการ ลปรร. และชวนไปหาความรู้จากภายนอก และสร้างความมั่นใจในการสร้างความรู้ขึ้นใช้เอง
3. มี “คุณเอื้อ” คอยให้กำลังใจ เติมความรู้ เติมมิติด้านจิตวิญญาณ ให้มีความกล้าที่จะคิดแตกต่างไปจากเดิม หลุดไปจากการถูกครอบงำ
4. มีกระบวนการที่หลากหลาย ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจในศักยภาพของการเรียนรู้จากการปฏิบัติของตนเอง ดังกรณีที่ สคส. เชิญผู้ใหญ่ไปเยี่ยมชื่นชมเป็นระยะๆ
ได้โอกาสเอารูปเก่าๆ มาอวดด้วย
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ก.ค. ๕๓
อ. ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ไปเยี่ยมเมื่อ ๑๔ ก.พ. ๔๘
|
นักข่าวสัมภาษณ์คุณบังอร นักเรียนชาวนา เมื่อ ๑๔ ก.พ. ๔๘
|
น้ำหมักไล่แมลงคือ ความรู้ ที่นักเรียนชาวนาสร้างขึ้นใช้
|
นักวิจัยอาวุโส สกว. เยี่ยมชมเมื่อ ๖ เม.ย. ๔๘
|
พิธีมอบวุฒิบัตร ๔ พ.ค. ๔๘
|
พิธีเปิดอาคารมูลนิธิข้าวขวัญ ๒๕ พ.ค. ๔๘
|
คุณอ้อม (ผู้ประสานงานของ สคส.) กับคุณอ๊อด สรส
|
ยุ้งข้าวโบราณ
|
ศ. ดร. สิปปนนท์ เกตุทัต และคณะจาก สภาพัฒน์ และสภาการศึกษา เยี่ยมชมเมื่อ ๑๕ ก.ย. ๔๘
|
การประชุมนำเสนอผลงานเมื่อ ๑๕ ธ.ค. ๔๘
|
เมธีวิจัยอาวุโส สกว. เยี่ยมชมเมื่อ ๒๔ ม.ค. ๔๙ |
เป็นรูปแบบที่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดี ..วันนี้มีความหวังขึ้นมากจากงานสัมมนาร่างแผนพัฒนาฉบับที่ 11 ค่ะ..
อยากเห็นชาวนาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่คงยาก เพราะทุกวันกระแสสังคมเมื่องรุกเข้าไปถึงที่นอนแล้ว จะมีนักวิชาการสักกี่คนที่เห็นความสำคัญ ส่วนใหญ่เห็นแต่มุ่งผลประโยชน์ตนเท่านั้น เมื่อสมใจแล้ว ผลประโยชน์ลงตัวแล้วก็จบ ไปตามเวลาไม่ยั้งยืน อย่างน้อนดีกว่าไม่คนเห็นความสำคัญ แค่ไฟไหม้ฝางก็ยังดี ขอเป็นกำลังใจให้คนทุกคน ครับ.....