ในครั้งที่แล้วถ้าจำกันได้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง ทฤษฎี (Theory) กันไปแล้ว ในวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันใน 2 เรื่อง คือ ลักษณะของสมมติฐานและความหมายของสมมติฐานกันครับ
ลักษณะของสมมติฐาน
ลักษณะของสมมติฐานมีดังนี้ คือ
ประการแรก สมมติฐานเป็นข้อความที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ทดสอบได้
ประการที่สอง ข้อความที่เป็นสมมติฐานจะแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์ (ตัวแปร) สองส่วนหรือมากกว่าและมักจะอยู่ในรูปของข้อความ “ถ้า....แล้ว(จะ)เกิด.....”
ประการที่สาม สมมติฐานยังไม่ใช่เป็นข้อเท็จจริงที่สังเกตแล้ว แต่เป็นข้อความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่จะสามารถทำการสังเกตได้
ประการที่สี่ สมมติฐานเป็นข้อความหรือสิ่งที่มีลักษณะชั่วคราวเพื่อรอการพิสูจน์ทดสอบ ถ้าพิสูจน์ทดสอบแล้วก็จะหมดสภาพความเป็นสมมติฐานคือกลายเป็นความรู้หรือข้อเท็จจริง
ความหมายของสมมติฐาน
จากลักษณะของสมมติฐานที่จำแนกให้เห็นจึงสามารถให้ความหมายของสมมติฐานได้ว่า สมมติฐาน คือ ข้อความที่กำหนดเสนอขึ้นเพื่อคาดคะเนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์ (ตัวแปร) สองส่วนหรือมากกว่าว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่อย่างไร โดยที่ความสัมพันธ์ที่คาดคะเนนี้สามารถจะทำการพิสูจน์ทดสอบได้
เป็นอย่างไรบ้างครับไม่ยากอย่างที่คิดใช่มั้ยครับ
เอกสารอ้างอิง
รัตนะ บัวสนธ์. (2551) ปรัชญาวิจัย (Philosophy of Research). กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ในห้องเรียนระเบียบวิธีวิจัยขั้นสูง โดย รศ.ดร.อรุณี อ่อนสวัสดิ์
ความคิดเห็นของเพื่อนในห้องเรียนที่ช่วยกันอภิปราย
แล้วสมมุติฐานการวิจัยและสมมุติฐานทางสถิติต่างกันอย่างไรคะ
และควรตั้งสมมุติฐานแบบมีทิศทางหรือไม่มีทิศทางถึงจะดีคะ
กรุณาหน่อยค่ะ
อรุณี