สวัสดีครับ
เรื่องที่ผมจะเล่านี้ เป็นชีวิตของกระผมเองครับ ผมให้ชื่อว่า "ความฝันของชาวนา"
ผมเกิดจากครอบครัวชาวนา ที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ฐานะครอบครัวได้ชื่อว่าชาวนาแล้วย่อมที่จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมหลีกเลี่ยงคำว่ายากจนนะครับ เพราะผมคิดว่า คำว่ายากจนมันฟังดูจะโหดร้ายเหลือเกิน
ครอบครัวของผมมีพี่น้องสามคน โดยมีพี่สาว พี่ชาย และผมเป็นคนสุดท้อง ด้วยความที่เป็นครอบครัวชาวนา การดำเนินชีวิตย่อมไม่ค่อยที่จะดีเท่าไหร่ แต่ผมและพี่ๆ โชคดีที่มีพ่อและแม่ที่ท่านมองเห็นและให้ความสำคัญกับชีวิตในอนาคตของลูกๆ ทั้งสาม โดยท่านชอบพูดเสมอว่า ถ้าไม่เรียนหนังสือ ก็ต้องออกมาทำนา อนคตคงไม่โสภาเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องตั้งใจเรียน และต้องเป็นคนมีระเบียบวินัยในตัวเองมากที่สุด ต้องขยันอ่านหนังสือ
ท่านให้ข้อคิดแก่ลูกทั้ง 3 คน ว่า อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่เขามีฐานะดีกว่า เพราะจะทำให้เราอิจฉาริษยาคนอื่นที่เขามีพร้อมมากกว่าเรา จงยกเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนที่เขาด้อยกว่าเรา เขายังดำรงตนอยู่ได้ แล้วเราจะสบายใจที่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ยากลำบากที่สุด
ด้วยความที่ พ่อและแม่ มีความฝันว่า ลูกๆ ต้องมีอนาคตที่ดีกว่าที่พ่อแม่เคยเป็นอยู่ ท่านเลยต้องส่งเสียให้เรียนสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะต้องขายที่ทำกินเพื่อส่งเสียก็ตาม ซึ่งผมและพี่ๆ ก็ทำตามคำที่ท่านบอกกล่าว และไม่เคยอายที่จะใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ต้องห่อข้าวกับไข่ต้มที่เลี้ยงไก่และเป็ดเอง จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต้องถนอมหนังสือเรียนทุกเล่มเพื่อที่จะได้ใช้หนังสือทั้งสามคน โดยไม่ต้องซื้อใหม่ ซื้อเสื้อผ้าก็ต้องเป็นแบบกลางๆ เพื่อที่จะได้แบ่งกันใส่ได้
เราทั้งสามคนได้เข้าเรียนวิทยาลัยครูเพชรบูรณ์พร้อมกันในปี พ.ศ.2533 โดยแยกเป็นพี่สาวและพี่ชายเรียน กศ.บป.เอกประถมศึกษา และผมเรียนภาคปกติ วิชาเอกคณิตศาสตร์ เพื่อที่จะได้แบ่งเวลามาช่วยท่านทำงานในวันที่ตัวเองหยุด และให้เงินคนละหนึ่งร้อยต่อสัปดาห์ ผมเลยต้องประหยัดแบบสุดๆ เพราะหนึ่งร้อยต้องใช้ 5 วัน ในขณะที่พี่ๆ เขาใช้แค่ 2 วัน แต่ผมก็ไม่เคยคิดอิจฉาพี่ๆ ทั้สองเลยเพราะเขาต้องทำงานถึง 5 วัน ในขณะที่ผมทำงานเพียง 2 วัน
เราทั้งสามทำตามคำที่พ่อกับแม่บอกว่า ท่านจะเป็นครอบครัวแรกที่มีลูก 3 คน จบปริญญาตรีพร้อมกัน และรับปริญญาพร้อมกัน
ซึ่งเราทั้งสามก็ไม่ทำให้ความฝันของท่านต้องผิดหวัง จบการศึกษาในปี 2537 และรับปริญญาพร้อมกันที่สวนอัมพร
ท่านยังฝันต่อไปอีกว่า ลูกทั้งสามต้องเป็นครูทั้งสามคน ท่านเล่าว่าทั้งพ่อและแม่เสียโอกาสที่ไม่เลือกเป็นครู ในตอนที่ท่านทั้งสองจบ ป.4 หลวงจะให้เป็นครู แต่ท่านว่าเงินเดือนน้อยเลยไม่เป็น
ในตอนนั้นผม กลับมีความคิดว่าไม่อยากเป็นครู อยากไปทำงานกรุงเทพฯ เพราะเห็นเพื่อนไปทำงานแล้วมีเงินเยอะ แต่ก็ต้องทำตามคำขอของพ่อและแม่เสียก่อน และสอบบรรจุในปี 2537 ซึ่งมีผมคนเดียวที่สอบได้ในปีนั้น ส่วนที่สาวสอบได้ในปี 2542 พี่ชายสอบไม่ได้ แต่ก็เป็นผู้จัดการโลตัส เงินเดือนมากกว่าผมเสียอีก
ความฝันของท่านทั้งหมดก็เลยต้องมารวมอยู่ที่ผมที่ต้องเป็นคนสร้างความฝันของท่านให้เป็นจริง
ฝันอยากให้ลูกจบปริญญาโท
ผมจัดให้ ใบที่หนึ่ง ศศ.ม.รัฐศาสตร์ รามคำแหง
ใบที่สอง กศ.ม.บริหารการศึกษา มหาสารคาม (กำลังศึกษา)
ฝันอยากเห็นลูกเป็นผู้บริหาร
ได้ครับ ผมจัดให้ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโนนผักหวาน สพท.ชย.1 8 ธ.ค. 2551
พ่อครับ แม่ครับ ผมทำให้พ่อกับแม่แล้วครับ ผมร้องบอกตัวเอง
ขณะนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่า ท่านจะฝันอะไรอีกบ้าง เพราะผมเริ่มจะเหนื่อยล้า
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝัน แต่มีใครบ้างที่ทำให้ความฝันของตนเองเป็นจริง
องค์ประกอบใดบ้างที่จะช่วยให้ความฝันเป็นจริง
ขอให้ทุกคนมีความฝันนะครับ แล้วสร้างฝันให้เป็นจริง เหมือนความฝันของชาวนาจากเมืองหล่มสัก ลูกหลานพ่อขุนผาเมือง
สุทธิรัก......
นำภาพงานบุญเล็กๆ ของนิสิตมาฝากครับ..
พวกเขายังไม่ได้กลับบ้าน
แต่รวมพลังถวายเทียนพรรษาต่อเนื่องมาสองวัน...
สุขกายสบายใจกันถ้วนหน้า...
คืออีกนิยามเล็กๆ ของการเรียนรู้ในวันหยุดท่ามเทศกาลวิถีพุทธ,วิถีไทย
และมุ่งสู่การให้บริการแก่ชุมชนรายรอบมหาวิทยาลัยไปในตัว..
เป็นการกระตุ้นให้นิสิตเห็นบทบาทและสถานะของตนเองที่มีต่อสังคม
และรับผิดชอบต่อสังคมเท่าที่บทบาทและสถานะเขาพึงกระทำได้...
...ขอบพระคุณครับ..
ขอบคุณครับ ท่านพนัส ที่แวะมาทักทาย
น้องใหม่ในเวที ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ
ขอให้เป็นคนดีศรีสังคมตลอดไปนะค่ะ ผอ. คนเก่ง
เก่งมากค่ะที่ทำให้ความฝันของเพิ่นเป็นจริง
ผ.อ เก่งคะ
ผอ.สุทธิรักสบายดีนะคะขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงคะ
ขอบคุณครับ คุณพร เปิกเผยตัวหน่อยครับ ม่ายรูจริงๆ