ความงดงามในชุมน : บ้านหนองมะเม้า(1)


กำลังใจที่มีให้กัน ผู้พิการที่ไม่ยอมพิการ แล้วคนดีๆจะยอมแพ้ได้อย่างไร

       ต้องหยุดการนำเสนอบทเรียนชุมชนของสาวๆนิสิตพยาบาลปี 4  ไว้ก่อน อันเนื่องมาจากกล้องประจำตัวอาจารย์อมรหนีไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้ ต้องรอให้เค้ากลับบ้านก่อน ด้วยเหตุฉะนี้ เราจึงต้องข้ามไปเที่ยวบ้านหนองมะเม้า ส่วนสาวๆบ้านหนองศิริราษฎร์อย่าลืมช่วยครูตามหากล้องด้วยละกัน หวัดดี

 

     ที่บ้านหนองมะเม้า ซึ่งห่างจากตัวอำเภอเชียงยืนประมาณ 10 กิโลกว่าๆ ไม่ใกล้ ไม่ไกล มีหลุมพอประมาณ ที่ว่าพอประมาณคือมีทั้งหลุมขนาดเล็ก ขนาดจิ๋ว ไม่จิ๋ว  ขนาดตื้นให้ได้ฝึกวิทยายุทธ์ การหลบหลีกและฝึกสายตา เมื่อไหร่หนอจะมี

โครงการถนนไร้หลุม ???

 

       

 

     ที่หมู่บ้านนี้ เป็นที่ที่ฝึกงานของนิสิตผู้อาวุโส คือเจ้าหน้าที่พนักงานสาธารณสุข (จพส.)ซึ่งได้เข้าสูเส้นทางการเป็นพยาบาลวิชาชีพ ที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กระบวนการเรียนก็ล่อเอาหลายต่อหลายคนเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย      หลายคนเป็นหัวหน้าสถานีอนามัย หลายคนประสบการณ์ทำงานในชุมชนมานาน 

    

                             จ๊ะเอ๋  

               "ขอนำจักรูปแหน่หมอ"          

 

 

 

 

     และ ที่บ้านหนองมะเม้า แห่งนี้ จะขอตัดตอนเล่าเรื่องของชายผู้นี้ก่อน...ก่อนที่เล่าเรื่องอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับบ้านหนองมะเม้า   แดนดินแห่งน้ำใจของไทอิสานบ้านเฮา 

    ชายผู้นี้  ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ได้ไปใช้ชีวิตที่ภาคใต้ มีภรรยาเป็นคนใต้ มีลูกชายกำลังเข้าสู่วันรุ่น อยู่ในวัยเรียน

       

     ชีวิตคงเดินหน้าไปเป็นปกติสามัญ  หากวันนั้นไม่ได้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์น้องเมียออกจากบ้านไป แล้วก็เกิดเหตุ รถตกลงไปข้างทาง ลึกพอควร คนขับไม่เป็นไร แต่คนซ้อนเป็นอัมพาต รักษาตัวอยู่พักหนึ่ง ขอแยกทางกับเมีย "ไม่อยากอยู่ให้เป็นภาระ" ตัดสินใจทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง มุ่งหน้ากลับมาบ้านที่อิสาน กลับมาหาแม่ที่แก่เฒ่าผู้อยู่กับโรคเบาหวาน และเจ็บออดๆแอดๆ

     

     พี่สาวทำงานที่อื่นต้องกลับมาบ้านเหมือนกันเพื่อมาดูแลทุกคน ทุกคน.. ยกเว้นตัวเอง จนอาการเจ็บป่วยทางกายและทางใจเริ่มแสดงออก พี่สาวทำงานทุกอย่างเพื่อให้มีเงินใช้จ่าย

         

    ส่วนน้องชายผู้พิการ นอกจากเบี้ยผู้พิการแล้ว ได้ขายน้ำมันขวดเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม เงินที่เก็บไว้ ได้ส่งให้ลูก "ดีใจที่ได้ทำหน้าที่พ่อ"  ลูกเคยมาหา คงเข้าใจแล้วว่า พ่อไม่ตั้งจะทิ้งลูกมา และไม่อยากทิ้งครอบครัว

    

    แม้จะไม่มีรายได้แต่ก็เต็มใจและมีความสุขที่จะทำบุญ เพื่อร่วมพัฒนาหมู่บ้านของตนเอง

         

 

   ครูกับศิษย์หารือจะช่วย case นี้ได้อย่างไร นอกจากการดูแลตามตำราที่ร่ำเรียนมาจนหัวโต "ผู้ป่วยอยากขายล๊อตตารีค่ะอาจารย์"

      

      "ลองหาช่องทางดู  ส่วนที่ดินที่อยู่ข้างเพิงนั้น พอปลูกผักได้ไหม เป็นการผ่อนคลาย มีรายได้ ให้ทำแปลงผักปลอดสาร เค้าสามารถรดน้ำผักได้ โดยใช้สายยางฉีดน้ำ เพราะช่วงบนเคลื่อนไหวได้ เค้าจะได้ภูมิใจในตนเอง  ขอให้ชุมชนช่วยอุดหนุน"

 

 

 

  

  

        หลังจากคุยกับผู้ป่วยและญาติ เป็นอันว่าระยะแรกเราจะปลูกผักกัน เราขอแรงนักเรียนตัวเล็กตัวน้อยในชุมชนมาช่วยกัน โดยมีพี่นิสิตพยาบาลตัวใหญ่ หัวหน้ากลุ่ม เป็นกำลังหลัก เราขอปุ๋ยคอก แต่พี่สาวบอกว่าพอมีอยู่ แปลงผักสามัคคีเสร็จภายในเวลาไม่นาน น่าปลื้มใจจริงๆ ผู้ป่วยบอกว่า "อายหมอเนาะ แค่นี้ก็คิดเองไม่เป็น ต้องรอให้หมอบอก" เราบอกว่าอย่าคิดอย่างนั้นเลย ขอให้เราได้ช่วยคิดบ้างเถอะนะ

 

     

 และ ก่อนจากกัน แม้ว่าจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก ประกอบกับที่เราได้เห็นถึงความทรหดอดทน เราจึงอยากร่วมให้กำลังใจ ผู้เขียนได้มอบพระพุทธรูปไว้เพื่อให้ได้กราบไหว้บูชา ทำจิตให้ผ่องใส เอาหนังสือสวดมนต์ หนังสือธรรมะไปฝาก ผู้ป่วยบอกว่า "ผมอ่านและสวดเป็นประจำ นอกจากฟังเพลงจากวิทยุคู่ใจ และโทร.ไปพูดคุยในรายการวิทยุ"

      เพื่อนๆจากโรงพยาบาลเชียงยืน เช่นคุณยุ (ยุพาพร โอฬาริกพันธุ์)เอาพันธุ์ไม้ไปมอบให้ คุณป้าหน่วย (อรุณ ลีทอง) หัวหน้าแพทย์แผนไทย รพ.เชียงยืน และนักกายภาพบำบัดช่วยแนะนำการฝึกออกกำลัง  หมอนวดแผนไทย ซึ่งล้วนแต้เป็นกัลยาณมิตร ส่วนนิสิตพยาบาลหาเมล็ดพันธุ์์ผักมาฝาก นี่คือน้ำใจแห่งความเอื้ออาทรที่พอจะให้กันได้ในระยะเวลาอันสั้นของการฝึกงาน 

     

    

        

     จากวันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่ได้แวะไปเยี่ยมเยียนอีก   ผู้เขียน เคยติดต่อให้พี่สาวไปเรียนนวดแผนไทย เพื่อที่จะได้มีอาชีพ แต่ก็เงียบหายไป จึงได้แต่หวังว่าชายคนนี้และทุกคนในครอบครัวจะหยัดยืนกับโชคชะตาของตนเองอย่างผู้ที่ไม่ยอมแพ้  ขอผองเพื่อนได้ร่วมให้กำลังใจแก่เขาคนนี้และครอบครัวให้สู้ต่อไป ....  

 

       และ เราหวังว่าการแบ่งปันความอาทรต่อกัน แม้จะเป็นเพียงสิ่งละอันพันละน้อยแต่ก็น่าจะพอช่วยเยียวยาความรู้สึกของเพื่อนร่วมแผ่นดินเกิดของเรา และช่วยเติมเต็มสังคมให้แข็งแรงขึ้นมาได้อีกครั้ง  จริงไหมคะเพื่อนพ้องน้องพี่....

ขอขอบคุณทุกผู้ทุกคนที่อยู่ในเรื่องเล่า โดยเฉพาะชายผู้ไม่ยอมแพ้ ยังมีเรื่องดีๆอีกมากมายค่ะ

   

หมายเลขบันทึก: 378608เขียนเมื่อ 25 กรกฎาคม 2010 14:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2012 21:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ศิษย์เก่าบ้านหนอมะเม้าทักทายกันบ้างเด้อหล่า

Dsc_0486-1

Dsc_0417-22

Dsc_0494-2

Dsc_0470-9

Dsc_0500-7

นำภาพงานบุญเล็กๆ ของนิสิตมาฝากครับ..
พวกเขายังไม่ได้กลับบ้าน
แต่รวมพลังถวายเทียนพรรษาต่อเนื่องมาสองวัน...

สุขกายสบายใจกันถ้วนหน้า...
คืออีกนิยามเล็กๆ ของการเรียนรู้ในวันหยุดท่ามเทศกาลวิถีพุทธ,วิถีไทย
และมุ่งสู่การให้บริการแก่ชุมชนรายรอบมหาวิทยาลัยไปในตัว..
เป็นการกระตุ้นให้นิสิตเห็นบทบาทและสถานะของตนเองที่มีต่อสังคม
และรับผิดชอบต่อสังคมเท่าที่บทบาทและสถานะเขาพึงกระทำได้...

...ขอบพระคุณครับ..

  • คำว่า..น้ำใจ ..ไม่เคยแห้งหายจากคนไทยและแผ่นดินไทย
  • ชื่นชมด้วยใจจริงครับ กับน้ำใจที่มีมากมายกว่าคำว่า ... หน้าที่
  • ขอให้ทุกท่านในทีมงานมีแต่ความสุขกายสบายใจครับ

ขอบคุณคุณแผ่นดิน และคุณกิตติพัฒน์ อย่างมากมายนะคะ

ภูมิใจที่ได้เป็นศิษย์ของอาจารย์และภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการทำประโยชน์ให้กับสังคม

ชิวิตที่บ้านหนองมะเม้าให้คุณค่ารู้สึกว่าเรายังมีประโยชน์ต่อสังคมวิชาความรู้ที่เรียนมาช่วยคนทั้งชุมชนได้

และอาจารย์ผู้เป้นอัจฉริยภาพที่ได้มองเห็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนพอเพียงและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท