แรงดึงดูดแห่งตัวตน


        บนเส้นทางแห่งการฝึกตนของคนดิบ คนที่ยังไม่เคยบวชอย่างกระผมนั้น ต้องอาศัยการอ่านการฟังจากคำเทศนาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านทั้งหลาย ค่อยเก็บเล็กผสมน้อยตามกำลังสติปัญญา เมื่อเวลาผ่านมา พบว่า แม้จะมีความต่างของวิธีการสอนแต่ถ้ามองในองค์รวมแล้ว ดูเหมือนว่า จะเป็นสิ่งเดียวกัน

       ยิ่งช่วงหลังได้ศึกษาธรรมเทศนาของพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว พบว่า หาที่ติแทบไม่ได้เลย สั้น ลัดตรงยิ่งนัก เพราะท่านเทศนาออกมาจากประสบการณ์แห่งการปฏิบัติ ปริยัติที่สูงส่งยิ่งนัก เกินกว่าสติปัญญาของคนดิบอย่างกระผมจะเข้าใจได้ ก็พอมีบางครั้งบางส่วนที่พอสัมผัสได้ คราใดที่บังเอิญเห็นชั่วคราวเข้าถึงได้ตามคำสั่งสอนของท่าน ก็ประหนึ่งได้ยาทิพย์พลังใจพลังธรรม ทำให้ยิ่งน้อมยอมรับนับถือพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับเห็นความโง่แห่งตนที่เกิดจากกิเลสชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ

      สัปดาห์ก่อน อ่านหนังสือ "หลักของใจ" เริ่มเข้าใจ "สมมุติ" เข้าใจ "กิเลส" เพิ่มมากขึ้น จึงพยายามฝึกฝนตามคำสั่งของท่านอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวิถีแห่งตน

      สิ่งที่ฝึกในตอนนี้ คือ แค่ตามดู ตามรู้ กายกับใจ ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นสำคัญมาเป็นตัว เป็นตน แต่ให้ความรัก ความเมตตา กับกายกับใจ เพื่อจะได้เห็นความจริงของกายและใจ ทั้งนี้ในการทำงานทางโลกนั้น ให้ละวางตัวตน มีสติ สมาธิ ปัญญา ทำงานทางโลกอย่างดีที่สุด โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นรวบมาสร้างตัวตน ที่สำคัญต้องให้ความเมตตากรุณาแก่ตนเองและผู้อื่น ยกระดับจิตใจของทั้งตนเองและผู้อื่นได้ยิ่งเป็นการดี

      ในทางปฏิบัตินั้น เผลอส่งความคิดมาทางโลกเป็นเวลานานคราใด ก็จะเผลอก่อเกิดตัวตน ยึดมั่นถือมั่นมาเป็นตัวเป็นตนไปตามประสาโลก ๆ มากขึ้นจนเป็นทุกข์ทุกคราไป แต่ช่วง 2-3 วันนี้เดินมรรคได้ดี ปล่อยวาง ตัดความยึดมั่น ถือมั่น ซ้อมกับกิเลสได้ดีขึ้น เห็นเหตุปัจจัยชัดขึ้น ทำให้วางได้เร็วและง่ายขึ้น

      ยิ่งวันนี้จำวันประชุมผิด คิดว่าจะมีประชุมวันพฤหัส แต่เอาเข้าจริงเป็นประชุมบ่ายวันนี้ โอ้โฮ! ไอ้เราเป็นประธานที่ประชุมเสียด้วย แต่ไม่ได้เตรียมการไป แถมเกือบไปไม่ทันเวลาประชุมเสียอีก สติ สมาธิ ปัญญา เริ่มสั่นสะเทือน ตัวตนอัตโนมัติเริ่มก่อตัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความกระวนกระวายเข้ามาเขย่าความตั้งแห่งปัญญา โชคดีหวนให้มีสติระลึกถึงคำสอนของท่านหลวงตาพระมหาบัวว่า ด้วยจิตมีอวิชชาอาศัยอยู่นั้น ความคิดที่ปรุงแต่งขึ้นมานั้นก็ด้วยอำนาจของกิเลส ถ้าเราใช้ปัญญาภายใต้อำนาจแห่งกิเลสแก้ปัญหาอย่างโลก ๆ ถึงจะมีปัญญาเพียงใดก็อยู่ภายใต้อำนาจแห่งกิเลสตัณหา

     ยูเรก้า ! นึกขึ้นได้ว่า ก็วางมันลง และก็ให้ความรักความเมตตากับกายกับใจให้เขาทำงานทางโลกของเขาอย่างดีที่สุด อะไรจะเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย แค่ดูและให้ความรัก ความเมตตา กรุณา กับกายกับใจ และผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหลาย

    โอ้โฮ ผลการประชุมแบบปล่อยวาง ลื่นไหล ได้ผลดีเกินคาด น่าจะดีกว่า การใช้ปัญญาทางโลกคิดคำนวณเพื่อแก้ปัญหาด้วยตัวตนอัตโนมัตินะครับ

 

        

คำสำคัญ (Tags): #ปล่อยวาง
หมายเลขบันทึก: 377548เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2010 21:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2014 13:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท