วันนี้นำเพลงที่กลุ่มหนุ่มสาวจังหวัดเชียงใหม่ ใช้ร้องก่อนที่จะประกอบกิจทางศาสนา ในโครงการรถด่วนขบวนพิเศษ นั่งฟังพร้อม ๆ กับนึกภาพตามไปว่า
เพลงร่มอาราม
วัดเป็นบุญเขตวิเศษสถาน เหมือนทิพย์วิมานของหมู่ประชา
สะอาดรื่นรมย์ใต้ร่มเงาไม้ได้ร่วมศรัทธา
เหมือน เป็นศาลาแหล่งพักพึ่งใจ
เห็นพระประธานเหนือแท่นธำรง เหมือนพุทธองค์เหนืออาสน์อำไพ
แผ่ธรรมจุนเจือโอบเอื้อเราผองปัดป้องปวง ภัย
ขอน้อมดวงใจกราบไหว้วันทา
วัดเล็กหรือใหญ่นั้นไม่สำคัญ วัดเท่าเทียมกันด้วยแรงพัฒนา
พระสงฆ์เคร่งครัดทำกิจวัตรทุกวันเวลา
มี จิตเมตตาต่อชาวสังคม
ระฆังวังเวงเหมือนเร่งศรัทธา
คิดพัฒนาวัดให้ เหมาะสม
ดื่มด่ำธรรมขจัดตันหาอย่าติดอารมณ์
ขอเชิญชื่นชมสู่ร่มอาราม
ผมชื่นชมประโยคว่า วัดเล็กหรือใหญ่นั้นไม่สำคัญ วัดเท่าเทียมกันด้วยแรงพัฒนา หมายความว่า วัดอยู่ได้ด้วยกำลังศรัทธา(แรงที่จะมาพัฒนา) ความศรัทธาจะเกิดขึ้นก็เมื่อ พระสงฆ์เคร่งครัดทำกิจวัตรทุกวัน เวลา ถามว่าแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระ่ท่านทำกิจเสมอ ก็ดูที่ท่านแสดงออก มีจิตเมตตาต่อชาวสังคม
ปัญหาของการพัฒนาทุกวันนี้เพราะเราลืมประโยคนี้ครับ คิดพัฒนาวัดให้เหมาะสม หลายวัดพอพัฒนาแล้วด้วยการนำญาติโยมมาช่วยกันก่อสร้างมากจนเสียพื้นที่บุญเขตวิเศษสถาน เป็นสถานที่เข้ามาแล้ว ร่มเย็นจิตใจ ได้ดื่มด่ำธรรม ขจัดตัณหา อย่าติดอารมณ์ ขอเชิญชื่นชมสู่ร่มอาราม
วัดหากพัฒนาให้สิ่งก่อสร้างและร่มอารามสมดุลย์กันมิให้เน้นหนักไปด้านใดด้านหนึ่งย่มนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข มิทราบว่าเพื่อน ๆ พี่น้องอ่านแล้วคิดเห็นต่างกันอย่างไรบ้าง
นมัสการเจ้าค่ะ
คงเป็นดังคำ
"อะไรก็แล้วแต่ มากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไป ก็ไม่ดี"
กระมังเจ้าคะ
นมัสการลา
เจริญพร คุณโยมชำนาญ และคุณโยมณัฐรดา
ขอบคุณสำหรับความเห็นเพิ่มเติม เห็นด้วยกับทางสายกลาง และความพอดี