เกษตรกรไทยควรวางแผนรับมือกับปัญหาโลกร้อน ฝนแล้ง น้ำน้อย


เกษตรกรในประเทศไทยควรขุดสระน้ำประจำไร่นาให้มากที่สุด เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามขาดแคลน

ประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศเจริญแล้วส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม เป็นประเทศที่ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยี และเป็นประเทศที่มักจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาสร้างปัญหาโลกร้อนเป็นอันดับ ต้นๆ ของโลก แล้วก็พยายามผลักภาระต่างๆให้ประเทศที่กำลังหรือด้อยพัฒนาทั้งหลายช่วยกัน ร่วมแบกรับภาระด้วย โดยการร่างกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ออกมามากมายเพื่อให้ประเทศทั้งหลายเหล่านั้นยอมรับเงื่อนไขและยอมปฏิบัติตาม โดยอ้างความชอบธรรมเกี่ยวกับการช่วยกันดูแลรักษาโลกให้ปลอดภัย ทั้งๆที่ประเทศเล็กๆเหล่านี้มีส่วนร่วมก่อการทำให้โลกร้อนเพียงน้อยนิด บ้างก็พยายามโยนภาระให้ประเทศที่เป็นเกษตรกรรมแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ มีการทำเกษตรกรรมมีการปลูกข้าวเยอะ เป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมากทำให้เกิด ปัญหาโลกร้อน โดยที่ไม่ได้มีจิตสำนึกในการไตร่ตรองและคิดพิจารณาหาเหตุผลที่ยุติธรรมเป็น วิทยาศาสตร์ ว่าในการที่ข้าวปล่อยก๊าซเรือนกระจกระหว่างการเจริญเติบโตหรือระหว่างกระบวน การผลิตนั้น ก็มีค่าเท่ากับการที่ข้าวได้ดูดก๊าซเรือนกระจก (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) เข้ามาเก็บไว้ใช้ในการสะสมอาหารเพื่อสร้างแป้งและน้ำตาลด้วยเช่นกันไม่มาก และไม่น้อยไปกว่ากัน เปรียบเหมือนกับลมที่ได้ถูกเป่าเข้าไปในลูกโป่ง เข้าไปทำให้ลูกโป่งพองลมมากเท่าไรก็ย่อมที่จะต้องปล่อยออกมาเท่ากัน ก็เท่ากับว่าอาชีพการปลูกข้าวหรืออาชีพเกษตรกรรมมิได้เป็นตัวการสำคัญที่ทำ ให้เกิดปัญหาโลกร้อนหรือปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะพืชนั้นมีทั้งดูดและปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาในปริมาณที่แทบจะไม่แตก ต่างกันเลย

ในตอนแรกประมาณปลายเดือนพศจิกายน พ.ศ. 2546 ประเทศรัสเซียยังไม่เซ็นต์ยินยอมลงนามในข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตาม ข้อตกลงนานาชาติที่กรุงโตเกียว เพราะคำนวณแล้วว่าจะเสียค่าใช้จ่ายมาก ไม่พร้อมต่อการชำระหนี้ แต่ในท้ายที่สุดในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 จึงยอมเซ็นต์ แต่ก็มีประเทศเล็กๆ บางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นสุภาพบุรุษ เคารพกติกายอมเซ็นต์ลงนามในพิธีสารเกียวโต เมื่อเป็นเช่นนี้ประชาชนในประเทศนี้ก็ต้องหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่อง โลกร้อนและจะต้องปรับตัวในการปฏิบัติให้เกิดการลดปัญหาก๊าซเรือนกระจกให้มาก ที่สุด มิฉะนั้นก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายตามข้อตกลงในพิธีสารเกียวโต
เรามาลองดูกันเล่นๆนะครับว่าประเทศไหนที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (co2) มากน้อยกว่ากันอย่างไร จากตัวเลขที่ได้สำรวจล่าสุดนั้น เรียงตามลำดับประเทศที่ปล่อยควันพิษของโลกมีปริมาณสะสมมาตั้งแต่ปี 1950 ดังนี้
• สหรัฐอเมริกา 186,100 ล้านตัน
• สหภาพยุโรป 127,800 ล้านตัน
• รัสเซีย 68,400 ล้านตัน
• จีน 57,600 ล้านตัน
• ญีปุ่น 31,200 ล้านตัน
• ยูเครน 21,700 ล้านตัน
• อินเดีย 15,500 ล้านตัน
• แคนาดา 14,900 ล้านตัน
• โปแลนด์ 14,400 ล้านตัน
• คาซัคสถาน 10,100 ล้านตัน
• แอฟริกาใต้ 8,500 ล้านตัน
• เม็กซิโก 7,800 ล้านตัน
• ออสเตรเลีย7,600 ล้านตัน
จะเห็นว่าเป็นประเทศใหญ่ๆ ที่เจริญแล้วเกือบทั้งนั้นที่เป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเป็นอันดับ ต้นๆ แต่เมื่ออยู่ในโลกใบเดียวกันก็ต้องมีส่วนร่วมในการรับรู้ปัญหาและช่วยกันแก้ ปัญหาอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ว่าอากาศจะแปรปรวน แต่ปริมาณฝนตกทั่วโลกทั้งปีก็มีปริมาณที่ไม่แตกต่างไปจากเดิมเท่าไรนัก เพียงแต่ว่าอาจจะย้ายที่หรือสลับตำแหน่งสลับพื้นที่กันตกบ้าง หากพื้นที่ใดประเทศใดมีการบริหารจัดการกักเก็บน้ำฝนได้ดี ก็จะไม่ได้รับความเดือดร้อนโดยเฉพาะประเทศเกษตรกรรม ช่วงใดที่ฝนตกมาก มีปริมาณน้ำฝนมากก็ทำแก้มลิงเก็บน้ำสำรองไว้ก่อน แล้วค่อยๆ แบ่งใช้ในช่วงที่ฝนไม่ตกหลายวัน หรือในช่วงฝนทิ้งช่วง ฝนแล้ง ในการนี้เกษตรกรในประเทศไทยควรขุดสระน้ำประจำไร่นาให้มากที่สุด เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามขาดแคลน หรือรัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณจากที่ได้ไปกู้มาหลายแสนล้าน มาทำโครงการประชานิยมหรือรัฐสวัสดิการขุดสระน้ำประจำไร่นาให้เกษตรกรไว้ใช้ ฟรี เป็นโครงการเมกกะโปรเจค ประชาชนก็จะมีงานทำ มีรายได้ เกษตรกรมีน้ำไว้ใช้ และประเทศชาติมีการหมุนเวียนของเงินอีกทั้งมีแก้มลิงที่เป็นสระน้ำประจำไร่ นาให้เกษตรกรไว้ใช้ทั่วประเทศ เป็นการสำรองน้ำไว้ใช้ได้ทันกับภาวะโลกที่กำลังร้อนและแล้งขึ้น ได้

มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ

หมายเลขบันทึก: 374510เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2010 08:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน 2012 16:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • สวัสดีครับ
  • ผมเป็นคนที่สนใจเรื่องเกษตรปลอดสารพิษมานานมาก
  • ผมเล่าไว้ที่นี่ครับ http://gotoknow.org/blog/somdejmas/373485
  • ผมชอบบันทึกคุณมาก

ขอบคุณครับสำหรับคำชม.... ข้อมูลในบล็อคของท่านช่วยเพิ่มกำลังใจ สติปัญญา ทักษะและทัศนะคติในหลายๆด้านดีจังเลย ขอบคุณจริงๆครับที่มีโอกาสได้พบผู้ทรงคุณวุฒิช่วยชี้แนะและเป็นแบบอย่าง

รู้สึกดีใจ ที่ประเทศไทยยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ งานเกษตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แวะมาทักทายกันบ่อยๆนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท