รัฐบาลมาร์ค(ลอกประชานิยม) เตรียมรีดภาษีมูลค่าเพิ่ม อัฐยายซื้อขนมยาย


อัฐยายซื้อขนมยาย กลายเป็นเงินประชาชนซื้อประชาชน นี่ไงนักการเมือง

๐มีข่าวว่า รัฐบาลมาร์คเตรียมขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 7 เปอร์เซ็นต์เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากรัฐต้องการหารายได้เพิ่ม และภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษี ที่จัดเก็บได้ง่าย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บ ที่สำคัญมีฐานภาษีกว้างกว่าภาษีทุกชนิด

กล่าวคือร้อยละ 30 ของรายของรัฐ ได้มาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ตลอดจนภาษีสรรพสามิต ยังเป็นรายได้รองของรัฐอยู่

ภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดเก็บจากการบริโภคสินค้าและบริการ

เป็นภาษีที่ผลักภาระมาที่ผู้กิน-ผู้ใช้ขั้นสุดท้าย ทุกคน ไม่เว้น จน-รวย

เศรษฐีซื้อข้าวสารมาจากห้างฯ ใน ราคา 100 บาท เศรษฐีจ่ายภาษีให้รัฐ 7 บาท โดยทางห้าง ซึ่งเป็นผู้ขายสินค้าหักไว้แทน แล้วส่งแก่รัฐ

คนจนซื้อข้าวสารจากที่เดียวกัน ราคาเดียวกัน จ่ายภาษีให้รัฐเท่ากันกับเศรษฐี

ต่อไปนี้...หากรัฐจัดเก็บ 10 เปร์เซ็นต์

คนรวย คนชั้นกลาง คนจน...จ่ายภาษีประเภทนี้เพิ่มขึ้นเป็น 10 บาทต่อหนึ่งร้อยบาท

ไม่ว่าคนรวย คนจน หรือคนกู้หนี้ไปซื้อข้าวสาร(บัตรเครดิต) ต้องเสียภาษีเพิ่ม

เพื่อหารายได้ไปจ่ายในโครงการประชานิยม ซื้อใจรากหญ้า ทั้งๆที่โครงการประชานิยมต่างๆ ไม่ได้เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ตอนหาเสียงแต่ประการใด เพิ่งมาฝัน มาละเมอ เอาตอนใกล้รุ่ง ใกล้สว่าง

รัฐบาลนี้ถูกข้อกล่าวหาว่า ชก ชิง วิ่งราวอำนาจ

ต่อไปนี้ คงได้รับอีฉายาว่า "รัฐบาลวิ่งราวนโยบาย"

ตอนเริ่มรับหน้าที่รัฐบาล รัฐมนตรีกรณ์ ฯ เคยโม้เอาไว้ว่า จะจัดเก็บภาษีทรัพย์สิน ที่ดิน และมรดก ไม่ทราบว่าความคิดนี้ถูกสะดุดด้วยเหตุผลใด

หรือถูกคนรวย ชนชั้นสูงเขาบีบ ไม่ให้จัดเก็บภาษีจากคนรวย

จึงเร่งรีดเลือดเอากับปู จนแสนจน ประเภท กู้หนี้ยืมสินเพื่อประทังชีวิต

รัฐบาลนี้ก็ไม่ปรานี แต่กลับลำ ทำเฉยเมยกับภาษีทรัพย์สิน ที่ดิน มรดก

อย่าให้เขานินทาว่า รัฐบาลนี้ปกป้อง เศรษฐี ประเภท ไม่กล้ารีดภาษีเอากับเศรษฐี

แต่กลับรีดเอากับคนจนผู้ต้องกินต้องใช้....

คนจน คนชั้นกลาง หรือเศรษฐี ก็กินข้าว ซื้อสบู่ เหมือนกัน

อย่าให้เขาประนามว่า รัฐบาลนี้ รังแกคนคิดต่าง ด้วย"ปืน และรถถัง" 

และรังแกคนจน ด้วยกฎหมาย "ติดหนวด" แบบ "ฮิตเลอร์"

โดยแกล้งทำลืม เรื่องการจัดเก็บภาษีทรัพย์สิน ที่ดิน และมรดก ตามที่เคยโม้เอาไว้

มีคน แอบนินทาว่า การทำเช่นนี้ เป็นการ "เอาอัฐยาย มาซื้อขนมยาย"

ทำเช่นนี้ ประเดี่ยว อาจมีคนเชื่อเอาจริงๆว่า  "รัฐบาลมาร์ค ใจดำ อำมหิตย์ " ตามที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยกัน

ผมไม่ได้โกรธ เกลียด เรื่องรัฐบาลนี้ มีที่มาไม่ชอบธรรมหรอกครับ

แต่เมื่อได้อำนาจแล้ว ควรเอื้อคนจน แบบ "จริงใจ"

มิใช่  เอื้ออาทรคนจน แบบ "ศรีธนชัย"

เพียงแค่นี้จริงๆครับ.

หมายเลขบันทึก: 374337เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2010 15:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

(ผมเคยเขียนบทความชื่นชมรัฐบาลนี้ลงตีพิมพ์ที่มติชนรายวัน " 28 มกราคม 2551 ข้างล่างนี้ครับ" จึงอยากทวงถาม

ภาษีที่ผีกลัว

๐มีข่าวแว่วๆมาว่า "นายกรณ์ จาติกวณิช" ขุนคลังหนุ่มจาก "ค่ายประชาธิปัตย์" มีแผนการที่จะผลักดันกฎหมายการจัดเก็บภาษีมรดก

ภาษีมรดก หมายถึง เมื่อผู้ใดถึงแก่ความตาย มี "กองมรดก" หรือทรัพย์สินเงินทองทุกชนิด ที่หลงเหลือไปยังลูกหลาน

ลูกหลานมีรายได้จากกองมรดก จึงต้องเสียภาษี

ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว มีการจัดเก็บภาษีมรดกกันอย่างจริงจัง บางประเทศเก็บในอัตราก้าวหน้า ทำเอาผู้มั่งคั่ง แทบไม่อยากจะถือครองทรัพย์สินเอาไว้ เลย บางคนก็รีบแจกสาวๆ บางคนก็รีบแบ่งให้ลูกหลาน

ก็ดีนะครับ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จะได้รีบ โอนๆ เงินทอง ทรัพย์สิน ที่ดิน ให้แก่บุตรหลานเอามาทำกินแต่เนิ่นๆ

มิต้องรอจนบุตรหลานแก่เฒ่าไปอีกคน

บ้างก็รีบนำไปบริจาคให้องค์กรการกุศล เพื่อนำมาหักภาษี เป็นการกระจายการถือครองทรัพย์สินอีกอย่างหนึ่ง ดูแล้วดีไปหมด

ที่แน่ๆ เจ้ามรดกก็ไม่น่าเดือดร้อนอะไร ก็ตายเป็นผีไปแล้วนี่ ควรตกเป็นของรัฐบ้าง

ส่วนลูกหลาน ยิ่งดีใจใหญ่ เพราะได้มาฟรีๆ ไม่ต้องทำงานอะไร ก็ควรตกเป็นค่าภาษี นำไปพัฒนประเทศบ้าง ก็น่าจะดีกับทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม ท่านรัฐมนตรีกรณ์ น่าจะพิจารณาจัดเก็บภาษีการถือครองที่ดิน ที่ไม่นำมาทำประโยชน์บ้างก็น่าจะดีนะครับ

เช่นที่ดินแปลงใด เป็นที่ดินว่างเปล่า ไม่ใช่ประโยชน์ใดๆ ก็ควรจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราสูง หรือถือครองมาก ก็จ่ายในอัตราก้าวหน้า

เพื่อกระตุ้น ให้เศรษฐีที่ดิน นำที่ดินมาลงทุนปลูกสร้าง อย่างน้อยจะได้ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในทางเศรษฐกิจ

มิใช่ปล่อยให้ที่ดินว่างเปล่า แต่พวกเศรษฐีนอนกอดโฉนดที่ดิน แล้วปล่อยให้คนจนๆ ที่ไม่มีที่ดินต้องหลับนอนใต้สะพานลอย หรือใต้ทางด่วน อย่างที่เห็นๆกันอยู่

ส่วนที่ดินแปลงใหญ่ ๆ พวกเศรษฐีก็ล้อมรั้วลวดหนสม ทิ้งร้างว่างเปล่า ปล่อยให้เป็นที่หลับนอนของ กบ เขียด นก หนู

หากพรรคประชาธิปัตย์ ผลักดันกฎหมายภาษีมรดก โดยแถมพ่วงภาษีทรัพย์สินหรือที่ดินด้วย จะเป็นประโยชน์ต้องประชาชนและประเทศชาติโดยส่วนรวม และจะได้คะแนนนิยมจากคนส่วนใหญ่กว่าครึ่งประเทศ

แต่เมื่อผมตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลแล้ว น่าเชื่อได้ว่าจะผ่านเป็นกฎหมายยากสักหน่อย

พวกเศรษฐีนี่ก็แปลก...ตายเป็นผีไปแล้ว ยังไม่อยากเสียภาษี

(ตีพิมพ์ที่ "มติชนรายวัน" ฉบับวันพุทธที่ 28 มกราคม 2551 หน้า 6

ผมเห็นด้วยนะเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม..นี่ความเท่าเทียมกันประการหนึ่งคนกินมาก ใช้มากก็เสียภาษีมูลค่าเพิ่มมาก... แต่ผมว่าภาษีมรดกน่าจะเก็บในอัตราที่เพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได... รวยมากก็เสียมาก (ได้มรดกมากไง) แต่ผมว่าภาษีมรดกบรรดาคนร่ำรวยทั้งหลายคงไม่มีใครอยากพูดถึง...โดยเฉพาะบรรดาท่านรัฐมนตรี หรือ ส.ส., ส.ว. เพราะแต่ละท่านมีมรดก เงิน และหุ้นกันคนละไม่ใช่น้อย.... ภาษีมรดกน่าจะพับไปกระมัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท