มีอะไรดีกว่า AI ไม๊


Appreciative Inquiry

มีคนถามว่า... AI นี่มันดีที่สุดแล้วเหรอ..ไม่มีตัวอื่นแล้วเหรือ

ลองฟังเรื่องราวต่อไปนี้ครับ

ลูกศิษย์คนเก่งผมคนหนึ่ง ทำ AI ได้สุดบรรเจิด อยู่แล้ว..

1.มีช่วงหนึ่งผมให้นักศึกษาทำรายงานในรูปแบบ AAR เธอรู้สึกว่า ดีนะ Work ดี น่าใช้กับโรงงานของเธอ..เธอเลยเอาไปใช้กับโรงงานก๋วยเตี๋ยว

ผมว่า OK เลย ลุยเลย..เธอเอาไปใช้..กับกลุ่มเซลล์ขายเส้นก๋วยเตี๋ยว..เอาไว้คุยกันในรถ หลังไปพบลูกค้า..

2. เจออะไรดีๆเยอะ แต่ทำไปซักพักชักฝืด พอพูดเรื่องอะไร Work เซลล์จะพูดสนุกเลยละ..แต่พอพูดเรื่องไม่ Work ก็กลายเป็ว่าเกิดความตึงเครียด ถึงขั้นไม่ยอมรับกัน..

3 .เลยกลับมาคุยกับผม เล่าปัญหาให้ฟัง...ผมเลยถามกลับ..เซลล์เป็นผู้ชายใช่ไหม..เธอตอบว่าใช่..เราเลยมานั่งคุยกันใหม่..เลยเล่าเรื่องความรู้เกี่ยวกับผู้ชายให้ฟัง..ตามข้อสังเกตของผม..ผู้ชายไม่อยากเล่าปัญหาให้ใครฟังครับ..มันลดคุณค่าเขาครับ..เท่าที่ผมเคยดูแลเครือข่ายมา ผู้ชายจะเล่าปัญหา.ก็ต่อเมื่อสุดๆ และไปไม่ได้จริงๆ ถ้าจะขอคำปรึกษา ก็จะถามผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น..และจะถามเมื่อจำเป็น..ส่วนผู้หญิง ถ้าได้ถามจะรู้สึกฉลาด..เรื่องนี้ผมรู้มาจากหนังสือเล่มนี้ครับ

ตอนแรกผมก็ทำอย่างลูกศิษย์นี่แหละ ไม่เคยได้ผล..เป็นเรื่องของฮออร์โมนด้วย...ผมปรับกลยุทธ์มานานแล้วครับ.. 

 

4. เลยแนะนำเขาอย่างนี้ และแนะนำทำ AAR แต่เฉพาะ What work ก่อน แล้วแนะนำให้ใช้ "การขอ"..ขอให้เขาช่วยดูปัญหานี้หน่อย..เป็นเชิงปรึกษา...วิธีนี้ช่วยได้เยอะครับ...ตอนนี้ปรับ และได้ผลดีกว่าเดิมครับ

.....................................

ถามว่ากรณีนี้ ตอบคำถามอะไรในเบื้องต้นเหรอครับ

Appreciative Inquiry เป็นอะไรที่ดีครับ แต่ที่ดีกว่า AI คือ..

การรู้ว่าเครื่องมืออื่นก็ดีเหมือนกัน..

.....................................................................

ที่เหนือกว่า AI และ อะไรก็ตามคือ

ความรู้รอบตัวครับ...บางทีกลายเป็นทางออกได้ ลองอ่านอะไรที่อยู่นอกสาขาของตนเองบ้างครับ..หรือบางทีคุยกับคนนอกวงการบ้าง..ยิ่งไม่บ้าง คือบ่อย ยิ่งดีครับ..ทำให้เปิดมุมมองใหม่ๆ หลายครั้งสร้างความแตกต่างให้งานที่ทำได้เลย.. 

..................................

แต่ที่เหนือกว่าความรู้รอบตัวคือ 

ความรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ของบางอย่างดี แต่อาจไม่เหมาะกับบางทีบางโอกาส บางภาวะ รู้คุณ โทษ ทางออก

ตรงนี้ศาสนาพุทธเราเรียกว่า "โยนิโสมนสิการ" ครับ

..................................................

ผมตอบแล้วนะครับว่า มีอะไรดีกว่า AI ไม๊ 

คุณล่ะ คิดอย่างไร

คำสำคัญ (Tags): #appreciative inquiry
หมายเลขบันทึก: 370335เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2010 08:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

อ.โยครับ

      *    ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยครับ  อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวครับ  เรื่องของ AI

     *   ผมเองชอบใช้ AI  ในการนิเทศติดตามงานครับ  แต่ในบางกรณี บางคน เขามักจะพูดแต่ทางลบครับ  ทุกเรื่องที่ผมถาม ที่ผมเสนอไป  ในเรื่องดีๆ  เขาตอบกลับมา มีแต่ปัญหาทั้งนั้นครับ    อันนั้นก็ทำไม่ได้    อันนี้ก็ไม่ได้ผล  เรื่องนี้  เขารู้แล้ว  มันใช้ไม่ได้หรอก  เมื่อมาแบบนี้   แทนที่ผมจะใช้ AI  ผมใช้ "วัดใจ" เลยครับ    ผมบอกว่าในเมื่อคุณแน่ใจว่าของคุณถูก  ของผมผิด  ผมก็ให้คุณทำตามทางของคุณที่คุณคิดว่าคุณทำถูก   ผมจะไม่ยุ่งกับคุณแล้ว  ส่วนวิธีของผม ผมจะนำไปใช้กับคนอื่นที่เขาเห็นคุณค่า  ส่วนคุณก็ใช้วิธีการเดิมของคุณต่อไป

     *  ผมใช้ "วัดใจ" ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย  เพราะใช้ AI ไม่ได้ผล   ผลปรากฏว่า เขากลับย้อนเข้ามาหาผมครับ บอกว่าเขายินดีที่จะทำตามวิธีการของผม

      *  มีอยู่อีกคนหนึ่ง  ผมก็โน้มน้าวใช้ AI ให้สนใจในวิธีการของผม  อีกคนก็บอกว่าระวังจะตกเป็นเหยื่อของผม  ผมเลยพูดกลับไปแรงๆว่า ผมไม่ได้ง้อนะครับ  คุณไม่สนใจผมก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพียงแต่ว่าผมอยากนำวิธีการดีๆ มาให้คุณใช้  เมื่อคุณไม่ต้องการก็ปฏิเสธมาตรงๆเลยครับ ผมจะได้ไปทางอื่น  ผลปรากฎว่า "เจื่อน" ไปเลยครับ และตกลงยินดีนำวิธีการของผมไปใช้

    ไม่ทราบว่าจะตรงประเด็นหรือเปล่าครับ  เรื่อง AI ไม่ใช่เครื่องมือที่ดีที่สุด

                    ขอบคุณครับ

 

ที่ท่านอาจารย์ทำ คล้ายๆกับผมทำครับ..ตรงนี้ท่านอาจารย์

กำลังทำในส่วนที่เรียกส่า Destiny ครับ

คือในบางครั้งผมต้องทำ Destiny ก่อน คืออะไรครับ

เราจะ "เปลี่ยนอย่างไร"

อาจารย์ทำคล้าย Reverse Pscyhology ครับ...

ผมเห็นด้วย คือเรื่องการวัดใจ...ทำให้รู้เลยว่า การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มที่เขาไม่ได้ครับ..

ต้องเริ่มที่ชองทางอื่นก่อน..

ทำให้ปรับตัวได้ทัน...

Project โหดๆ ผมมักเริ่มที่ Destiny ก่อนครับ จะราบรื่นกว่า จะไม่เริ่มที่ Discovery ก่อน...

ผมว่าเราเจออะไรคล้ายๆ กันครับ...

ขอบพระคุณครับสำหรับข้อคิดเห็นท่านอาจารย์

ด้วยความเคารพอย่างสูง

อ.ภิญโญ

เห็นผู้รู้ (อาจารย์ small man กับอาจารย์ภิญโญ) คุยกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์น่าสนุกดีจังค่ะ นกยังไม่เคยทำ AI เป็นเรื่องเป็นราวซักที ได้แต่เก็บสะสมความรู้ความเข้าใจเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยๆ เผื่อว่าซักวันนึงจะมีโอกาสได้ทำ project อะไรกับเขามั่งซักเรื่องนึง หรืออย่างน้อยได้มีโอกาสใช้ AI (อย่างถูกวิธี) เพื่อทำให้บางอย่างในชีวิตของเราหรือคนรอบข้างดีขึ้น

ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้ที่แบ่งปันให้กันทุกวัน

หวัดดีคุณนก

ค่อยๆ ทำนะคุณนก สนุกดี

เก็บไปเรื่อยๆ มันอยู่รอบตัวเรานี่แหละ

เรื่องมีอยู่ว่า เด็กคนหนึ่งให้แก้การบ้านไม่ยอมแก้ ก็เลยลองให้ทำอย่างอื่นไปก่อน โดยให้ฟังซีดี พอฟังเสร็จ ก็ให้อ่านภาษาอังกฤษ

หลังจากนั้นก็บอกให้เด็กคนนี้แก้งานอีกครั้ง จึงยอมแก้งาน

บางก็การจะเปลี่ยนใคร ให้ทำสิ่งนั้นเดี๋ยวนี้ เค้าอาจไม่ทำเดี๋ยวนั้น คงต้องหาอะไรมาให้เค้าทำก่อน ให้เค้าrelaxก่อน เค้าถึงทำในสิ่งที่เราอยากให้ทำค่ะ

dialouge ก็เป็นเครื่องมือที่ดีค่ะ ในการเปลี่ยนแปลงค่ะ

อาจารย์คะ บันทึกแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไว้ที่นี่ นะคะ http://gotoknow.org/blog/dt10/370550

  • ใช้วิธี ให้ทุกคนเขียนวันเดือนปีเกิดแล้วหยิบใส่กระป๋อง บอกกับว่า ทุกคนเท่ากัน ก่อนใช้เครื่องมือ KM โดยใช้ AAR ได้ผลดีค่ะ
  • พบคล้ายๆคุsmall man  เริ่มต้นที่คิดลบ ทำให้ทำอะไรต่อเนื่องไปสู่ การคิดบวกยากค่ะ เหมือนตั้งป้อมไว้ก่อนน่ะค่ะ

ขอบคุณมากพี่ใบบุญ ที่เข้่ามาแบ่งปันความรู้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท