ทำไมต้อง AI.....


Generative Conversation

เมื่อวานมีผู้สนใจ AI คนใหม่ถามคำถาม ที่เป็นคำถาม ที่พบบ่อย..

ทำไมต้อง AI ไม่ใช่ตัวอื่น 

ครับ ลองฟังทางนี้ก่อน 

เคยเป็นอย่างนี้ไหมครับ

ฉาก 1 "วันหนึ่ง..นายถามลูกน้องว่า "เราต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรแล้ว..คุณว่าไง..ทุกคนเสนอ...(ส่วนนายมองแบบ รีบๆ)...ผมว่า"..เอาอย่างนี้รับรอง ทำแบบที่ผมพูด ดีขึ้นแน่..."

ทุกคนมองหน้า เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อ เพราะก็เหมือนเดิม   เราไม่เคยอยู่ในสายตาขององค์กร เขามีคำตอบอยู่แล้ว...ถ้ามีปัญหาก็โทษเราอีก..ว่าพวกเราไม่เก่ง...

ฉาก 2 ระหว่างเพื่อนร่วมงาน...น ี่ๆ ผมจะลดน้ำหนัก..ถามหน่อยวิธีการพูดกับลูกค้าที่คุณเสนอให้หน่วยงานเราทำน่ะ..มันจะช่วยลดน้ำหนักผมได้ไหม.. 555

ฉาก 3: ที่คุณทำนะ ไม่ได้ผลหรอก..ทำไมไม่ทำอย่างนี้ล่ะ...จากนั้นคุณก็เริ่มมองเขาด้วยสายตาเปลี่ยนไป..เพราะไม่ว่าคุณจะทำอะไร เอาไปคุยกับคนนี้ คุณผิดทุกที...พอถามหาทางออก..ก็ได้แค่คำตอบคลุมเครือ...เหมือนเดิม.. .วิจารณ์เก่ง ติเก่ง เป็นมหาอำนาจแห่งการติ..ติแล้ว เราเอาไปก่ออะไรไม่ได้..แถมหมดความมั่นใจไปเลย..

และอีกนับฉากไม่ถ้วน..ทุกคนล้วนเคยมาครับ...

.....................................................................

สิ่งที่เหมือนกัน..

1. ทุกองค์กร ทุกตำแหน่ง ต้องเจอกับปัญหาหนักอกทั้งสิ้น 

2. เอาปัญหามาคุยกันแบบเดิมๆทีไร มักเกิดภาวะ เบื่อหน่าย เกิดความเกลียดชัง..ไม่นับถือกัน.

3. คุยต่อไม่ค่อยได้ ต้องรีบจบ ไม่งั้นวงแตก ถ้าเป็นการคุยระหว่างผู้มีอำนาจสูงกว่า กับผู้มีอำนาจน้อยกว่า ผู้มีอำนาจน้อยรู้สึกว่า อยู่เงียบจะประเสริฐกว่า...

แม้กระทั่งระหว่างเพื่อน..เออ..ทางใครทางมันวะ..

ถึงขั้นปลง...เออ..บางคนนี่มันเกิดมาเพื่อแก่ตายเฉยๆ แฮะ..อย่าไปถือสาหาความอะไรมันเลย...

4. แทบไม่เคยแก้ปัญหาได้ครับ...หายากจริงๆ อย่างเก่งก็ได้แค่ข้อเสนอ.. 

...........................................................

วกเข้ามา AI แรกๆ ผู้คิด David Cooperrider ตอนแรกท่านก็ศึกษาทั้งปัญหา และโอกาสนั่นแหละครับ ..พอเข้าไปประเมินภาวะผู้นำในโรงพยาบาล พอให้พูดถึงปัญหา..คนก็พูดครับ...เจอแต่เรื่องสติแตก ถึงขั้นด่ากันวงแตก...วิจารณ์มากมาย..จบลงด้วยการยอมรับ.."มันไม่มีทางจะเปลี่ยนอะไรได้หรอกคุ๊ณ.."

พอกลับกันลองถามเรื่องที่ทุกคนภูมิใจ...เปลี่ยนมุมถาม ปรากฏว่าบรรยากาศออกมาดี ..คนอยากคุยกัน..คุยไม่จบ..พบความหวัง..จนนำไปสู่ความร่วมมือ..แก้ปัญหาที่แก้ไม่ได้..ท่านถึงฉุกใจคิดว่ามันต่างกันจริง..ท่านเลยพัฒนามาเป็น Appreciative Inquiry ที่เราเห็นกัน 

นี่แหละครับทำไมถึงใช้ AI..

.....................................................................................

ตามประสบการณ์ของผม จุดเด่นของ AI มันอยู่ที่เรื่องพื้นฐานที่สุดคือ..พอถามด้วยคำถามดีๆ ...คนมันจะคุยกันดีๆครับ คุยกันจนแตกออกไปเรื่อยๆ แทนที่จะหยุดชะงักแต่แรก เพราะปวดหัว สิ้นหวัง ถูกครอบงำจากวิธีการเดิมๆ เพราะมีใครเหนือกว่า

การคุยแบบ AI บางทีเราเรียกว่า Generative Conversation คือคุยแล้ว มันต่อยอดได้..เพราะ AI ไม่กระตุ้นให้คนมาวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ต้นครับ.ทำให้คุยกันไ้้ด้..เมื่อคุยกันได้ จะฟังกันครับ ที่ำสำคัญมันลดชั้นวรรณะ ลง แม้กระทั่งคนโหดที่สุด คุยดีๆ เขาจะตอบคุณดีๆ ครับ อารมณ์จะดี ถึงขั้นเลิกโหด หันมาช่วยคุณ แบบที่คุณต้องนึกไม่ถึงทีเดียว

.......................................................................

จริงๆ แล้วการคุยที่ทำให้เกิด Generative Conversation ไม่ได้มีแต่ AI ครับ Dialogue ก็ใช่ World Cafe ก็ใช่ และอื่นๆๆ ที่มนุษย์นักคิดกำลังรังสรรค์ขึ้นมา

ว่าไปแล้วมีมาแต่โบราณ เช่น Greek ก็มี The Spirit of Koinonia, พุทธมีคุยกันอย่างบัณฑิต ต้องไม่โกรธ... (ดูคำภีร์มิลินทปัญหา) 

........

ผมเองใช้ AI ด้วยเหตุผลเดียวกัน..แต่ผมก็ใช้อย่างอื่นเข้มข้นพอๆกัน เช่น Dialoge World Cafe และ Open Space  AAR และ KM ครับ เพราะช่วยได้เยอะครับ

และเห็นชัดมานับร้อยโครงการแล้วว่าได้ผลดีกว่าครับ 

.............

คำสำคัญ (Tags): #appreciative inquiry
หมายเลขบันทึก: 369106เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2010 09:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะ

อาจารย์เปิดประเด็นน่าสนใจขึ้นมาอีกแล้ว

สวัสดีครับ

แวะมาอ่าน ทำไมต้อง AI ครับ

คุยกันด้วยมุมมองสวยงาม เรื่องที่ภาคภูมิใจ เรื่องที่ประสบความสำเร็จ แล้วอาจปิ๊งแว๊บไอเดียแก้ปัญหาได้นะครับ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ...

จุดเด่นของมันอยู่ที่เรื่องพื้นฐานที่สุดคือ..พอถามด้วยคำถามดีๆ ...คนมันจะคุยกันดีๆครับ คุยกันจนแตกออกไปเรื่อยๆ แทนที่จะหยุดชะงักแต่แรก เพราะปวดหัว สิ้นหวัง ถูกครอบงำจากวิธีการเดิมๆ เพราะมีใครเหนือกว่า

การคุยแบบ AI บางทีเราเรียกว่า Generative Conversation คือคุยแล้ว มันต่อยอดได้..เพราะ AI ไม่กระตุ้นให้คนมาวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ต้นครับ.ทำให้คุยกันไ้้ด้..เมื่อคุยกันได้ จะฟังกันครับ ที่ำสำคัญมันลดชั้นวรรณะ ลง แม้กระทั่งคนโหดที่สุด คุยดีๆ เขาจะตอบคุณดีๆ ครับ อารมณ์จะดี ไม่เครียด

สวัสดี ครับ อาจารย์

ชื่นชมอาจารย์ มาตลอด

ชอบครับ  ทำไมต้อง AI

 

AI น่าสนใจมากแต่คงต้องศึกษาและฝึกในการนำไปใช้

ขอบคุณค่ะอาจารย์

เรียนอ.ดร.ภิญโญ

  • จากประสบการณ์ของผม ผมใช้AI(สุนทรียสาธก)ในการถอดบทเรียน ด้วยครับ
  • ผมมักจะใช้กระบวนการถอดบทเรียนแบบAIโดยถอดบทเรียนการทำงานเป็นองค์ความรู้ด้วยแผนภูมิต้นไม้(The  Tree  Model) ครับ  
  • ผลการถอดบทเรียนในตอนท้ายจะได้ออกมาเป็น “เรื่องเล่าเร้าพลังนำการเปลี่ยนแปลง”ครับ
  • ผมบันทึกประสบการณ์ที่http://gotoknow.org/blog/suthepkm/369414 และที่http://gotoknow.org/blog/suthepkm/369330
  • ขออาจารย์ให้คำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ

สิ่งแรกที่สัมผัสได้และโดดเด่นตลอดทั้งวัน คือ "ความยินดีที่จะแบ่งปัน"

ขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งที่อาจารย์กรุณา "แบ่งปัน"

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาให้กำลังใจครับ จะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ครับ

จะได้ช่วยกันพัฒนาของดีๆ ให้มันใช้ได้กับบริบทของบ้านเรา

ผมได้ดีก็เพราะ Gotoknow นี่แหละครับ จุดประกายผมไปหลายเรื่อง เปลี่ยนชีวิตผมทีเดียว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท