ทุกๆเช้าจะนั่งรถผ่านท้องนาเพื่อไปโรงเรียน วันหนึ่งเห็นชาวนากำลังรวมตัวกันเพื่อ ปลูกข้าวในนา คิดในใจว่าทำไมเขาจ้างคนมาเยอะแยะมากมาย มีเงินจ่ายเหรอ เพราะที่ทราบมาเจ้าของที่นาก็ไม่ใช่จะร่ำรวยอะไร สอบถามคนที่ยืนอยู่ริมถนน ก็ทราบว่าไม่ได้จ้างแต่พวกเขามาช่วยกันดำนาเพื่อว่า พอนาคนนี้เสร็จแล้วจะได้ไปช่วยกันในนาคนต่อไป ก็คิดในใจอีกว่าดีจังเลยยังมีแบบนี้ในสังคมไทยด้วยหรือแต่สังคมในชนบทมีจริงๆ ตอนเย็นกลับทางเดิม ผ่านผืนนาเดิม อ้าวดำนาเสร็จแล้วนี่ ชาวนาเริ่มเดินทางกลับบ้าน ถึงใบหน้าพวกเขาจะดำกร้าน และคงเหน็ดเหนื่อย แต่พวกเขาก็หยอกล้อกันด้วยความสนุกสนาน ได้ยินถามกันว่าพรุ่งนี้นาใคร ซึ่งพวกเขาคงเข้าคิวกันไว้แล้วล่ะ วันรุ่งขึ้น ผ่านมาที่เดิม ข้าวเริ่มเขียวเต็มท้องทุ่งนา มองดูแล้วชื่นตาจริงๆ อิ่มเอมใจกับพวกเขาที่จะได้มีข้าวกินจากนำ้พักน้ำแรงของพวกเขาเอง 1 อาทิตย์ผ่านไป ฝนเริ่มไม่ตก ไม่มีน้ำ หนำซ้ำต้นข้าวที่เขียวขจี กลับโดนแมลงลงกัดกินเสียหายทั้งทุ่ง จากต้นข้าวที่เขียวขจี กลายเป็นต้นข้าวที่มีสีน้ำตาลทั่วทั้งทุ่งนา และเห็นเจ้าของนายืนมองดูทุ่งนาที่สะท้อนกับแสงของดวงอาทิตย์สีแดง ลูกกลมโตที่กำลังจะลับขอบฟ้าสาดส่องมายังต้นข้าวซึ่งสีช่างเหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์เหลือเกิน และเหมือนกับความหวังของเจ้าของที่นาที่ริบหรี่เต็มที กับการฟื้นฟูต้นข้าวของตน เพราะนั่นหมายถึงเงินก้อนที่ต้องใช้ แล้วเขาจะเอามาจากไหน ก็คงต้องกู้ แล้วหนี้เดิมล่ะ ก็คงต้องเป็นหนี้ซ้ำซ้อนสินะ ทำไมธรรมชาติ ถึงลงโทษเขาแบบนี้ โทษใครหรือ ทำไมมันไม่มีความพอดีในธรรมชาติปัจจุบันเลย แล้งก็แล้งจนดินแตกระแหง ฝนตกก็ตกเสียจนท่วม มีแต่เสียกับเสีย หดหู่ใจกับพวกเขาทุกครั้งที่ผ่าน(ต้องผ่านทุกวันเพราะทางไปโรงเรียนค่ะ) โลกยิ่งเจริญแต่ธรรมชาติยิ่งจะเลวลง เพราะสิ่งแวดล้อมถูกทำลายเพื่อไปปรนเปรอตอบสนองกิเลสมนุษย์ อยากให้ทุกท่านถามตัวเองจังว่า สายหรือยังถ้าเราจะร่วมมือกันทำให้ธรรมชาติกลับคืนมาเหมือนก่อน แล้วพวกเราจะทำยังไงล่ะ ใครมีคำตอบ ช่วยตอบให้ด้วยนะคะ และรอลุ้นให้ฝนตกเพื่อข้าวในนาของชาวนากลับมาเขียวขจีเหมือนเดิม
ไม่มีความเห็น