ปรับฐานเงินเดือน ขรก.ขึ้น 5% รัฐตั้งงบ 3 หมื่นล. เจียดงบปี 54


ปลัด ก.คลังเผยการขึ้นเงินเดือนข้าราชการอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ ก.พ. กำหนดวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยต่อราย 4-5%  โดยมาจากเงินงบประมาณปี 2554 ในวงเงิน 13,000 ล้านบาท ด้านอธิบดีกรมสรรพากร เผยได้อายัดทรัพย์ "โอ๊ค-เอม" แล้วมูลค่า 11,000 ล้านบาท  ศาลนัดไต่สวนโจทก์-จำเลย กลาง ก.ค.นี้

นายสถิตย์  ลิ่มพงศ์พันธุ์  ปลัดกระทรวงการคลัง  เปิดเผยถึงกรณีการขึ้นเงินเดือนของข้าราชการ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นการให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. ศึกษาการพิจารณาการปรับขึ้นเดือนข้าราชการ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นทั้งระบบว่าจะต้องปรับขึ้นจำนวนเท่าใด ทั้งตำรวจ ทหาร อัยการ ครู  ทั้งนี้จะเป็นการปรับขึ้นทั้งฐานเงินเดือนขั้นต่ำ-ขั้นสูง  ฐานเงินเดือนสำหรับผ่านงาน ค่าตอบแทน เป็นต้น รวมทั้งยังเป็นการปฏิรูปข้าราชการทั้งระบบ ที่ไม่เพียงเฉพาะการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยกำหนดวงเงินรวมที่ 30,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะพยายามเร่งให้ได้ข้อสรุป ไม่เกินปีงบประมาณ 2554 หลังจากที่ได้รับมอบนโยบายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีช่วงปีงบประมาณ 2553 "การปรับขึ้นผลตอบแทนข้าราชการเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายตั้งแต่ต้นปีงบฯ 53 โดยให้นโยบายการปรับปรุงสถานะของข้าราชการทั่วไป 5 ด้าน ได้แก่ 1.การปรับฐานเงินเดือนขั้นต่ำ  2.การปรับฐานเงินเดือนขั้นสูง  3.การปรับฐานเงินเดือนแรกบรรจุ หรือฐานเงินเดือนเมื่อทดลองผ่านข้าราชการ  4.การปรับปรุงค่าตอบแทนในพื้นที่หรือท้องที่ที่แตกต่างกัน หรือการปรับปรุงค่าตอบแทนวิชาชีพหรือสาขางานที่แตกต่างกัน เช่น แพทย์ เป็นต้น และ 5.การปรับขึ้นเงินเดือน  ซึ่งการปรับขึ้นเงินเดือนเป็น 1 ใน 5 เรื่อง ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ก.พ. ไปศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้" อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการขึ้นเงินเดือนข้าราชการนั้น จะต้องมีการหารือกับข้าราชการอื่น ทั้งตำรวจ ทหาร อัยการ ครู เพื่อมองดูทั้งระบบ  ขณะนี้อยู่กระบวนการหารือกันระหว่างข้าราชการกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งใกล้ที่จะดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อเสนอ ก.พ.แล้ว โดยในส่วนของการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการคาดว่าจะใช้งบประมาณปี 2554 ในวงเงิน 13,000 ล้านบาท ซึ่งทาง ก.พ. อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการได้ประมาณ 4-5%  ส่วนวงเงินที่เหลืออีก 17,000 ล้านบาท ก่อนหน้าหนี้ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะหาแหล่งเงิน ในส่วนที่ขาดอยู่ 17,000 ล้านบาท ทางหนึ่งก็อาจจะมาจากการกู้

นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการอายัดทรัพย์ของนายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพินทองทา ชินวัตร บุตรชาย และบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า กรมได้อายัดทรัพย์ของทั้ง 2 คนไว้เรียบร้อยแล้ว  ทั้งในส่วนของที่ดิน  มูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ  และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ  เงินสด มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ซึ่งโดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลอุทธรณ์ภาษี ซึ่งจะต้องทำการไต่สวนโจทก์ และจำเลยประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2553 นี้

ยอดการจัดเก็บภาษีเดือนมิถุนายน 2553 นั้น กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีได้สูงกว่าประมาณการ 10% หรือสูงกว่าเป้าหมาย 80,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 8-9%  อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังต้องติดตามการจัดเก็บรายได้ภาษีในเดือนสิงหาคม 53 นี้ โดยเฉพาะการจัดภาษีนิติบุคคล ซึ่งหากไม่มีปัญหาเชื่อว่าการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 53 จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 1.189 ล้านล้านบาท  ซึ่งได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.097 ล้านล้านบาท

ฐานเศรษฐกิจ  24  มิถุนายน  2553

หมายเลขบันทึก: 368893เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2010 11:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2012 11:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท