พ่อมีเพื่อนรักที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มากนัก เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 พาพ่อไปโรงพยาบาลเนื่องจากหายใจไม่สะดวกและโทรบอกหลานที่เป็นหมอว่าจะพาคุณตาไปโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าให้ช่วยประสานงาน แต่เมื่อออกจากบ้านที่ซอยโชคชัย 4 เริ่มมีอาการนิ่งไม่พูด จีงแวะที่โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4 เพื่อช่วยเบื้องต้นและให้ไปส่งที่โรงพยาบางพระมงกุฏเกล้า ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง ให้น้ำเกลือ 1 ขวด และครอบออกซิเจน
ต้องขอขอบคุณทางโรงพยาบาลที่ให้ความช่วยเหลือและนำส่งต่อ (เสียค่าใช้จ่าย ประมาณ 4200 บาท)
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าอยู่ในห้องฉุกเฉินหลายชั่วโมง แล้วนำไปเข้าห้องไอ ซี ยู ชั้น 17 อาคารเฉลิมพระเกียรติ พ่อรู้สึกตัวแต่พูดไม่ได้เนื่องจากมีท่อหายใจใส่ทางปาก ประมาณ 1 ทุ่ม บอกพ่อว่าเดี๋ยวมารับน่ะ พ่อก็พยักหน้าเข้าใจ เช้าวันอาทิตย์ โทรบอกเพื่อนรักพ่อ มี นาวาอากาศเอกปัญญา วัฒนดิเรก นาวาอากาศโทสนธิ ลุงน้อย กมลวาทิน พลตำรวจตรีนิคม จงจิระ และญาติ ช่วงเย็นทุกคนมาเยี่ยมพ่อพูดคุยกัน เข้าใจ นั่นเป็นการพูดครั้งสุดท้ายและได้จับตัวกัน เมื่อแพทย์ได้ตรวจแล้วย้ายพ่อไปอยู่ห้องปลอดเชี้อ ห้ามเข้าไปสัมผัส และวันที่ 9 มิถุนายน 2553 แพทย์ให้ทุกคนมาที่โรงพยาบาลทันที่ ว่าทุกอย่างจบแล้ว พ่อจากไปด้วยความสงบ เมื่อเวลา 18.05 รวมสิริอายุ 84 ปี หลังเคารพธงชาติ มีเพื่อนรักพ่อมาส่งพ่อที่ห้องคือ นาวาอากาศเอกปัญญา วัฒนดิเรก นาวาอากาศโทสนธิ ลุงน้อย กมลวาทิน พ่อตั้งใจว่าจะเป็นอาจารย์ใหญ่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า แต่ไม่ได้เป็น เพระ ร่างกายพ่อถูกเจาะหลายแห่ง พ่อใส่ชุดขาวพร้อมเครื่องแบบ หล่อมาก ได้รับพระราชทานน้ำหลวง หีบ และไฟหลวง
พ่อเป็นที่รักของ ญาติ พี่น้อง เพื่อน ลูกน้อง(ทหารอากาศ) ในงานพระราชทานเพลิงศพมีแขกมาร่วมงานมากมาย
หลังจากเสร็จงานแล้วต้องไปทำเรี่องอีกหลายเรื่องเช่น เงินเดือน บำเหน็จตกทอด บัตรเหรียญชัย(พ่อมี) ....... อีกมากมาย
พ่อสั่งไว้ว่าให้ไปลอยกระดูก พร้อมกับ ย่า ที่หน้าวัดเฉลิมพระเกียรติ นนทบุรี เป็นวัดของรัชกาลที่ 3 ได้ทำเรียบร้อยแล้ว
ส่วนครบ 50 วัน จะทำกันเอง และ 100 วัน จะไปทำที่วัดบางไผ่ นนทบุรี เจ้าอาวาส เป็นราชสกุล สิงหรา (รัชกาลที่ 3)
เพื่อนพ่อทุกคนให้ความช่วยเหลือมาตลอด โดยเฉพาะ นาวาอากาศเอกปัญญา วัฒนดิเรก นาวาอากาศโทสนธิ ติดต่อหน่วยงานราชการที่ต้องไปโดยไม่ติดขัด
ขอขอบพระคุณทุกท่าน
ไม่มีความเห็น