บทเรียนชีวิต


การตัดสินใจปัญหา ผลจากการตัดสินใจ มุมมองสิ่งที่เกิดขึ้น

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ขับรถตามเพื่อนรุ่นพี่ไปเที่ยวสวน ใช้เส้นทางด่วนจากงามวงศ์วาน-ธรรมศาสตร์ เมื่อถึงทางลงที่ธรรมศาสตร์ เบรครถผมจม ทำให้ตกใจมาก ได้พยายามตั้งสติและย้ำเบรค ก็พอประคองเบรคได้ และได้โทรศัพท์หาเพื่อนให้หยุดรถเพื่อตรวจเบรค พบว่าน้ำมันเบรคเต็ม และเมื่อปั้มเบรคก็สามารถใช้เบรคได้ จึงใจชื้น และแจ้งเพื่อนว่าต้องขอแวะอู่ซ่อมรถเพื่อเช็คอีกที เมื่อพบอู่ซ่อมรถอู่แรก ช่างแจ้งว่าต้องรอ เพราะกำลังทำรถอื่นอยู่ จึงไปหาอู่อื่น วิ่งรถมาพอประมาณก็ไม่พบอู่ เพื่อนจึงให้ผมจอดรถรอ และเพื่อนได้ขับรถหาอู่ จนพบอู่ที่สามารถตรวจอาการรถได้ทันที ช่างได้ทำการตรวจรถและแจ้งว่าแม่ปั้มเบรคเสีย และผ้าเบรคก็บางมาก ต้องทำการเปลี่ยนแม่ปั้มเบรคและผ้าเบรค ผมได้สอบถามราคา ช่างได้แจ้งว่าค่าผ้าเบรคหน้า และหลัง คู่ละ พันกว่าๆ และค่าแม่ปั้มเบรคราคาพันกว่าๆเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบราคาต้องไปเอาของมาเลย

หลังจากซ่อมเสร็จปรากฎว่าราคาออกมา 5,580 บาท ผมคิดว่าถูกโกงราคา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะทำไปแล้ว ราคาที่แจ้งก่อนทำประมาณ สามพันกว่าบาท และจะชำระด้วยบัตรเครดิกที่ทางร้านแสดงไว้ แต่ถูกปฎิเสธโดยอ้างว่าที่รูดบัตรเสีย ผมมีเงินติดตัวแค่ ห้าพันบาท คิดว่าจะจ่ายแค่ห้าพันบาท แต่เพื่อนผู้ใจดี ได้แจ้งว่าเอาของเขาไปก่อนได้ ในที่สุดผมจึงเอาจากเพื่อนมา ห้าร้อยบาท และชำระทางอู่ไป ห้าพันสามร้อยบาทและติดตัวไว้สองร้อยบาท และแจ้งให้เอาของเก่าของผมที่เปลี่ยนคืนใส่ในรถของผมด้วย หลังจากนั้นจึงไปแวะกดเงินจากตู้ เอทีเอ็ม และคืนเงินที่ยืมจากเพื่อนมาห้าร้อบบาท

ได้ไปเที่ยวชมสวนบ้านเพื่อน และกลับบ้าน เมื่อวานได้นำรถไปให้อู่ที่ซ่อมประจำตรวจอีกครั้งจึงได้ทราบว่า แม่ปั้มเบรคที่เปลี่ยนให้ไม่ใช่รุ่นของรถผมและเป็นของเทียม ใช้ไม่ได้ต้องเปลี่ยนของให้ถูกต้องมิฉะนั้นจะทำให้น้ำมันเบรครั่ว และผ้าเบรคที่ว่าบางนั้น บางแค่คู่เดียวที่เหลือยังหนาอยู่แสดงว่ามีสิ่งผิดปกติ จึงต้องเปลี่ยนชุดซ่อมเบรคที่ล้อเสียเงินไปอีก หนึ่งพันห้าร้อยบาท

สรุปสิ่งที่ผิดพลาดจากการตัดสินใจที่ผ่านมา

1.เมื่อทราบว่าเบรคมีปัญหา ควรจะยกเลิกการไปเที่ยวบ้านเพื่อนและกลับบ้าน เพื่อนำรถไปซ่อมที่อู่ประจำในวันจันทร์ แทนที่จะไปวิ่งหาอู่ที่ไม่รู้จักเพราะเคยโดยโกงมาหลายครังแล้ว

2.ก่อนตกลงซ่อมควรจะเช็คราคาให้แน่นอนก่อน และเปิดประวัติการซ่อมเบรคเพื่อเปรียบเทียบราคา

3.ระหว่างที่ช่างทำการซ่อมควรจะควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และตรวจสอบของที่นำมาเปลี่ยนว่าถูกต้องกับของเดิมหรือไม่

4.ควรจะตรวจดูว่าช่างนำของเก่าของเราคืนมาครบหรือไม่ (ช่างคินมาให้เฉพาะผ้าเบรคแต่ไม่ได้คืนแม่ปั้มเก่าของเรามาให้)

5.ควรจะเรียกใบเสร็จที่มีชื่ออู่และสถานที่ติดต่อที่ครบถ้วน (ได้รับใบเสร็จของห้างหุ้นส่วน ไทเซอร์วิส ไทคาร์แคร์ เลขที่ 31/29 ม 10 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โทร-แฟกซ์ 02-9084994 เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 3-0322-1225-0 แต่ใบเสร็จดังกล่าวถูกปากกาขีดฆ่าทั้งหมด และเมื่อโทรศัพท์เข้าไปไม่มีคนรับสายมีเป็นสัญญาณแฟกซ์

ควรทำอย่างไรต่อไป

1.กลับไปที่อู่และไปร้องเรียนกับเจ้าของอู่ ให้รับผิดชอบที่เปลี่ยนของให้ไม่ถูกต้องกับรุ่นและไม่คืนของเก่ามาให้ และแจ้งว่าราคาผ้าเบรคที่เช็คมาราคาถูกกว่าที่คิดจากผมเท่าตัว

เพือนผมแจ้งว่าผมควรจะปล่อยไปอย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้ เกิดมีปากเสียงกันอาจจะถูกยิงเอาก็ได้ ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย และต้องทำใจว่าอู่ที่ไม่รู้จักก็เป็นแบบนี้ ถือว่าเขาซ่อมให้ใช้ได้และเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

2.ทำใจให้ได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นถือว่าเรายังโชคดีแค่เสียเงินมากกว่าที่ควรจะเสียดีกว่าที่จะเกิดอุบัติเหตุที่เสียหายมากกว่านี้

3.เป็นการยืนยันว่าเรายังไม่รอบครอบและปล่อยให้ผิดพลาดขึ้นอีกทั้งๆที่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว

สรุปผมไม่ทำในข้อ 1. ตามที่เพื่อนและอู่ประจำแนะนำ คืออย่าไปเสียเวลากับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และปฎิบัติในข้อ ที่ 2 และข้อที่ 3 คือทำใจ และเติมมาอีกข้อคือ เขียนบันทึกนี้เพื่อเป็นข้อคิดให้กับผู้ที่อาจเกิดปัญหาเดียวกับที่ผมพบ

 

หมายเลขบันทึก: 367342เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2010 07:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เรียนคุณพี่ชาญโชติ (ขออนุญาตเรียกคุณพี่นะครับ)

เหตุการณ์ที่คุณพี่เล่าให้ชาว gotoknow นับว่าเป็นสิ่งที่เตือนใจต่อ ผู้เป็นเจ้าของรถ เป็นอย่างดี แต่เหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นเป็นประจำ และมีให้เห็นบ่อยมาก ที่สำคัญที่สุด คือไม่มีการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิด จะไปโทษผู้เสียหายก็ไม่ได้ เพราะแค่เวลาทำมาหากินก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ยิ่งต้องไปตามหาความถูกต้องอีก ยิ่งไปกันใหญ่ จึงทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซ้ำร้ายมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ(แต่มีพฤติกรรมเยี่ยงโจร)ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้สะท้อนถึงระบบกฎหมายของประเทศ ที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้ (กฎหมายคุ้มครองโจร) ทางออกของเรื่องนี้ (ถ้าเกิดขึ้นได้จริง หรืออาจจะเป็นเพียงความฝันเท่านั้น)

1. ประชาชนต้องใช้ความระมัดระวังในทุกๆ เรื่อง เรื่องใดที่มีความเสี่ยง (โดยการประเมินในเบื้องต้น) ต้องไม่รีบตัดสินใจ

2. มีเครือข่ายที่จะขอความช่วยเหลือ ในเรื่องต่างๆได้ เช่น การติดต่อสื่อสาร การหาช่องทางต่างๆไว้รองรับเมื่อเกิดเหตุ

3. เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมีการออกสำรวจเหตุของความผิดปกติต่างๆ ไม่ต้องรอให้มีผู้เสียหายก่อน (เงินภาษีที่จ่ายให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ค่อยมีความคุ้มค่า ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่จะเอาเงินมากๆ น่าละอายจัง แต่คนพวกนี้ ไม่มีวันสำนึกได้)

4. ผู้เสียหายควร มีรายละเอียดของสถานที่ ระบุตำแหน่งที่เสียหาย มีภาพประกอบ ส่งต่อให้ สมาคมคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อเป็นข้อมูล

นำข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่ในวงกว้าง แก่เพื่อน ญาติพี่น้อง และคนรอบๆตัว ประชาชนในสังคมจะได้ช่วยกัน สอดส่องดูแล ใช้มาตรการทางสังคมกดดัน

5. ความจริงเรื่องนี้ หากมีการป้องปรามอย่างต่อเนื่อง และควรเพิ่มโทษผู้กระทำผิด (ให้หนักถ้ามีเจตนาในทางที่ชั่วร้ายต่อสังคม) ผมเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะลดลง แต่ทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐเพิกเฉย ไม่ใส่ใจ ยิ่งถ้าไม่มีการจ่าย (บนโต๊ะ เพราะไม่มีใครกลัวต่อบาป) รับรองได้ว่าเรื่องต่างๆ เงียบ รับรองถ้าคุณพี่เป็น สส. สว. พ่อของอธิบดี เป็นพี่รัฐมนตรี เป็นน้องนายกฯ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ตรงท้องที่นั้น วิ่งหางจุก ....ูด

6. ผมอยากรู้สถานที่ ตำแหน่งที่เกิดเหตุ (ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้) จะได้ช่วยขยายเรื่องนี้ โดยการส่งข้อมูลต่อๆ กันไป

7. ปัญหาของบ้านเมือง ปัญหาของทุกคนในสังคม ต้องได้รับการช่วยเหลือกัน สังคมจะเป็นสุขได้ คนในสังคมต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา

สิ่งที่ผ่านไปคงไม่ทำให้คุณพี่หวั่นไหว ขอเป็นกำลังใจให้คุณพี่นะครับ

ด้วยความจริงใจ...อย่างแท้จริง

นายรักษ์ ปริกทอง

ชมรมคลังปัญญา

ขอบคุณครับ ที่ให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นมา ผมเห็นด้วยครับ ที่ว่าเราจะต้องช่วยกันรักษาความถูกต้อง และต้องร่วมด้วยช่วยกัน เผยแพร่ข่าวสารให้คนอื่นรับทราบ จะได้เป็นข้อเตือนใจ หน่วยงานที่ควบคุมมีความสำคัญมากครับ ถ้าปฎิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ เงินภาษาเข้าประเทศก็จะไม่ตกหล่น และเป็นการสร้างมาตราฐานให้กับผู้ประกอบการ และยังป้องกันไม่ให้ผู้ใช้บริการไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ

ความตั้งใจครั้งแรกผมคิดที่จะกลับไปที่อู่ซ่อมรถและไปพูดให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้องและดูว่าเขาจะรับผิดชอบแค่ไหน ถ้าเขารับผิดชอบก็ถือว่ายังใช้ได้ เจ้าของอาจไม่มีเจตนาแต่เป็นเพราะลูกน้องเป็นผู้ทำโดยพละการ หรือถ้าไม่รับผิดชอบ ก็จะได้ส่งข่าวแจ้งให้คนอื่นๆรับทราบจะได้ไม่เข้าไปใช้บริการ หรือดำเนินการฟ้องหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค (แต่ก็รู้ว่าเสียเวลามากกว่าเรื่องจะยุติ)

แต่เมื่อได้รับคำแนะนำจากเพื่อนรุ่นพี่ กลับกลายเป็นผมเป็นผู้ที่มีปัญหา เอาเวลาไปเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เมื่อเลือกใช้บริการเขาไปแล้วและได้รับการบริการแก้ไขให้ปัญหาจบไป ส่วนที่เสียเงินเกินกว่าที่ควรเสีย ก็ให้ถือว่าเงินหาใหม่ได้ อย่างดีก็มีคนแก้ไขให้เราขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

เรื่องเดียวกันแต่มุมมองในความคิดแตกต่างกัน ถ้าเถียงกันว่าความคิดไหนผิดถูกก็ไม่มีวันยุติ แล้วแต่เหตุผลและความต้องการของแต่ละคน จะฟันธงลงไปเลย โดยไม่มีเหตุผลประกอบที่เหมาะสมไม่ได้

ขอขอบคุณอีกครั้งครับในข้อเสนอแนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท