การสร้างบริการที่เป็นมิตรสำหรับเยาวชน พวกเราจึงควรส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับเราให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดที่ทุกฝ่ายจะได้รับ
ความคาดหวัง และความสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วม
ในบริการที่เป็นมิตรสำหรับเด็กและเยาวชน
(ผมไปนำเสนอในการประชุมที่ เอสดีอเวนิว วันที่ 14 มิย.53 ที่ผ่านมา)
สรุปสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้วัยรุ่นเข้าไม่ถึงบริการด้านเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีอยู่
1.วัยรุ่นไม่รู้ว่ามีสถานบริการที่เป็นมิตรกับวัยรุ่นอยู่ ?
2.ถึงมีจุดบริการก็ไกลบ้าน ทำให้วัยรุ่นเข้าถึงได้ยาก
3.ไม่มีคนแนะนำข้อมูลบริการในชีวิตประจำวัน
4.วัยรุ่นรู้สึกกลัว และกังวล เรื่องข้อมูลความเป็นส่วนตัว และการรักษาความลับ จึงไม่ไปรับบริการที่มีอยู่
5.สถานบริการสุขภาพที่มีอยู่ ไม่เป็นมิตรกับวัยรุ่น (พอวัยรุ่นได้รับบริการที่ไม่เป็นมิตร เลยไม่อยากมารับเข้ารับบริการอีก และบอกกันแบบปากต่อปาก)
6.วัยรุ่นอายที่จะเข้าไปใช้บริการ
7.วัยรุ่นไม่มีความรู้เรื่องโรคติดต่อ-เอดส์ ฯลฯ และไม่ตระหนัก ไม่ได้สนใจถึงความสำคัญของการไปตรวจ
โดยภายใต้ปัญหาแต่ละข้อก็มีปัญหาและทางออกในตัวเอง ดังนี้
1.วัยรุ่นไม่รู้ว่ามีสถานบริการที่เป็นมิตรกับวัยรุ่นอยู่ ?
- การประชาสัมพันธ์มีน้อย เข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย
- งบประมาณไม่มีให้ออกโทรทัศน์
- ไม่มีคนแนะนำ ไม่มีคนที่ตัวเองรู้จักมาบอก ไม่กล้าคุย (ข้อ 3)
ทางออก
Ø พัฒนาสื่อที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ทำคลิปโป๊ๆ ตั้งชื่อเสื่อมๆ แบบ 18+ เพื่อการส่งต่อ พร้อมแนะนำบริการ Ø จัดบูธ นิทรรศการฯลฯ เข้าถึงแหล่งชุมนุมวัยรุ่น ในพื้นที่นั้นๆ Ø พัฒนาแกนนำที่เก่งกล้าสามารถฉลาดหลักแหลม ไปบอกต่อ (ข้อ3)Ø เรื่อง งบประมาณ ท่านต้องหาทางออกเองแล้วล่ะ
ข้อเสนอแนะ ต่อการรณรงค์จากเยาวชนแกนนำ
- ควรสนับสนุนกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง โดยแกนนำ เพื่อให้เยาวชนแกนนำได้พัฒนาตนเอง
- ควรมีการสนับสนุนสื่อที่จะใช้ประกอบการรณรงค์อย่างเหมาะสม และเพียงพอ
- ควรมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมผ่านสื่อมวลชน โดยช่องทางต่างๆ
- ควรจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพให้เยาวชนแกนนำ
- ควรจัดเวทีประชุมสรุปบทเรียน เพื่อนำไปขยายผลต่อ
- ควรมีการขยายเครือข่ายให้เกิดการรณรงค์อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในเขตโรงเรียน และชุมชนโดยรอบคลินิก
- ควรร่วมพัฒนาเนื้อหาการรณรงค์ให้กับเยาวชนแกนนำ
2. จุดบริการก็ไม่ได้ใกล้ ทำให้วัยรุ่นเข้าถึงได้ยาก
- บ้านอยู่รามคำแหง 11 ต้องเข้าไปรักษาที่บางรัก นั่งรถเมล์ 3 ชม. ที่อื่นก็ไม่รู้จัก เหนื่อยกว่าจะถึงคลินิก เที่ยงปิดพอดี / ขี้เกียจว่ะ ไม่ไปหรอก / โอ้ย สารพัดจะลำบาก!
- มีคลินิกไกลบ้าน แถมไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน จะโทรไปถามก็ไม่มีเบอร์ ไม่มีคนกระตุ้น ไม่เป็นไร ครั้งนี้ยังไม่ตรวจ หยวนๆ ก็เอาๆกันไปก่อน ครั้งหน้าถ้าเป็นอะไร ค่อยไปตรวจก็ได้
ทางออก
Øข้ออ้างมันเยอะ ปัญหาข้อนี้ไม่ค่อยมี เป็นเพียงข้ออ้าง ที่สำคัญ คือ หากวัยรุ่นมีข้อมูลสถานบริการแล้ว และหากประเมินได้ว่าตนเองเสี่ยง หรือปรากฏอาการของโรค วัยรุ่นจะนึกถึงสถานบริการ และพยายามหาข้อมูลเอง เจ้าหน้าที่ไม่ต้องห่วง ประชาสัมพันธ์ดีๆ ก็พอ
3. ไม่มีคนแนะนำข้อมูลบริการในชีวิตประจำวัน
- พ่อแม่ก็ไม่เคยคุยด้วย แถมไม่กล้าพูดถึงอีกต่างหาก กลัวลูกตัวเองจะได้-เสีย(ทั้งชายและหญิงน่ะแหละ) มองว่าเป็นเรื่องไม่ดี นี่แกจะแก่แดดไปไหน อีลูกเวร!
- ถามครู กูไม่สน ... ไม่สนิท นี่เลยต้องถามปื๊ด พอไปถามปื๊ด มันรู้ทุกเรื่อง ถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ปื๊ดเก่ง ปื๊ดรู้หมด ปื๊ดมีข้อมูล จากนั้นปื๊ดก็พาออกทะเล
ทางออก
Ø
ระบบสุขภาพ 4 ด้าน 1.รักษา 2.ฟื้นฟู 3.ส่งเสริม
4.ป้องกัน สามารถพัฒนาแกนนำโดยใช้งบจากระบบปกติได้ โดยพัฒนาให้เกิดเยาวชนแกนนำ และเวลาที่ต้องมาทำกิจกรรมร่วมกับ รพ. ก็เป็นการพัฒนาระบบการป้องกัน ที่เน้นการสร้างการมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมาย
Øพัฒนาระบบแกนนำที่มีความรู้ ความสามารถเรื่องการป้องกันเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และสามารถถ่ายทอดต่อได้ โดยแกนนำมี ความรู้ ความตระหนัก ทักษะการปฏิเสธต่อรอง สามารถประเมินความเสี่ยง เข้าถึงถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่น มีข้อมูลบริการด้านเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ / เป็นอับดุล ถามได้ตอบได้
4. วัยรุ่นรู้สึกกลัว และกังวล เรื่องข้อมูลความเป็นส่วนตัว และการรักษาความลับ จึงไม่ไปรับบริการที่มีอยู่
- กลัวว่าจะรู้จักพ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหาย อายจัง
- พอไปดูที่คลินิก โอยจะเป็นลม ห้องขอคำปรึกษาก็ไม่มี จะคุยทีแทบแทรกแผ่นดินหนี
- ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย พูดอะไรทีได้ยินหมดตึก ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมเป็นเริมนะ
- ถามเยอะมาก ช่วยบอกหน่อยได้ไหม ว่าข้อมูลเอาไปทำอะไร มีใครรู้บ้าง
ทางออก
Ø ประชาสัมพันธ์เน้นเรื่องความเป็นมิตร (ข้อ 5) และการรักษาความลับ
Ø จัดห้องที่เป็นส่วนตัว มิดชิด บรรยากาศเป็นกันเอง สีสันสดใส อาจมีภาพการ์ตูน แทนภาพ จู๋เน่า จิ๋มเน่า (ข้อ 5)
Ø เจ้าหน้าที่ควรให้ข้อมูลอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่นำทัศนคติส่วนตัวมาสอดแทรก ระหว่างการให้คำปรึกษา (ทุกคนรู้หลักการหมดแล้ว ก็แค่ลดความเป็นผู้ใหญ่ลงซักนิด อย่าตัดสินเค้า และสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นให้ได้)
5.สถานบริการ/การบริการสุขภาพที่มีอยู่ ไม่เป็นมิตรกับวัยรุ่น
- บางที่ มีห้องให้คำปรึกษา แต่พี่พยาบาลจ๋า ถามซะพรุน หนูอาย ถามหนูได้ แต่อย่าทำให้หนูรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดมหันต์ได้ไหมคะ ตัวอย่าง “เด็กสาวถูกตรวจภายใน โดยเจ้าหน้าที่(ศูนย์แห่งหนึ่ง) ตรวจเสร็จ เจ้าหน้าที่พูดโพล่ง ด้วยเสียงที่พอจะได้ยินไปไกลนับสิบเมตร ว่า “หนูมีแบคทีเรียในช่องคลอดนะคะ” แล้วก็จ่ายยา หนูถามพยาบาล ว่า “จะหายมั้ย” พยาบาลบอกว่า “โอ๊ย โรคแบบนี้ไม่หายหรอกค่ะ ต้องหมั่นตรวจ/ดูแลสุขภาพเรื่อยๆ”
- ประเด็นนี้ไม่ได้อยู่ที่การตรวจ หรือการให้ข้อมูลบริการสุขภาพ แต่อยู่ที่ “พูดเสียงดังให้คนอื่นได้ยินทำไม ฉันไม่ได้อยากให้คนอื่นๆ ที่อยู่ที่นั่นรู้ว่าฉันเป็นโรคอะไร และฉันก็ไม่ได้อยากรู้ว่าใครเป็นโรคอะไรด้วย” คนอื่นเป็นโรคอะไรได้ยินหมด เช่น “เอายาเหน็บไปเหน็บสิ คุณมีเชื้อรานะ” เป็นต้น
กรณีที่ 2
- น้องผู้หญิงคนหนึ่งได้ไปตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พี่พยาบาลพูดว่า “ถ้าน้องมีแฟนหลายคนก็ต้องใช้ถุงยางนะคะ” ผู้ฟังรู้สึก และคิดในใจว่า “ทำไมพูดแบบนี้วะ กูไม่ได้มีแฟนหลายคนซะหน่อย” โดยที่ก่อนพยาบาล ผู้นั้นจะพูดประโยคดังกล่าว ไม่ได้ถามเรื่องการมีแฟน หรือพฤติกรรมการเพศสัมพันธ์ของน้องคนนั้นเลย
- ผล คือ น้องคนนั้นมีทัศนคติทางลบต่อการตรวจรักษา และไม่อยากรับบริการอีก
- ประเด็นนี้ คือ อย่าคิดเอาเอง อย่าเหมารวมจากความเชื่อค่านิยมส่วนตัว ว่าใครเป็นอย่างไร ให้สอบถามรับฟังอย่างไม่ตัดสิน แล้วจึงวิเคราะห์ หรือให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้มารับบริการ
ข้อจำกัดอื่นๆ
- สภาพของสถานที่ให้บริการ เช่น บางรัก อาคารเหมือนมิติลี้ลับ บรรยากาศอึมครึม
- บุคลิกของผู้ให้บริการบางแห่ง ที่ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาโหวกเหวกโวยวาย ไม่สุภาพ
- สัดส่วนของห้อง หรือสถานที่ให้บริการ ที่ไม่มิดชิด ไม่เป็นส่วนตัว
ทางออก
Ø ควรปรับปรุงสภาพแวดล้อม สถานบริการ ให้มีบรรยากาศที่ดี เช่น มีสื่อสดใส สีสันสดใสไม่อึมครึม ไม่น่ากลัว มีแสงสว่างเพียงพอ
Ø เจ้าหน้าที่บุคลิกยิ้มแย้มแจ่มใส สุภาพ เป็นกันเอง ไม่ใช้สีหน้าแววตาที่ชิงชังรังเกียจผู้มารับบริการ (หมั่นเช็ครอยยิ้ม เช็คอารมณ์กันอย่างสม่ำเสมอ)
Ø ควรแนะนำการป้องกันตนเองจากโรคติดต่อ ด้วยการพูดคุยถึงวิถีชีวิตทางเพศอย่างเข้าใจไม่ตัดสิน และให้ข้อมูลรอบด้าน วัยรุ่นคิดเองเป็น
6. วัยรุ่นอายที่จะเข้าไปใช้บริการ
- ถ้าปรับตามข้อ 1 -5 แล้ว ข้อนี้ ต้องพยายาม ทำให้กลไก ข้อ 3 มีประสิทธิภาพ คือ พัฒนาระบบแกนนำที่มีความรู้ ความสามารถเรื่องการป้องกันเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และสามารถถ่ายทอดต่อได้ โดยแกนนำมี ความรู้ ความตระหนัก ทักษะการปฏิเสธต่อรอง สามารถประเมินความเสี่ยง เข้าถึงถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่น มีข้อมูลบริการด้านเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ / เป็นอับดุล
- แกนนำ/เจ้าหน้าที่ ต้องทำกิจกรรมเชิงรุก ให้ข้อมูลกับวัยรุ่น คุยแบบเพื่อน กระตุ้นให้อยากมารับบริการ พร้อมกับต้องปรับ หรือ แก้ปัญหาเรื่องทัศนคติเรื่องโรคติดต่อฯ ต้องทำให้เห็นว่าการมาตรวจ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องละอายต่อบาป หรือน่าอายแต่อย่างใด
- แกนนำ/เจ้าหน้าที่อาจต้องเพิ่มบทบาทช่วยแนะนำ ช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา แก่กลุ่มที่เคยมารับบริการแล้วด้วย
7. วัยรุ่นไม่มีความรู้เรื่องโรคติดต่อ-เอดส์ ฯลฯ และไม่ตระหนัก ไม่ได้สนใจถึงความสำคัญของการไปตรวจ
เน้นตาม ข้อ 1 ข้อ 3 และ ข้อ 6
“ดังนั้น การสร้างบริการที่เป็นมิตรสำหรับเยาวชน พวกเราจึงควรส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับเราให้มากที่สุด
เพื่อประโยชน์สูงสุดที่ทุกฝ่ายจะได้รับ”
ในส่วนนี้ผมก็นำเสนอไปเพียงบางส่วน และยังมีๆ นพ.มงคล (สคร.12) นพ.สุชาติ จาก บ้านร่มเย็น รพ.มส และพี่ๆจาก สคร.นครสวรรค์ มาให้ข้อมูลด้วย
ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ทั้งสิ้น
แต่เรื่องที่คิดว่าประสบความสำเร็จที่สุดของวันนั้น ก็คือการแลกเปลี่ยนบนโต๊ะอาหาร
จนนำไปสู่การเชื่อมประสานระหว่าง รพ.บางรัก และคณะพยาบาล จุฬาฯ ที่ อ.จ๋า (ผศ.ดร.รัตน์ศิริ ทาโต) จะได้ให้นักศึกษาที่เรียนกับท่าน
เข้าไปร่วมเป็นแกนนำกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการในคลินิกวัยรุ่นบางรัก
ก็เป็นเรื่องที่ ถ้า อ.จ๋า ทำออกมา จะสามารถเป็นแนวทางไปปรับใช้ได้ในพื้นที่อื่น ในอนาคต คงไปช่วย อ.จ๋า วางแผนต่อไป
ก็รอดูกันต่อ ผมรู้สึกว่าผมบันทึกงงๆ นิดหน่อย นะเนี่ย
เอาละ บ่ายสองครึ่ง ทำงานต่อแล้วนะ