14มิ.ย.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ว่า สำนักงานคณะกรรมการสวัสดิการ และสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้รายงานความคืบหน้าในการทำงานในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครู ที่ดำเนินการมาแล้วและกำลังดำเนินการในปี 2553 ว่าสกสค.ได้ทำอะไรไปบ้าง เช่น แก้ไขปัญหาภาระทางการเงินของครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน การจัดโครงการสร้างวินัยทางการเงิน สนับสนุนการทำบัญชีรายรับรายจ่าย การจัดคลินิกทางการเงิน เพื่อให้คำปรึกษาแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเปิดจุดบริการ 18 จุด นอกจากนี้ ยังได้จัดทำการสำรวจผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ของครูในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 4 แสนราย รวมถึงการติดตามหนี้ค้างชำระ จำนวน 198 ล้านบาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในการครั้งนี้ ได้มอบนโยบาย 3 ประเด็นให้ สกสค.เป็นแนวทางในการนำไปดำเนินงาน คือ 1. ให้สกสค.ดำเนินงานทุกอย่างตามกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของเพื่อนครู 2.ให้สกสค.ไปติดตามการบริหารงานขององค์การค้า สกสค. โดยให้ไปดูว่าจะทำอย่างไรที่จะยกฐานะขององค์การค้า สกสค. ให้สามารถดำเนินงานเพื่อสนองตอบต่อนโยบายของ ศธ.ทั้งเรื่องการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 และสามารถดูแลการผลิตสื่อทางการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ และ 3. โครงการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งเน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาหนี้สินครูจะต้องมองภาพรวมทั้งระบบและต้องเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน โดยให้ยึดตามหลักการของศูนย์พัฒนาชีวิตครูตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักและให้สกสค.ดูแลหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำซึ่งอย่างน้อยต้องเป็นดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าโครงการอื่นที่เคยมีมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สกสค.ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการเงินกู้สมาชิกกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.) 6 ที่ปล่อยกู้เพิ่มเป็น 1,200,000 บาท จากเดิมรายละ600,000 บาท พร้อมกำหนดให้ทำประกันเพื่อประกันหนี้สินคาดว่าจะเริ่มในเดือนสิงหาคมหรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ สกสค.เพียงแต่รายงานการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาชีวิตครูที่ได้ดำเนินการในปี 2553 เท่านั้น
“หากจะดำเนินการจริงจะต้องเป็นไปตามแนวทางแก้ปัญหาที่ผมได้ย้ำไปแล้วคือจะต้องเป็นการแก้ปัญหาที่ภาพรวมทั้งระบบ มีแนวทางพัฒนาชีวิตครูที่ชัดเจน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน และขอให้ประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และหากยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามนี้ก็คงต้องหาแนวทางอื่นที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับโครงการ ช.พ.ค.รุ่นที่ 6 นั้นยังเป็นแนวความคิดที่ยังไม่ตกผลึก เพราะแนวทางสำคัญคือลดภาระหนี้สินให้แก่ครู มีดอกเบี้ยที่ต่ำและหาแนวทางเสริมแก้ไขปัญหาให้ครูอย่างแท้จริง และหากจะทำโครงการ ช.พ.ค.รุ่นต่อไปก็ต้องตอบคำถามได้ว่าเป็นการทำเพื่อเพิ่มปัญหาหรือลดภาระหนี้สินครู ซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่า สกสค.จะทำโครงการต่อหรือไม่ขอให้อยู่บนหลักเหตุผล 3 ประการที่ให้ไว้”นายชินวรณ์ กล่าว
ไม่มีความเห็น