ไวรัสแห่งความเหงา...


หลังจากที่ได้มีโอกาสติดตามบันทึกเรื่อง "ความเหงา" ของท่านอาจารย์ประพนธ์ ผาสุขยืดใน Facebook แล้ว ก็ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นเรื่องดังกล่าวกับท่านอาจารย์หลายประเด็นด้วยกัน ในบันทึกนี้ จึงขอโอกาสนำถ้อยความแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้นมาต่อยอดใน Gotoknow แห่งนี้ต่อไป


จากจุดเริ่มต้นเพียงแค่พบเจอคำว่า "ความเหงา" ผมก็ได้มีความรู้สึกและเขียนตอบท่านไปดังนี้

 

ความเหงาเป็นปราการหรือด่านสำคัญที่จิตใจของคนเรานั้นจะเข้าถึง "ความสงบ..."

หากแม้นคนเราต่อสู้กับศัตรูตัวสำคัญที่คนในสังคมสมมติเรียกว่า "ความเหงา" ได้นั้น ชีวิตจะพบกับความสุขที่แท้จริง


จากนั้นท่านอาจารย์ Prapon Phasukyud  ได้เมตตาให้คำอธิบายเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมว่า...


Aloneness vs. Loneliness . . จึงเป็นสองคำที่สำคัญ ที่ต้อง "ตี (ความ) ให้แตก" . . ผมว่าไม่มีวิธีไหนดีไปกว่า เอา "ตัวเอง" เป็นห้อง Lab ทดลองสองคำนี้

 

 จากนั้นไม่นานนัก ผมก็ได้มีโอกาสเรียนตอบท่านไปว่า...

 

การต่อสู้กับความเหงาเป็นสิ่งที่สนุก "เหงามากธรรมะเกิดมาก..."

ความสลัดทิ้งซึ่งญาติ มิตร หมู่ คณะ หรือแม้กระทั่งคนที่รักนั้นมันช่างเหงาจับจิต จับใจ

หลากหลายครั้งที่ต้องนั่ง "น้ำตาตกใน" แล้วคิดพิจารณาในใจว่า เอ๋...เรามานั่งบ้าอะไรอยู่ที่นี่ ชั่วขณะนั้นเองจึงได้คำตอบจากความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นว่า

คนที่อยู่คนเดียวแล้ว "ไม่มีศีล" สภาวะอารมณ์นั้นเรียกว่า "ความเหงา"
แต่บุคคลผู้ใดที่ทำความวิเวกแล้วซึ่งกายและใจ สภาวะจิตใจของบุคคลผู้นั้นไซร้คือ "ความสงบ..."

หลังจากที่เมื่อวานพยายามเข้ามาใน Gotoknow หลายครั้งแต่ไม่สามารถเข้าได้ จนมาถึงวันนี้จึงได้มีโอกาสต่อยอดจากการแลกเปลียนเรียนรู้นั้น ดังนี้..

 

ความเหงาเปรียบเสมือนหมอกควันที่เจือปนไปด้วยพิษแห่ง “ความอ้างว้าง”
ก่อนที่ใครสักคนจะเข้าไปสู่ป่าลึกที่อุดมไปด้วยแก้วมณีอันสว่างไสวอันเป็นที่พึ่งภายในจิตใจนั้นคือ “ความสงบ” นั้น บุคคลทุกคนจะต้องผ่านหมอกควันพิษแห่งความเหงานั้นไปให้ได้

ถ้าหากใครสู้ไม่ไหว ใจไม่แข็งพอก็จะถอยกลับออกมา มิกล้าสู้ที่จะผ่านเข้าไป
และมิหนำซ้ำหมอกควันที่เต็มไปด้วยพิษแห่งความอ้างว้างนั้นจะ “กล่อม” จิตใจของเราให้หันไปแสวงหาความเริงร่าด้วยกิเลส ตัณหา และกามราคะ

แต่ถ้าหากบุคคลใดอดทน ปิดกาย ปิดวาจา ปิดใจแล้วสู้ทนตอสู้กับหมอกควันแห่งความหวังนั้นโดยมี “พระรัตนตรัย” เป็นที่พึ่งแล้ว บุคคลนั้นย่อมจะเข้าสู่ป่าอันมีความสงบที่เป็นทิพย์

บุคคลหลายคนพ่ายแพ้ต่อความเหงา ซึมเซาและความอ้างว้างนั้น จึงหันหน้าเข้า พึ่งพา กิจกรรมที่ฉาบทาด้วยความสนุกจากสังคม
หนัง ละคร การขับฟ้อน ดนตรี แสง สี เสียง เปรียบเสมือนอาหารของเชื้อที่มีชื่อว่า “ไวรัสแห่งความเหงา”
หากเชื้อโรคบางตัวต้องกินน้ำตาลในร่างกายเพื่อเติบโต ไวรัสแห่งความเหงานี้ก็มีหน้าที่เกาะกิน สูบเลือด สูบเนื้อเรา โดยให้ไปแสวงหาความสนุกสนานจากสังคม

หากเราหยุดให้อาหารกิเลสแล้วเนรศเทศเชื้อโรคแห่งความเหงานี้ออกไปจากชีวิตเสียได้ ร่างกายของผมก็จะสร้างภูมิต้านทานไวรัสแห่งความเหงานั้น

ศีลนี้เองจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ต้านอนุมูลอิสระที่จะเข้าไปขวางกั้นทางแห่งความสงบ
ถึงแม้นว่าในหมอกควันเราจะไม่เห็นทางข้างหน้าที่จะเดินไป ขอเพียงเรามี “ศรัทธา” ที่ตั้งมั่นใจพระรัตนตรัยทก ๆ คนที่ได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์ก็สามารถก้าวล่วงผ่านเข้าไปถึงความสงบในจิตใจเป็นนิรันดร์...

 

หมายเลขบันทึก: 366359เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2010 12:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

              ครั้นถึงยามราตรีที่เงียบสงบ   

              ฉันได้พบความสุขใจไม่เคยเหงา

              ค่ำคืนดึกดื่นเพ่งเพียรที่ตัวเรา

              ตัดความเศร้าทั้งปวงที่มีมา

              ทุกชีวีเกิดมาเดี่ยวอย่าเปลี่ยวใจ

              ไม่ว่าใครต่างต้องปลงลงโลงผี

               ประดาสิ่งทั้งหลายที่มากมี

               ทั่วปฐพีทิ้งไว้ให้ใครครอง

 1641 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท