การตามรู้คำบริกรรมและแผ่เมตตาให้ตนเองจำเป็นที่ผู้ปฎิบัติต้องสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจตนเองด้วยว่า"เฉยๆ"หรือ"เป็นสุข" หากเป็นสุขคือ"ก้าวหน้าในการปฎิบัติ" เฉยๆคือต้องฝึกต่อไปอีกจนกว่าจะ"เป็นสุข" บทฝึกที่2คือเริ่มต้นโดยการให้"นึกถึงคนที่เราเคารพเลื่อมใสศรัทธา"ให้ได้1หรือ2คนจากนั้นให้แผ่เมตตาให้กับท่านทีละคนในเวลาคนละ1ชั่วโมงโดยใช้คำบริกรรมว่า"ขอให้...จงมีความสุขกายมีความสุขใจมีอายุยืน" ครูแมวได้เลือกบุคคลที่ตนเคารพศรัทธาเลื่อมใสท่านแรกคือ พระอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อวัดท่ามะโอ ท่านที่2คือคุณพ่อวศิน อินทรสระ จากประสบการณ์การปฎิบัติพบว่าขณะที่นั่งแผ่เมตตาถึงท่าน"จิตมีความสงบสุขต่อเนื่องอย่างยาวนาน" ไม่มีฟุ้งซ่านหรือเบื่อหน่ายเลย และมีความเย็นกายเย็นใจเป็นอย่างมาก อาจารย์พรพิมลให้ฝึกขั้นต่อไปอีกคือให้เพิ่มบุคลที่ตนเคารพ ศรัทธาเพิ่มอีก2คนเป็น4คน ดังนั้นในวันที่1ของการปฎิบัติภาคบ่ายตั้งแต่บ่าย4โมงเย็นจนถึง1ทุ่มเป็นเวลา4ชั่วโมงคือการแผ่เมตตาให้บุคคลที่เคารพ ก็ได้เรียนรู้ว่าจิตที่มีอารมณ์เดียวคือ"ความรัก ความปราถนาดีจากใจจริงโดยเราเป็นผู้ต้องการให้เกิดขึ้นกับบุคคลที่เราเคารพเป็นพลังที่ส่งผลให้เรารับรู้ได้ในขณะที่ปฎิบัติคือ"ความสุขความสงบที่ต่อเนื่องยาวนานทำให้ใจเราเกิดความสุขเย็นอิ่มใจเย็นกายที่สามารถรับรู้ได้ด้วยตนเอง"อย่างชัดเจน ในเวลา1ทุ่มถึง3ทุ่มเป็นการฟังธรรมปฎิบัติจากท่านพระอาจารย์คันธสาราภิวงค์พระวิปัสนาจารย์แห่งวัดท่ามะโอและเข้านอนในเวลา3ทุ่มครึ่งหลังจากที่ได้แผ่ส่วนบุญกุศลให้แก่เหล่าสัตว์
สวัสดีค่ะ
มาอ่านค่ะ ..ผู้ปฎิบัติต้องสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจตนเองด้วย.. ขอบคุณค่ะ อนุโมทนาบุญ สาธุ ด้วยนะคะ มีความสุขมากๆ ค่ะ
ขอขอบคุณ ภาพ Heart to Heart จาก Internet
สวัสดีครับคุณครู
มาทักทาย คาวระในเมตตาที่คุณครูมีแก่ทุกคนครับ
และศรัทธาในความกตัญญูกตเวทีที่คุณครูมีแก่บุคคลที่คุณครูเคารพ นับถือครับ