“ไม่มีเงินไปหาหมอ”


“เมื่อเจ็บป่วยอย่างนี้ อย่าว่าแต่เงินที่จะใช้ในการเดินทางไปหาหมอที่มอ.เลย ข้าวเย็นมื้อนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหาจากไหนมากิน”

            เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส ช่วยสร้างบรรยากาศที่รื่นรมย์ในการทำงานได้เป็นอย่างดี

.....ณ ศูนย์องค์รวม สถานที่ซึ่งเปิดไว้สำหรับบริการตรวจรักษาโรคให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังโดยเฉพาะ เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเหมือนเช่นทุกวัน จนกระทั่งเมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาสทักทายกับคนไข้ท่านหนึ่ง ขณะที่เดินออกจากห้องตรวจ สีหน้าของคนไข้รายนี้ ไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ได้เข้ามารักษาตัวที่คลินิกพิเศษมาระยะหนึ่งแล้ว วันนี้ตรวจพบว่าอาการทรุดลง แพทย์จึงทำหนังสือ        เพื่อส่งตัวคนไข้ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์

.....หลังจากรับยาเสร็จแล้ว คนไข้ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า นอกจากความทุกข์ทรมานทางกายที่เกิดจากโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว ความด้อยโอกาสทางการศึกษา ทำให้ไม่สามารถทำความเข้าใจ   ในสิ่งที่แพทย์พยายามอธิบายให้ฟัง การที่ต้องดำเนินชีวิตอยู่กับภาวะเครียด ความวิตกกังวล ที่ค่อยๆกัดกร่อนทำลายกำลังใจ และความหวังในการรักษาโรค ให้เหือดหายไปในทุกนาที จากที่เคยมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำครอบครัว หาเลี้ยงชีพด้วยการออกเรือหาปลา มีรายได้พออยู่พอกินไปวันๆ จนถึงวันนี้เมื่ออาการทรุดลง แทบไม่มีเรี่ยวแรงออกไปทำงาน แล้วอีก 3 ชีวิต ที่เหลือจะอยู่กันอย่างไร

           “เมื่อเจ็บป่วยอย่างนี้ อย่าว่าแต่เงินที่จะใช้ในการเดินทางไปหาหมอที่มอ.เลย ข้าวเย็นมื้อนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหาจากไหนมากิน”    

            นี่เป็นคำพูดที่สะท้อนให้เห็นถึงความคับแค้นใจ ยิ่งได้มองไปที่ใบหน้าซีดเผือดของผู้พูดแล้ว แทบไม่มีประกายแห่งความหวังฉายออกมาจากดวงตาที่แห้งผากคนไข้รายนี้เลย รู้สึกหดหู่ใจแต่ก็พยายามปลอบใจคนไข้ว่า อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ถ้าหากได้พบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว สิ่งที่กังวลอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ ขอให้  ทำใจเย็นๆ และนั่งรอสักพัก

.......เวลาผ่านไปประมาณ ครึ่งชั่วโมง ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล จึงสามารถรวบรวมเงินมาได้จำนวนหนึ่ง ได้ให้ไว้กับคนไข้ เพื่อใช้เป็นค่าอาหารและสำหรับเดินทางไปพบแพทย์

.....รู้สึกดีที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือคนที่ลำบากจริงๆ และรู้สึกสะท้อนใจที่ได้เห็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติร่วงพรูออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของคนไข้ ....เงินเล็กๆน้อยๆที่หลายๆคนไม่เคยใส่ใจ ใช้จ่ายทิ้งๆขว้างๆ ราวกับเป็นเศษเงินที่ไร้ค่า กลับมีค่า...มีความหมายอย่างเหลือคณานับกับชีวิตของคนๆหนึ่ง

....รู้สึกโชคดีเหลือเกิน ที่ได้มาทำงานในสาขาอาชีพนี้ ...อาชีพที่หลายๆ คน มองว่าน่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจ .....แต่เป็นอาชีพที่เรารู้สึกภาคภูมิใจ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอย่างเป็นสุขของผู้ที่มารับบริการ….

 

                                                          ภก.นราธร  พินิจสถิร

                                                    ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลละง

หมายเลขบันทึก: 364789เขียนเมื่อ 7 มิถุนายน 2010 21:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อ่านเรื่องที่คุณบแล้ว ทำให้นึกถึงสมัยที่ดิฉันยังเด็ก ขอให้รางวัลกับคุณที่ทำความดี คุณค่าของชีวิตต่อมนุษยชาติ

ชีวิตจริง ยิ่งกว่าละคร ตวงมีน้ำใจที่ดีมากเลยนะ ขอชมจากใจจริง

ความสุขคือการให้...ยิ่งเราให้ไปเท่าไหร่ความอิ่มใจที่ได้รับคืนกลับมาอีกหลายเท่าตัว..

มาให้กำลังใจน้องชายคนเก่ง..

ทุกข์ หรือ สุข คือ การเรียนรู้..

ว้าววว!!! นอกจากตัวสูง แล้วจิตใจยังสูงด้วยความดีอีกด้วย....นับถือ-นับถือ

ทำดีต่อไปนะจ๊ะ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท