หากคุณรู้สึกว่างานที่ทำอยู่นั้น กำลังก่อให้เกิด ความเครียด ให้กับตัวคุณแล้วหล่ะก็… คุณจะทำอย่างไร?


หลายคนคงจะเกิดความเครียดในที่ทำงาน ดิฉันได้พบกับบทความที่คลายความเคลียดมาฝากกันอีกครั้ง ซึ่งความเครียดนี้เป็นปัญหากับสิ่งสังคมในปัจจุบันอย่างมาก

เราลองมาดู 5 วิธีแก้โรคเครียดในที่ทำงาน กันนะคะ

อันดับแรกนั้นคุณต้องทราบถึงสาเหตุของความเครียด ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เช่น งานมากเกินกำลัง งานเร่งจนทำไม่ไหว งานยากเกินความสามารถ งานที่ทำไม่เป็นเวลา งานที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ จนคุณไม่มีเวลาพักผ่อน ที่ทำงานอยู่ไกล รถติด อากาศร้อน และที่สำคัญคุณกำลังเบื่อ และมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน..??

ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นต้นเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเราลดน้อยลง นั่นเป็นเพราะคุณไม่ได้มีเพียงปัญหาเดียวที่ทำให้เกิดความเครียด แต่ปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นจากการสะสมภายในจิตใจของคนทำงานแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันไป ซึ่งเราก็มี 5 วิธีแก้โรคเครียดในที่ทำงาน เพื่อลดการสะสมความเครียด ที่คุณสามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม

วิธีที่ 1 ละทิ้งภาระออกไปบ้าง บางทีอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น คุณควรเริ่มต้นจากการไตร่ตรองปัญหาต่าง ๆ อย่างละเอียด แล้วคุณจะพบว่า เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่เด็กฝึกงานก็มีความสามารถไม่น้อยไปกว่าคุณ คุณอาจแบ่งงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแผนกให้ช่วยกันทำเพื่อความสำเร็จของชิ้นงานนั้น ๆ
แต่ถ้าคุณอยู่ในฐานะลูกน้องก็ไม่ใช่ปัญหา หากคุณจะพูดคุยกับหัวหน้า เพื่อร่วมกันหาทางลดความเครียดภายในสำนักงาน เป็นการลดปัญหาด้านสุขภาพจิตในอนาคต

วิธีที่ 2 เลือกกิจกรรมใหม่ สร้างการเปลี่ยนแปลง วิธีการนี้ต้องการแนะนำให้คุณรู้จักผ่อนคลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น แต่หากคุณไม่สามารถทำได้ และจำเป็นต้องเผชิญหน้าอยู่ในที่ทำงานด้วยแล้ว เรามีทางออกให้คุณ คือ คุณอาจจะปิดประตูห้องขณะทำงาน และเลือกรับโทรศัพท์เฉพาะสายที่สำคัญจริง ๆ

จากนั้น ให้คุณใช้เวลาสัก 2-3 นาทีในการนึกถึงคนที่คุณรัก หรือเพื่อนสนิทสักคน เพื่อที่คุณจะใช้เวลาคุยกับเขาถึงกิจกรรมในวันหยุด ซึ่งจะช่วยคลายความเครียดของคุณได้
หรือการมองหากิจกรรมยามว่าง เช่น การนั่งสมาธิ การฝึกโยคะในที่ทำงาน หรือแม้แต่หางานอดิเรกที่คุณชื่นชอบก็ได้ เพราะการสร้างความรู้สึกที่สนุกกับกิจกรรมที่ทำ ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขจึงทำให้คุณคลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นได้


วิธีที่ 3 สำรวจปัญหาจัดระดับความสำคัญ วิธีนี้แนะนำให้คุณทำในขณะที่คุณรู้สึกว่าคุณกำลังผ่อนคลายมากที่สุด เช่น หลังจากการนั่งสมาธิ หรือภายหลังจากการอาบน้ำ แล้วให้คุณเริ่มจัดลำดับความสำคัญของงานให้อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของคุณ วิธีการนี้จะทำให้คุณมีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น อาทิ การหลีกเลี่ยงการนัดประชุมช่วงเวลาพัก ช่วงเวลาเย็น หรือแม้แต่ช่วงในวันหยุดของคุณ

นอกจากนี้ หากคุณกำหนดขอบเขตงานได้ จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนชีวิต และระบบการเงิน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายของคุณ โดยที่คุณอาจมีเงินเหลือใช้มากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้นทำงานพิเศษ หรือหากต้องทำก็ทำน้อยลงได้

วิธีที่ 4 ดับร้อนในที่ทำงาน..ด้วยสติ และสิ่งแวดล้อมใหม่ มีปัจจัยหลายสาเหตุที่เข้ามากระทบความรู้สึกคุณจนเกิดเป็นอารมณ์ แต่แทนที่จะตอบโต้กลับทันทีด้วยอารมณ์ จนอาจทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต การหลีกเลี่ยงไปชั่วขณะ การเดินหนีไปก่อน หรือรอให้อารมณ์สงบสักพักแล้วจึงมาเผชิญปัญหาใหม่อีกครั้ง

นั่นหมายถึงหากรู้สึกเครียดกับการทำงานมาก ๆ การหาเวลาหยุดพักผ่อน โดยการเดินทางท่องเที่ยว หรืออยู่กับบ้านจัดข้าวของ ปลูกต้นไม้ จะทำให้จิตใจคลายความเครียดลงได้ และมีความพร้อมที่จะกลับมาลุยงานได้อีกครั้ง
แต่ถ้าเป็นความเครียดที่เกิดขึ้นในทันที แต่มิใช่ปัญหาใหญ่ บางครั้งคุณอาจเปลี่ยนแปลงข้าวของที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานให้ดูมีระเบียน มีต้นไม้ต้นเล็ก ๆ สักต้น เพราะบรรยากาศที่ดีจะมีส่วนช่วยลดความเครียดลงได้มาก

วิธีที่ 5 วิธีการสุดท้าย สร้างกำลังใจ..เพิ่มพลังกายในการทำงาน จะเห็นได้ว่า งานบางอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้ ก็จำเป็นต้องอาศัยความอดทน โดยคิดถึงผลประโยชน์ที่เกิดจากงานเป็นหลัก เช่น งานทำให้คุณมีรายได้เพื่อตนเองและครอบครัว สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่มากดดันให้คุณทำงานแต่เป็นการเพิ่มพลังเพื่อประสิทธิภาพของงานที่ทำ

อย่างไรก็ดี คุณอย่ามัวคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว แต่ควรเปิดใจให้กว้าง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หาทางแก้ไขให้ดีขึ้น แต่หากรู้สึกว่าการอดทนนั่นไม่เกิดผลดีแล้ว การมองหางานใหม่ก็ไม่ใช่สิ่งผิดที่คุณจะคิดขึ้นแต่ก็ต้องมั่นใจว่าจะไม่พบปัญหาเดิม ๆ ในที่ทำงานใหม่อีก เพราะการทำงานย่อมมีปัญหาด้วยกันทุกที่อย่าให้การเปลี่ยนแปลงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องเครียดมากขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ คุณควรคิดว่า คนเราไม่สามารถทำอะไรได้ประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่ทุกอย่างนั้นสามารถทำให้ได้ดีด้วยความพยายามของตัวคุณเอง

ที่มา http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=benjapol&topic=2933
หมายเลขบันทึก: 36430เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2006 15:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน 2012 08:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
ขอขอบคุณที่ให้ข้อคิดที่ดีนะคะ จะรีบและลองใช้ทันที
กำลังเกิดความรู้สึกแบบนี้อยู่พอดีเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ จะนำไปปรับใช้ดูค่ะ
  • ตามพี่รัตติยามา
  • แวะมาทักทายครับ
เมื่อไหร่น้องดรีม   จะเลิกใช้วิธี copy and paste ซะที   บทความที่นำมาเล่าต่อน่ะ     ยกมาแต่หัวข้อหรือใจความสำคัญก็พอ    ที่เหลือขยายความหรือยกตัวอย่างประกอบเอง     ยกมาทั้งดุ้นแบบนี้  ใช้วิธี link ให้ไปอ่านเองก็ได้

มีประโยชน์นะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท