ทีมงานของอาจารย์แหวว : สิ่งที่อาจไม่มีเลยหรือมีเป็นกองทัพ ?!!

เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ คุณธนะชาติอีเมลล์มาหามีใจความว่า

“ทาง UNHCR ขอนัดหมายเพื่อขอพบปะพูดคุยกับอาจารย์แหววในเรื่อง stateless people ในฐานะที่อาจารย์แหววและทีมงานเชี่ยวชาญงานด้าน stateless people เข้าใจสภาพปัญหาอย่างเด่นชัดในมิติของสังคมไทยโดยจะเป็นการขอหารือและแลกเปลียนเกี่ยวกับงานด้าน stateless people ที่อาจารย์และทีมงานทำมาและกำลังทำอยู่ และสิ่งที่ UNHCRกำลังทำอยู่เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการประสานงานและสร้างความร่วมมือกันต่อไป รวมถึงประเด็นที่เป็นความห่วงใยและควรจะได้หาทางแก้ปัญหากันต่อไปเนื่องจากที่ผ่านมา UNHCR เน้นไปที่อาณัติหลักขององค์กรคือ ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นอื่นๆ แต่ในระยะต่อไปจะมาเน้นงานเกี่ยวกับ stateless people มากยิ่งขึ้น ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจาก UNเช่นกัน”

อีเมลล์ฉบับนี้สะกิดใจของอาจารย์แหววมากในประเด็นที่พูดถึง “อาจารย์แหววและทีมงาน” เอ...เรามีทีมงานกับเขาด้วยหรือ ?

เลยตอบคุณธนะชาติไปเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ว่า

“คุณธนชาติที่นับถือ 

ขอเวลาสำรวจเวลาว่างหน่อยค่ะ กำลังอ่านอีเมลล์และจดหมายเชิญที่่ค้างๆ สักวันจันทร์จะบอกเวลาที่พอลงตัวนะคะ

แล้วเรื่อง "ทีม" ไม่มีค่ะ มีแต่ลูกศิษย์ที่มาทำวิทยานิพนธ์หรือมาขอให้เป็นที่ปรึกษาการวิจัยหรือการพัฒนาและมีเพื่อนๆ ที่ร่วมงานกันมานานอีกไม่กี่คนและ

ตอนนี้ ค่อยข้างป่่วยค่ะ วันที่ ๑๙ มิถุนายน ก็ต้องเข้า sleep lab และเมื่อผลการตรวจออกมาก็อาจต้องมีการจัดการอะไรอีกต่อไป ความเป็นไปได้ที่จะทำอะไรมากมาย คงยากทีเดียวค่ะปีนี้เป็นปีซ่อมสุขภาพค่ะ

อยากถามรายละเอียดมากขึ้นว่า จะคุยเรื่องอะไรคะ ? ใครจะมาคุยด้วยคะ ? จะได้บอกมวลมิตรที่ทำงานด้วยกันถูกค่ะมีเป้าหมายอะไรเจาะจงไหมคะ ? ควรบอกมานะคะ แนบอีเมลล์เหล่าลูกศิษย์และมวลมิตรที่เทใจทำงานร่วมกันมาด้วย โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่กทม. วันนี้ อ.แหววเป็นเพียง "ทัพหลัง" ของพวกเขาค่ะไม่รังเกียจที่จะพบปะแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็น แล้วจะบอกเวลาไปอีกทีค่ะ”

แล้วคุณธนชาติก็ตอบกลับมาอีกว่า

“เรียน อาจารย์พันธุ์ทิพย์

ขอบพระคุณครับที่ไม่รังเกียจที่จะพบปะพูดคุยกับ UNHCR โดยเจ้าหน้าที่ที่จะไปพบจำนวน 4 คน ได้แก่ คุณ Corinna (เจ้าหน้าที่คุ้มครองอาวุโสระดับภูมิภาค) คุณPatrick คุณ Rikka และผม (เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครอง) โดยผมจะทำหน้าที่ล่ามในคราวเดียวกัน

ประเด็นที่จะคุยกันนั้นตามที่ผมได้แจ้งให้อาจารย์ในอีเมลล์ฉบับที่แล้ว ก็คือเป็นเรื่องทั่วๆ ไป ไม่ได้เจาะจงลงไปในประเด็นใดโดยเฉพาะ วัตถุประสงค์หลัก คือ เข้าไปทำความรู้จักกับอาจารย์ รวมทั้งลูกศิษย์และมวลมิตรที่ทำงานด้านstateless people เพื่อที่ว่าจะได้ประสานงานการทำงานกันต่อไปในอนาคต โดยอาจจะได้พูดถึง บทนิยามและสถิติของ stateless people บทบาทหน้าที่และสิ่งที่UNHCR กำลังทำอยู่และจะได้ทำต่อไปทั้งในประเทศไทยและระหว่างประเทศ

ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาจารย์คงจะไม่ได้ป่วยมาก จะได้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ตามที่วางแผนไว้

ขอบคุณครับ

ธนะชาติ

เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยคุ้มครอง” 

นับจากรับอีเมลล์ฉบับแรกก็กังวลใจเล็กๆ ก็เราป่วยอย่างนี้จะไปทำอะไรไหว ครูในมหาวิทยาลัยไม่มีบริวารอะไรหรอก มีแต่ลูกศิษย์ ซึ่งลูกศิษย์ที่มาทำวิทยานิพนธ์ก็กำลังจะจบไปหมดแล้ว ช่วงนี้ ก็ลดงาน จึงไม่รับใครมาทำงานด้วยอีกแล้ว เลขานุการก็ไม่มี เหมือนดังก่อน แล้วจะไปทำงานเหมือนก่อนได้อย่างไร

มานึกได้ในการตอบอีเมลล์ของคุณธนะชาติว่า พอลูกศิษย์เรียนจบ หลายคนก็ไม่ไปไหน ยังวนเวียนมาชวนอาจารย์แหววทำงานด้วยอยู่ดี ปีนี้ ก็สัญญากับหลายคนว่า จะเป็นทัพหลังให้

เมื่อวาน พวกเขาทำวิทยานิพนธ์หรือวิจัยให้เราตรวจ

แต่วันนี้ พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นมวลมิตร

แถมมีมวลมิตรที่พบเจอในการทำงานอีกหลายท่าน พี่ต้อย พี่แดง ครูหยุย ครูนิด คุณพ่อวิชัย คุณพ่อเป็ด ฯลฯ นึกออกอีกมากมายหลายชื่อ  

อ.แหววเข้าใจแล้วล่ะว่า “ทีมงานของอาจารย์แหวว ก็คือ ลูกศิษย์และมวลมิตร” นั่นเอง พอนึกได้ ก็อิ่มใจมากเลยที่ครูสอนกฎหมายอย่างอาจารย์แหววก็อาจมี “ทีมงาน” เป็นกองทัพได้เหมือนกันนะคะ ในความไม่มีอะไรของครูสอนกฎหมายตัวเล็กๆ ก็อาจมีอะไรมากมาย

ขอบใจลูกศิษย์และมวลมิตร

ขอบใจชาว UNHCR ที่กำลังจะมาเป็นมวลมิตรในอนาคต

เราคงสร้างกองทัพธรรมเพื่อ stateless people  ได้นะคะ

------------------------------------------------------------

http://www.facebook.com/?ref=home#!/note.php?note_id=430110928833&comments