เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม นี้ ได้แวะหาน้าที่เคารพท่านหนึ่ง พอดีท่านได้ร่วมพิมพ์หนังสือ “วิธีสร้างบุญบารมี” พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก องค์ที่ 19 วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อนำไปแจกเป็นธรรมทาน เนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา วันศุกร์ ที่ 28 พฤษภาคม เพื่อให้มีอานิสงส์ดำรงพระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสมณะโคดม ให้สถิตมั่นคง ดำรงยั่งยืนในความเป็นศาสนาประจำชาติไทย และแผ่ขยายไปยังมวลมนุษยชาติ ให้ได้รับความสุข สงบ สว่างใจ ร่มเย็นเป็นสุข ก็ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้าในครั้งนี้ด้วย สาธุ สาธุ สาธุ หากท่านรักษาศีลได้บริสุทธิ์ทั้ง ๕ ข้อ บารมีของท่านก็จะเกิด แต่จะได้ผลดียิ่งๆขึ้นไป หากท่านได้รักษาร่วมกับการภาวนา ก็จะบงเกิดผลสูงสุด
ได้มาหลายสิบเล่ม นำไปมอบให้คุณครูที่โรงเรียน ให้เพื่อน ๆ กัลยาณมิตร ให้คุณตา คุณยาย ในหมู่บ้าน จนมาวันนี้ ได้หยิบขึ้นมาอ่าน ยิ่งซาบซึ้งในธรรมะของพระองค์ท่าน ทำให้ต้องคิดว่าท่านคงได้ธรรมขั้นสูงแล้วแน่ ๆ เลย เพราะธรรมะหากไม่เกิดจากการปฏิบัติจริง จะไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างละเอียดลึกซึ้งขนาดนี้ ยิ่งทราบประวัติของพระองค์ท่านว่า เป็นคนขี้โรค มีโรคประจำตัวมาตั้งแต่ยังเด็ก สุขภาพไม่ค่อยดี การที่จะเป็นผู้ปฏิบัติจริงนั้นต้องใช้ความพยายามสูงกว่าคนปกติแน่นอน เห็นถึงความพยายามของพระองค์ท่าน ทำให้นึกย้อนกลับมาดูเราเองว่า โรคภัย ไข้เจ็บ ก็ไม่มี ร่างกายก็สมบูรณ์ แข็งแรง แต่ทำไมถึงกิเลสหนานักก็ไม่รู้ ตั้งแล้วก็ล้มอยู่เรื่อย ยึดแต่หมอนเป็นสรณะ ต่อไปนี้ต้องยึดพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างในความพยายาม ไม่ให้กิเลสมาหลอกได้
ขอยกบทนิพนธ์บางตอนมาให้อ่านพอเป็นมงคลแก่ชีวิตได้บ้าง
เจตนาบริสุทธิ์ในการทำทานนั้น อยู่ที่การมีจิตโสมนัส ร่าเริง เบิกบาน ยินดีในทานที่ทำนั้นเป็นสำคัญ และเนื่องมาจากเมตตาจิต ที่มุ่งสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นทุกข์ และให้ได้รับความสุขเพราะทานของตน นับว่าเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ในเบื้องต้น
แต่เจตนาที่บริสุทธิ์เพราะเหตุดังกล่าวมาแล้วนี้ จะทำให้ยิ่งๆบริสุทธิ์มากขึ้นไปอีก หากผู้ให้ทานนั้น ได้ทำทานพร้อมกับมีวิปัสสนาปัญญา โดยใคร่ครวญถึงวัตถุทานที่ให้ทานนั้นว่า
“ บรรดาทรัพย์สินสิ่งของทั้งปวง ที่ชาวโลกนิยมยกย่องหวงแหน เป็นสมบัติกันด้วยความโลภนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงแต่วัตถุธาตุ ที่มีอยู่ประจำโลก เป็นสมบัติกลาง ไม่ใช่ของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ”
“วัตถุเหล่านั้น เป็นของที่มีมาตั้งแต่ก่อนเราเกิดขึ้นมา และไม่ว่าเราจะเกิดขึ้นมาหรือไม่ก็ตาม วัตถุธาตุดังกล่าวก็มีอยู่เช่นนั้น และได้ผ่านการเป็นเจ้าของโดยผู้อื่นมาแล้วหลายชั่วคน ซึ่งแต่ละท่านแต่ก่อนนั้นต่างก็ได้ล้มหายตายจากไปแล้วทั้งสิ้น ไม่สามารถจะนำติดตัวไปได้เลย”
“จนในที่สุดก็ได้ตกทอดมาถึงเรา ให้เราได้กินได้ใช้ ยึดถือกันเพียงชั่วคราว แล้วก็ตกทอดสืบเนื่องไปเป็นของคนอื่น ต่อ ๆ ไป เช่นนี้ แม้เราเองก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้ จึงนับว่าเป็นเพียงสมบัติผลัดกันชมเท่านั้น ไม่จากไปในวันนี้ ก็ต้องจากไปในวันหน้า อย่างน้อยเราก็ต้องจากต้องทิ้งเมื่อเราได้ตายลง นับว่าเป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงแท้แน่นอน จึงไม่อาจจะยึดมั่นถือมั่น ว่า เป็นเราเป็นของเรา ได้ถาวรตลอดไป”
“แม้ตัววัตถุธาตุดังกล่าวนี้เอง เมื่อมีเกิดขึ้นเป็นตัวตนแล้ว ก็ตั้งอยู่ในสภาพนั้นให้ตลอดไปไม่ได้ จะต้องเก่าแก่ ผุพัง บุบสลายไป ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนแต่อย่างไร แม้แต่เนื้อตัวร่างกายของเราเอง ก็มีสภาพเช่นเดียวกันกับวัตถุธาตุเหล่านั้น ซึ่งไม่อาจตั้งมั่นยั่งยืนอยู่ได้ เมื่อมีเกิดขึ้นแล้ว ก็จะต้องเจริญวัยเป็นหนุ่มสาว แล้วก็แก่เฒ่าไปในที่สุด”
อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕ คือ
๑. ผู้ที่รักษาศีลข้อ ๑ ด้วยการไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อน้อมมาเกิดเป็น
มนุษย์ ก็จะทำให้มีพลานามัยแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไม่ขี้โรค อายุยืนยาว ไม่มีศัตรูหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ มาเบียดเบียนให้ต้องบาดเจ็บ หรือสิ้นอายุเสียก่อนวัยอันควร
๒. ผู้ที่รักษาศีลข้อ ๒ ด้วยการไม่ถือเอาทรัพย์ของผู้อื่นที่เจ้าของมิได้เต็มใจให้ ด้วยเศษของบุญที่
นำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย การทำมาหาเลี้ยงชีพในภายหน้า มักจะประสบช่องทางที่ดี ทำมาค้าขึ้น และมั่งมีทรัพย์ ทรัพย์สมบัติไม่วิบัติหายนะไปด้วยภัยต่างๆ เช่น อัคคีภัย วาตภัย โจรภัย ฯลฯ
๓. ผู้ที่รักษาศีลข้อ ๓ ด้วยการไม่ล่วงประเวณีในคู่ครอง หรือคนในปกครองของผู้อื่น ด้วยเศษของ
บุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะประสบโชคดีในความรัก มักได้พบรักแท้ที่จริงจังและจริงใจ ไม่ต้องอกหัก อกโรย และอกเดาะ ครั้งเมื่อมีบุตรธิดา ก็ว่านอนสอนง่ายไม่ดื้นด้าน ไม่ถูกผู้อื่นหลอกลวงฉุดคร่าอนาจาร ไปทำให้เสียหาย บุตรธิดาย่อมเป็นอภิชาตบุตร ซึ่งจะนำเกียรติยศชื่อเสียงมาสู่วงศ์ตระกูล
๔. ผู้ที่รักษาศีลข้อ ๔ ด้วยการไม่กล่าวมุสา ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ จะ
ทำให้เป็นผู้ที่มีสุ้มเสียงไพเราะ พูดจามีน้ำมีนวลชวนฟัง มีเหตุมีผล ชนิดที่เป็น “พุทธวาจา” มีโวหารปฏิภาณไหวพริบในการเจรจา จะเจรจาความสิ่งใดก็มีผุ้เชื่อฟังและเชื่อถือ สามารถว่ากล่าวสั่งสอนบุตรธิดาและศิษย์ให้อยู่ในโอวาทได้ดี
๕. ผู้ที่รักษาศีลข้อ ๕ ด้วยการไม่ดื่มสุราเมรัย เครื่องหมักดองของมึนเมา ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีล
ข้อนี้ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้เป็นผู้ที่มีสมอง ประสาท ปัญญา ความคิดแจ่มใส จะศึกษาเล่าเรียนสิ่งใดก็แตกฉานและทรงจำง่าย ไม่หลงลืมฟั่นเฟือนเลอะเลือน ไม่เสียสติ วิกลจริต ไม่เป็นโรคสมอง โรคประสาท ไม่ปัญญาทราม ปัญญาอ่อน หรือปัญญานิ่ม
ไม่มีความเห็น