องค์ประกอบด้านคุณภาพของผู้เรียนในโรงเรียนที่มีชีวิต ตามทรรศนะของผมคือ
เรื่องคุณภาพของผู้เรียนเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ดี การบริหารจัดการที่ดี และการจัดการเรียนรู้ที่ดี มีประสิทธิภาพของโรงเรียน ซึ่งมีตัวบ่งชี้ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ เขียนสื่อความ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ สุนทรียภาพด้านดนตรี ศิลปะและกีฬา พัฒนาการด้านสมรรถภาพทางกาย ตลอดจนการแสดงออกทางหน้าตาท่าทางถึงความสุขในการเรียนของผู้เรียน
คุณภาพของผู้เรียนตามตัวบ่งชี้ดังกล่าว โดยทั่ว ๆ ไป จะมีมาตรฐานคุณภาพในแต่ละด้านเป็นตัวเทียบเคียงอยู่แล้ว แต่โรงเรียนที่มีชีวิตน่าจะมีตัวบ่งชี้และเกณฑ์ในบางด้านที่มีความเป็นชีวิตกว่าโรงเรียนทั่ว ๆ ไป เช่น
1. ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ น่าจะมีเกณฑ์บ่งบอกคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากการร่วมคิด ร่วมคาดหวัง ร่วมวางแผน ระหว่างผู้เรียนกับพ่อแม่ผู้ปกครอง และครู ก่อนเรียนเช่น ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนควรจะได้มีการพูดคุย วางแผนร่วมกันก่อนว่า ที่ผ่านมาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระนี้ของนักเรียนเป็นอย่างไร และครั้งต่อไปนักเรียนคิดว่าจะมุ่งมั่นพัฒนาให้สูงขึ้นได้สักเท่าไร โดยผู้ปกครองและครูจะไม่บีบคั้นนักเรียน แต่จะร่วมวางแผนร่วมเสนอแนะ ให้กำลังใจคอยดูแลช่วยเหลือ แล้วดูผลความก้าวหน้าและช่วยเหลือกันต่อไป
2. ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เช่น ถ้าเป็นคุณลักษณะในเรื่อง “การตรงต่อเวลา” นักเรียนกับครูและผู้ปกครองอาจร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า “อยากให้ตรงต่อเวลาในเรื่องใดบ้าง” คำตอบอาจจะออกมา เช่น
- มาโรงเรียนทันเวลา
- เข้าห้องเรียนทันเวลาตามตารางเรียน
- ทำแบบฝึกหัดหรือส่งงานครูตามกำหนดเวลา
- ส่งหนังสือที่ยืมจากห้องสมุดตามกำหนดเวลา
- เข้าสอบทันเวลาตามตารางสอบ
- เข้าร่วมกิจกรรมตามที่เพื่อนหรือครูนัดไว้
ฯลฯ
แล้วให้นักเรียนสำรวจว่าพฤติกรรมใดที่ตนเองคิดว่ายังบกพร่อง โดยครูกับผู้ปกครองช่วยกันซักถามพูดคุยจน นักเรียนยืนยันและเกิดความกระจ่างในค่านิยมนี้ด้วยตนเอง จากนั้นก็สนับสนุนให้นักเรียนวางแผนการปฏิบัติงาน เรื่อง “การตรงต่อเวลา” ในพฤติกรรมที่ตนเองคิดว่ายังบกพร่องแล้วบันทึกพฤติกรรมตามช่วงเวลาที่กำหนด โดยมีครูและผู้ปกครองคอยเสริมแรง จนกระทั่งนักเรียนสามารถแก้ไขพฤติกรรมที่ยังบกพร่องนั้นได้ เป็นต้น
ส่วนคุณภาพของผู้เรียนด้านอื่น ๆ โรงเรียนอาจกำหนดมาตรฐานอย่างยืดหยุ่น โดยดูจากมาตรฐานกลาง และสภาพพื้นฐานของนักเรียนเป็นรายบุคคล ตามความเป็นจริงอย่างเหมาะสม ให้นักเรียนยอมรับได้เพื่อให้เกิดความพยายามในการพัฒนาตนเองให้บรรลุตามมาตรฐานนั้น
การแสดงข้อมูลคุณภาพของผู้เรียนทุกเรื่อง อาจแสดงให้เห็นเป็นเส้นพัฒนา หรือแสดงมูลค่าเพิ่มให้ปรากฏชัดเจน ถ้าเรื่องใดยังไม่สามารถบรรลุผลได้ก็จะต้องมีข้อมูลนำไปสู่การวิเคราะห์สาเหตุปัญหาเพื่อกำหนดแนวทางแก้ปัญหา/พัฒนาต่อไป
อย่างไรก็ตามผมอยากให้ โรงเรียนที่มีชีวิตได้รำลึกถึง ลายพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 6 เรื่องการศึกษาของชาติ เล่มที่7 ตอนที่ 1 ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ได้แปลเป็นภาษาไทยไว้ ความตอนหนึ่งว่า
"...สำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ข้าไม่ห่วงการปั้นนักเรียนชั้นมัธยมให้เป็นเทวดาเหมือนกันหมดทุกคนได้คะแนนกันคนละหลายพันคะแนนเท่าการสร้างเด็กหนุ่มที่ขยันขันแข็งและสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ เตรียมพร้อมที่จะรับภาระต่างๆซึ่งจะมีมาในอนาคต
ข้าไม่ต้องการนักเรียนตัวอย่างที่สอบไล่ได้คะแนนชั้นเกียรตินิยมทุกๆครั้ง ข้าไม่ต้องการตำราเรียนที่เดินได้ ข้าอยากได้ยุวชนที่เป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์สุจริต มีอุปนิสัยใจคอดี
ข้าจะไม่โศกเศร้าเลย ถ้าเจ้ามารายงานว่า เด็กคนหนึ่งเขียนหนังสือไม่คล่อง คิดเลขซ้อนไม่เป็น และไม่รู้วิชาเรขาคณิตเลย ถ้าข้ารู้ว่าเด็กคนนั้นได้ศึกษาพอที่จะรู้ว่าความเป็นผู้ชายคืออะไร และขี้แยคืออะไร
ข้าไม่อยากได้ยินคนฉลาดบ่นอีกว่า ปัญญาท่วมหัวเอาตัวไม่รอด สิ่งที่ข้าต้องการในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงคือ ให้การศึกษาเป็นเครื่องทำให้เด็กเป็นยุวชนที่น่ารัก และเป็นพลเมืองดี ไม่ใช่ทำลายบุคลิกภาพเสียหมดโดยบรรทุกหลักสูตรและระบบการต่างๆลงไป
ข้าต้องการให้การศึกษาเป็นสิ่งที่งดงามจนทำให้เด็กที่ออกไปแล้วหวนกลับมาคิดถึงในวันข้างหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
ขออย่าเอาโรงเรียนของข้าไปเปรียบกับโรงเรียนอื่น เพราะมีจุดหมายต่างกัน ถ้าข้าอยากจะได้โรงเรียนธรรมดาเพียงหลังหนึ่ง แล้วสร้างเป็นโรงเรียนไปมาจะไม่ดีกว่าหรือ จะสร้างโรงเรียนกินนอนขึ้นมาทำไม..."
ท่านอาจารย์:
ครูกำลังหาข้อมูลเรื่องคุณภาพเยาวชนซึ่งมีฐานข้อมูลด้านสุขภาพ ที่ควรได้รับการดูแล เพื่อให้เป็นพลเมืองที่ดี พร้อมที่จะรับภาระ ต่างๆ ซึ่งจะมีมาในอนาคต
ได้ศึกษาบทความที่ท่านเขียน ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นยิ่งขึ้น หากต่อไปมีความรู้ที่ชัดแจ้งครูก็จะพยายามเขียนมาให้อาจารย์กรุณาชี้แนะ
อัจฉรา แสงสิริโรจน์
อยากให้ติดตามอ่านบทความเรื่อง "ฝันถึงโรงเรียนที่มีชีวิตในบ้านเรา" ที่ผมเขียนตีพิมพ์ในวารสารวิทยาจารย์ 4-5 ฉบับติดต่อกัน ในหลายเดือนมาแล้ว