เสียงจากภญ.กนกพร เมืองชนะค่ะ
มาตรฐานเภสัชกรรมในระบบคุณภาพ HA/เปิดใจเภสัชกรเพื่อเตรียมตัวสู่ HA
หน่วยงานเภสัชกรรมเป็นหน่วยงานหนึ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพเพื่อรองรับการเข้าสู่มาตรฐานในระบบ HA ทั้งในเรื่องความคาดหวังต่อบทบาทของเภสัชกรในการดูแลผู้ป่วย การจัดระบบยาในสถาบัน การติดตามความคลาดเคลื่อนในการใช้ยาและการติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา เป็นต้น ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่ง HA ก็คือ “การทำงานเป็นทีม” ทั้งในกลุ่มเภสัชกรด้วยกันเองรวมทั้งการทำงานเป็นสหสาขาวิชาชีพจากที่เคยรู้จักกับเพื่อนร่วมสถาบันแต่ทางโทรศัพท์เวลาปรึกษาหารือ ก็เป็นการประชุมร่วมกัน จากเดิมที่เคยต่อว่าต่อขาน “ห้องยาจ่ายยาผิดอีกแล้ว ประจำเลย.ไม่เคยเช็คเลยเหรอ..ทำงานกันยังไง” ทำให้เภสัชกรรู้สึกตั้งมั่นว่าต้องทำงานเชิงรุกหา evidence base ที่มิใช่การค้นหาโดยใช้อารมณ์ ความรู้สึกและประสบการณ์เก่าๆในอดีต
การเก็บข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญการทำงานในแต่ละวันปริมาณงานมากมายแต่ไม่มีข้อมูลเพื่อนำเสนอเสมือนทำงานไปวันๆ การนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ทำให้ทราบขนาดของปัญหา ความรุนแรง ค้นหาสาเหตุ นำมาทบทวนและหาแนวทางแก้ไข โดยขอความร่วมมือ ประสานงานไปยังคณะกรรมการหรือคณะทำงานต่างๆที่มีอยู่ รวมทั้งการจัดทำคู่มือต่างๆแก่ผู้ปฏิบัติ งานต่างๆจึงได้มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยน ดังนี้
1.การรายงานและติดตามความปลอดภัยจากการใช้ยา
1.1 พัฒนาระบบการตรวจกรองปัญหาปฏิกิริยาต่อกันของยาโดยประชุมร่วมกับแพทย์ทุกสาขาเพื่อค้นหาคู่ยาที่มีอันตรายต่อตัวผู้ป่วยอาจทำให้เสียชีวิต และนำคู่ยาที่ตกลงเฝ้าระวังเข้าสู่ฐานข้อมูลของสถาบันให้แสดงผลทันทีเมื่อมีการสั่งจ่ายคู่ยาเหล่านี้
1.2 พัฒนาระบบการติดตามรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาโดยจัดตั้งศูนย์เพื่อประสานการรายงานเน้นการมีส่วนร่วมแบบสหวิชาชีพ จัดทำบัตรเตือนการแพ้ยาและเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลเวชระเบียนของสถาบันเพื่อป้องกันการแพ้ยาซ้ำ
2.งานบริการจ่ายยาผู้ป่วยนอก
2.1 การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ปรับปรุงให้มีระบบบอร์ดคิวเพื่อให้ผู้ป่วยรับทราบลำดับก่อนหลัง ลดการสอบถามถึงลำดับคิวซึ่งจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ชะงักงันกว่าจะบอกได้ว่าจะรับยาได้หรือยัง ลดการร้องเรียนเรื่องการแซงคิว รวมทั้งทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นระบบและถูกต้องมากขึ้น ปรับปรุงกระบวนการทำงานในห้องยาเพื่อมุ่งเน้นความสะดวกรวดเร็วลดระยะเวลารอยาของผู้ป่วยและไม่ต้องลุกมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่หลายครั้ง
2.2 การให้บริการให้คำปรึกษาแนะนำการใช้ยา จ่ายยาและส่งมอบยาโดยเภสัชกรตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประกันคุณภาพของงานในทุกช่วงเวลา
2.3 มาตรฐานการเก็บรักษายาในห้องจ่ายยาและคุณภาพยาที่ส่งถึงมือผู้ป่วยโดยมีระบบการจ่ายยาพร้อมซองป้องกันแสงหรือขวดทึบแสงซึ่งเจ้าหน้าที่จะทราบได้จากข้อความที่สติกเกอร์ยาว่า(ชา)ที่ป้อนข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลของระบบยาเพื่อลดความผิดพลาดในการจัดยา
2.4 การส่งมอบยาพร้อมคำแนะนำการเก็บรักษายาระหว่างการเดินทางและที่บ้าน เช่น ยาบางประเภทมีปัญหาเรื่องความคงตัวจึงต้องจัดเตรียมน้ำแข็งหรือกล่องโฟมเพื่อการประกันคุณภาพของยาที่ผู้ป่วยได้รับ
2.5 การจัดการเคมีบำบัด โดยมีการแยกเก็บของทุกหน่วยเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จัดภาชนะ ถุงที่มีข้อความหรือคำเตือน “เคมีบำบัด” ให้ระวังระหว่างมีการนำส่งแพทย์/พยาบาล-มีการใช้spill kitพร้อมแนวทางการปฏิบัติเมื่อมีเคมีบำบัดตกแตก
3. การลดความคลาดเคลื่อนทางยา (medication error)
3.1 ลดความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา (prescribing error) มีการปรับปรุงใบสั่งยาที่มีการสั่งจ่ายบ่อยได้แก่ ยาต้านไวรัสเอดส์ ยาวัณโรคโดยสั่งพิมพ์ให้เป็นรูปแบบและลงรายการยา วิธีใช้แบบสำเร็จรูป ขอความร่วมมือไปยังแพทย์เพื่อเขียนการวินิฉัยโรค (diagnosis) บนใบสั่งยา กำหนดรายการยาที่ต้องระบุขนาดและคำย่อที่ไม่ควรใช้ หรือคำย่อใดที่ใช้ได้เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกัน บทบาทของพยาบาลที่ควรมีการทบทวนใบสั่งยาก่อนยื่นแก่ผู้ป่วย บทบาทเภสัชกรโดยจัดทำระบบ pop up ข้อมูลการแพ้ยาและ drug interaction และมีระบบตรวจสอบกลับโดยทันทีระหว่างแพทย์ เภสัชกรและพยาบาล
3.2 ลดความคลาดเคลื่อนในการจัดและจ่ายยา (predispensing error/dispensing error) โดยมีการจัดทำและเผยแพร่ รายการยาที่มีชื่อคล้ายกันหรือมีลักษณะยาที่คล้ายกัน (look alike, sound alike) โดยมีการติดสติกเกอร์หรือป้ายเตือนที่ห้องยาและจัดทำตัวอย่างเม็ดยาแก่เจ้าหน้าที่ตึกเพื่อการสังเกตและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จัดบอร์ดแจ้งเตือนยาที่จัดผิดบ่อยมีการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจ่ายยาของกลุ่มงานเภสัชกรและมีการสอบวัดประเมินผลเป็นประจำทุก 3 เดือนมีรางวัลและการชมเชยสำหรับผู้ทำคะแนนได้สูงสุดเพื่อเป็นแรงกระตุ้นทางหนึ่งระบบตรวจสอบซ้ำของเภสัชกร 2 คน (double check)ก่อนส่งมอบยาให้ผู้ป่วยพร้อมทั้งมีประกาศประชาสัมพันธ์แนะนำให้ผู้ป่วยตรวจสอบยาที่ได้รับทันทีหลังได้รับมอบยา
3.3 ลดความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกยา (transcribing error) ลดขั้นตอนการคัดลอกชื่อยา โดยยกเลิกใบสั่งยาผู้ป่วยในใช้ Doctor order sheet และแบบบันทึกการเบิกยา(drug profile) เพื่อให้เภสัชกรได้เห็นลายมือแพทย์และลายมือพยาบาลที่มีการคัดลอก มีโครงการนำร่องการใช้โปรแกรมการจ่ายยาผู้ป่วยในเพื่อให้เภสัชกรทำ drug profileและลดการคัดลอก
3.4 ลดความคลาดเคลื่อนในการให้ยา (administration error) แนะนำให้มีระบบการสอบทวนระบุตัวผู้ป่วย ระบบตรวจสอบซ้ำก่อนการให้ยาผู้ป่วย จัดทำคู่มือการบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูง มีระบบเภสัชกรพี่เลี้ยงประจำตึก ทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติงานในเรื่องของการรายงานความคลาดเคลื่อน
4. ระบบการจัดการคลังยา
ร่วมกันจัดทำคู่มือการเก็บรักษายา ปรับปรุงการเก็บรักษายาตู้เย็นตามแนวทางที่กำหนดซึ่งครอบคลุมทั้งหน่วยจ่ายยาและหอผู้ป่วย นอกจากนี้ยังมีการบันทึกอุณหภูมิตู้เย็นทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นเพื่อเป็นการประกันคุณภาพยาสำหรับผู้ป่วย
พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการควบคุมสต๊อก ตรวจสอบยาที่มีการใช้น้อยเพื่อนำมาหมุนเวียนระหว่างหน่วยงานรวมทั้งการแลกเปลี่ยนกับบริษัทยาเพื่อลดการสูญเสียงบประมาณ
การประกันคุณภาพของยาระหว่างขนส่งจากคลังยาจนถึงห้องจ่ายยาโดยการขนส่งในกล่องโฟม มีระบบการเฝ้าระวังยาที่ใกล้หมดอายุโดยใช้สติกเกอร์สีแดงติดไว้ที่ภาชนะบรรจุหากเป็นยาที่จะหมดอายุภายใน 1 ปี จัดระบบการเก็บแบบ first in first out หรือ first expiry first out( FIFO-FEFO) เพื่อเป็นการตรวจสอบการส่งยาที่บางครั้งบริษัทยาอาจจะนำยาใกล้หมดอายุจัดส่งมาให้ก่อน
5.งานเภสัชกรรมการผลิต
จัดทำคู่มือระเบียบการปฏิบัติงาน master document ของยาเตรียมที่ผลิตและการเตรียมยา small dose
จัดทำแฟ้มบัญชีรายชื่อเครื่องมืออุปกรณ์และซ่อมบำรุง
จัดให้มีการบันทึกและตรวจสอบการปรุงยา/เตรียมยาทุกขั้นตอนจัดให้มีการชั่งตวงยาและปรับปริมาตรโดยเภสัชกร มีระบบการบันทึกตรวจสอบในทุกขั้นตอนในworking formular รวมทั้งการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการคำนวณและจัดพิมพ์ working formular และฉลากยา
พัฒนามาตรฐานอุปกรณ์ สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกรวมทั้งมีการประกันคุณภาพยาที่เตรียมโดยสุ่มตัวอย่างส่งตรวจความปราศจากเชื้อ
6.ระบบการเฝ้าระวังยาที่มีความเสี่ยงสูง( High alert drugs)
กำหนดรายการยาและจัดทำคู่มือยา High alert drugs ข้อควรระวังและข้อควรปฏิบัติ ชี้แจงและประชาสัมพันธ์เจ้าหน้าที่ทุกระดับเพื่อให้ทราบความสำคัญและข้อควรระวังของยากลุ่มนี้นับตั้งแต่การจัดซื้อจัดหา การตรวจรับ การขนส่ง การเบิกจ่ายจากคลังยาจนถึงผู้ป่วย พร้อมทั้งวางแนวทางปฏิบัติสำหรับแพทย์ พยาบาลและเภสัชกรในการใช้ยากลุ่มนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วย
ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา ทำงานเป็นทีมทุกระดับตั้งแต่ระดับปฏิบัติ
จนถึงระดับหัวหน้า รวมใจเป็นหนึ่ง ให้เห็นความสำคัญของ HA
การได้มาซึ่ง HA นั้นยากยิ่งแต่การรักษาคุณภาพให้คงอยู่นั้นยากยิ่งกว่า
โดย ภญ. กนกพร เมืองชนะ
ไม่มีความเห็น