การจัดการศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ต้องให้ชีวิตดีขึ้นตั้งแต่ขณะเรียน ไม่ใช่เรียนเพื่อนำความรู้ไปใช้หลังจบการศึกษา: บันทึกประสบการณ์ของนักศึกษาบุญตา


"ถึงเราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเป็นคนดีได้...ลดต้นทุนให้น้อยที่สุด แต่ลงแรงให้มาก เพราะแรงดิฉันได้มาฟรีไม่ต้องซื้อไม่ต้องหา คิดว่าดิฉันอายุยังน้อย เหนื่อยสักพักก็หาย ดีเสียอีกได้ออกกำลังกายไปด้วย"

ผมได้รับข้อเขียนจาก(ใจ)นักศึกษาในโครงการมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ที่ศูนย์เรียนรู้ อ.เมือง นครศรีธรรมราชส่งมาที่มูลนิธิสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการจัดการศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ ที่ชีวิตต้องดีขึ้นขณะกำลังเรียนเลย ไม่ใช่เรียนเพื่อจดจำความรู้ไปใช้หลังสำเร็จการศึกษา การประเมินผลการศึกษาผู้ใหญ่จึงทำได้ขณะเรียนเลย ผมจึงนำข้อเขียนนี้มาเผยแพร่ในเว็บบล็อกนี้ด้วย ดังข้อความข่างล่างครับ (ชื่อเรื่องนั้นเขาตั้งมาเองอย่างนั้นครับ) ขอขอบคุณศูนย์เรียนรู้ อ.เมืองนครศรีธรรมราช

บทความประสบการณ์จากการเรียน จากใจนักศึกษาบุญตา

โดยนางบุญตา  สุดภักดี  มหาวิทยาลัยชีวิตเมืองนครศรีธรรมราช

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์เสรี พงค์พิศ  ดิฉันนางบุญตา สุดภักดี นักศึกษามหาวิทยาลัยชีวิตศูนย์เมืองนครศรีธรรมราช  จะขอเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวิตในขณะเรียนมหาวิทยาลัยชีวิต  จากแต่ก่อนชีวิตและครอบครัวดิฉันเองมีปัญหามากมาย ทั้งในเรื่องอาชีพ  รายได้  หนี้สิน  ปัญหาครอบครัว  ดิฉันเองไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ยิ่งนานวันหนี้สินก็เพิ่มขึ้นๆ จนเครียดมาก  ดิฉันเองจะทำงานด้านอาสาสมัครของตำบลปากพูนอยู่ด้วย  อยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนอาสาสมัครด้วยกันได้มาชักชวนให้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยชีวิต บอกตรงๆ ดิฉันอยากเรียนมานานแล้ว แต่ก็ต้องปฏิเสธเพื่อนไป เพราะถ้าฉันเรียนจะต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีก แล้วไหนลูกกำลังเรียนด้วย ลูกดิฉัน 4 คน กำลังเรียน กำลังกินกันทั้งนั้น

แต่แล้วประมาณ 3-4 วัน เพื่อนก็มาบอกข่าวดีว่า ท่านนายกปู (ท่านธนาวุฒิ  ถาวรพราหมณ์)  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากพูน จะส่งให้เรียนโดยจะรับผิดชอบค่าเทอมให้อาสาสมัครในตำบลปากพูนทุกคน  ทำให้ดิฉันได้สมัครเรียนพร้อมส่งหลักฐานเป็นคนแรกของกลุ่มอาสาสมัครของปากพูน  แต่พอมาเรียนได้ระยะหนึ่งก็ประสบปัญหาอีก  เพราะจะต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การทำโครงงาน  ค่าเดินทางไปเรียน  และการร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ  เลยตัดสินใจบอกเพื่อนว่าฉันคงเรียนต่อไปอีกไม่ได้แล้ว  เพื่อนๆ ก็ให้กำลังใจบอกให้ดิฉันมาเรียนต่อ ถ้ามีปัญหาอะไรพวกเราเพื่อนๆในปากพูนก็ต้องช่วยกัน  เรื่องค่าเดินทางก็เลยไม่มีปัญหาเพราะดิฉันจะรอรถพี่เล็กซึ่งเป็นนักศึกษาคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยชีวิต  จะเดินทางผ่านบ้านดิฉัน ดิฉันจึงได้อาศัยรถพี่เล็ก  ก็ขอบคุณพี่เล็กไว้ ณ ที่นี้ด้วย  ส่วนปัญหาเรื่องการวางเป้าหมายและแผนชีวิต ทำให้ดิฉันได้เรียนไปคิดไป ทำให้ดิฉันรู้จักตัวเอง  ค้นพบตัวเอง มากยิ่งขึ้น  นำส่งที่เรียนไปทำปฏิบัติ นำไปจัดการชีวิต ทำให้ชีวิตดีขึ้น  เมื่อเรียนเรื่องเป้าหมายชีวิต  ดิฉันได้รับกำลังใจจากอาจารย์และเพื่อนๆ และกล้าที่จะฝัน  ฝันแล้วดิฉันทำเลย (อาจารย์บอกว่า ททท : ทำทันที) โดยไม่มีคำว่า “จะ เดี๋ยว หรือค่อย” เหมือนที่ผ่านมา

ต่อมาดิฉันได้มีโอกาสอบรมต้นกล้าอาชีพ ดิฉันทำโครงการปลูกผักสวนครัว  พอจบหลักสูตร ได้เงินมาครั้งแรกดีใจมาก ออมไว้ 500 บาท จากนั้นจึงคิดลงทุน ได้ไปดูที่ๆ จะทำการปลูกผักแต่มีปัญหา  เพราะที่ดินน้อยมาก  เลยตัดสินใจซื้อลูกเป็ดมาเลี้ยง แต่ไม่มีเล้า  แต่ก็เลี้ยง ครั้งแรกก็เอาลูกเป็ดมา 10 ตัว มาเลี้ยงไว้ด้านล่างของเล้าไก่แจ้  มันคับแคบมาก พอเลี้ยงได้สักอาทิตย์ก็ไปซื้อวะมา 1 ม้วน  เพื่อจะกั้นทำเล้าเป็ด  ตอนแรกๆ สามีไม่เห็นด้วยเลย  แต่ก็กั้นเล้าเป็ดให้จนเสร็จ  ดิฉันจึงซื้อมาเพิ่มอีก 30 ตัว แล้วสามีก็บอกอีกว่า คอยดู เลี้ยงเป็ดนั้นไม่ได้ผลหรอก  เพราะไหนจะต้องซื้ออาหารมาให้เป็ดกิน สุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย มีแต่ขาดทุน  แต่ดิฉันก็ทำ ทำให้สามีเห็น  โดยช่วงแรกตอนเป็ดเล็กๆ ฉันซื้ออาหารให้กิน แต่พอสักระยะหนึ่งฉันก็จะไปเก็บเศษอาหาร กากมะพร้าว บริเวณแถวๆ บ้านบ้าง เศษอาหาร เศษผัก ไส้ปลาที่ตลาดใกล้บ้านบ้าง  แล้วซื้อรำหยาบกระสอบละ 20 บาท  มาปนให้มันกิน  บางวันต้มข้าวแล้วหั่นผักบุ้งผสมรำข้าวให้บ้าง เพื่อลดต้นทุนให้น้อยที่สุด  แต่ลงแรงให้มาก เพราะแรงดิฉันได้มาฟรีไม่ต้องซื้อไม่ต้องหา คิดว่าดิฉันอายุยังน้อย เหนื่อยสักพักก็หาย ดีเสียอีกได้ออกกำลังกายไปด้วย ตอนนี้เป็ดตัวโตมากแล้ว อีกไม่นานก็ขายได้ ตอนนี้ฉันกำลังขยายเล้าเป็ดเพื่อจะเลี้ยงต่อ เพราะได้เงินผู้ประกอบการเดือนแรกมาเพิ่ม สามีจากไม่เห็นด้วยตอนนี้สามีก็เริ่มเห็นด้วย ดิฉันซื้อเป็ดรุ่นที่ 2 มาเลี้ยง ดิฉันขายรุ่นแรกได้เงินมาจำนวนหนึ่ง และเก็บแม่พันธ์ลูกเป็ดไว้อีก ๕ ตัว ตอนนี้ทำให้ชีวิตครอบครัวดิฉันดีขึ้น ดิฉันมีกำลังใจมากขึ้น  สามีก็เริ่มเห็นด้วย ตั้งใจและเต็มใจมาช่วยดิฉันเต็มไม้เต็มมือมากขึ้น  ตอนนี้ดิฉันก็ได้หาพันธุ์กล้วยมาปลูกเพิ่ม  และปลูกพืชผักสวนครัวเกือบทุกอย่าง  ทำให้ครอบครัวลดรายจ่ายลงไปได้มาก  นอกจากนี้ดิฉันได้ผสมแมวเปอร์เซียขาย แต่ก่อนถ้ามีคนมาขอดิฉันจะให้ ตอนนี้ดิฉันก็ขายด้วย

และจากที่ดิฉันเรียนมหาวิทยาลัยชีวิต ดิฉันได้สอนลูกๆ ทุกคนให้ใช้จ่ายอย่างประหยัด ต้องรู้จักออม รู้ค่าของเงิน ตอนนี้หนี้สินเบาบางลง  และสิ่งที่ฉันปลูกฝังลูกมากที่สุด คือ ถึงเราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเป็นคนดีได้ และถ้าฉันออกจากมหาวิทยาลัยชีวิตตอนนั้นฉันคงไม่มีวันนี้  วันที่ครอบครัวดิฉันเริ่มดีขึ้น พ่อแม่ลูกเข้าใจกันมากขึ้น  

ประการสำคัญตอนนี้ฉันกล้าพูด กล้าคิด กล้าฝัน และกล้าที่จะทำ  จากเมื่อก่อนเป็นคนไม่กล้าทำอะไรเลย  ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์เสรี  ขอขอบคุณอาจารย์มหาวิทยาลัยชีวิตศูนย์เมืองนครศรีธรรมราชทุกคนที่ทำให้พวกเราหลายคนได้เปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้น ขอขอบคุณเพื่อนๆ นักศึกษาที่ช่วยกันให้กำลังใจตลอดมา  ขอบคุณมหาวิทยาลัยชีวิต และท่านนายกปูที่เปิดโอกาสให้ดิฉันมีวันนี้  ขอบคุณจริงๆค่ะ

นางบุญตา สุดภักดี
๒๐  เมษายน  ๒๕๕๓

หมายเลขบันทึก: 362078เขียนเมื่อ 28 พฤษภาคม 2010 17:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 16:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท