ย้อนรอยเข้าถ้ำพญานาค ปี 2551


พิสูจน์คำพูด ที่ผมเคยเล่าให้ใครต่อใครฟัง

ย้อนรอยเข้าถ้ำพญานาค ปี 2551

 

ย้อนรอย ถ้ำพญานาค ริมฝั่งโขง


เล่าประสบการณ์โดย  ยรรยง สินธุ์งาม


       ในหน้าที่ผ่านมา พูดอย่างรวบรัดเกี่ยวกับการ ผจญภัย ในวัยหนุ่ม เมื่อกลางปี 2535 ช่วงหน้าฝน   หลังจากนั้น อีก 16 ปี ต่อมาได้กลับไปที่ถ้ำนั้นอีกครั้ง เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2551 มีพี่ชายไปด้วย 1 คน คือ ผอ.อำพร ผาดโผน  ไม่ได้ตั้งใจไปสำรวจโดยตรง แต่ไปร่วมงานฌาปณกิจรุ่นพี่ ซึ่งมีบ้านอยู่อำเภอนั้น จึงถือโอกาสไปพิสูจน์คำพูด ที่ผมเคยเล่าให้ใครต่อใครฟัง รวมทั้ง ผอ.อำพร 

      ไปสอบถาม เส้นทางจากชาวบ้าน ที่พักอยู่บริเวณนั้น เขาก็ใจดี วางมือจากการเกี่ยวข้าว เป็นไกด์ ช่วยนำทาง ในทันที

   ลำธาร ที่ไหลลงสู่ ลำห้วย ซึ่งไหลสู่ แม่น้ำโขงอีกที 


     ทางลง สู่ลำห้วย ซึ่งจะมี ปากถ้ำ ซ่อนอยู่ข้างล่าง


ไกด์ใจดี ผู้นำทาง บอกว่า ไม่ขอเข้าไปในถ้ำโดยเด็ดขาด มาอยู่ที่นี่ 10 ปี ไม่เคยเข้าไปเลย และไม่เคยคิดที่จะเข้าไปด้วย เนื่องจากช่วงหน้าฝน น้ำจะท่วมสูงขึ้นมาปิดปากถ้ำ และครั้งหนึ่ง เขาเคย เอาเรือหาปลาลำใหญ่ มาจอดขวางหน้าถ้ำ โดยไม่ได้ตั้งใจ ปรากฎว่า มีวัตถุใต้น้ำชนผ่านลำเรือ เข้าไปที่ปากถ้ำ เรือขนาดใหญ่โครงเครง เขากระโจนขึ้นฝั่งในทันใด และไม่เข้าไปใกล้เรือ อยู่เป็นเกือบ 10 วัน เขาบอกว่า ถ้าเป็นสัตว์น้ำก็จะมีขนาดใหญ่มาก
    
       และที่ถ้ำแห่งนี้ บางวันในวันพระ ช่วงเย็น จะเห็น ผู้หญิงแต่งชุดขาวเดินออกมาจากถ้ำ  เมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมา เคยมี ชาวบ้านจากถิ่นอื่น 4-5 คน เข้าไปในถ้ำ และ ติดอยู่ข้างใน เป็นเวลา 2 วัน ทางอำเภอต้องระดม นักประดาน้ำ และกู้ภัยเกือบ 200 คน เข้ามาช่วย จึงนำตัวออกมาได้

       เขาเล่าว่า วันนั้นฟ้าสว่าง หลังจากมีคนเข้าไปในถ้ำ จู่ๆก็มีเมฆฝนก้อนใหญ่ มาลอยนิ่งอยู่เหนือบริเวณนั้น ฝนก็ตกแบบฟ้ารั่ว เพียง2 ชั่วโมง น้ำในลำห้วย ขึ้นสูงเป็น เมตร จากปากถ้ำที่ มองเห็น ก็ถูกน้ำท่วม คนที่เฝ้ารออยู่ข้างนอกตกใจวิ่งหน้าตา ตื่นตระหนกไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ทางอำเภอได้นำกระสอบทรายมากั้น และใช้เครื่องสูบน้ำ ออก  ซึ่งก็โชคดีที่รอดออกมาได้หมด ติดอยู่ใต้ดิน 2 วัน 2 คืน  น่าเสียดาย ที่ผมยังตามหา คนกลุ่มนั้นยังไม่เจอ จะได้ให้เขาเล่าถึง นาทีชีวิต ให้ฟัง

            
                   ลำห้วย ที่อยู่หน้าถ้ำ พญานาค

            
    ปากถ้ำพญานาค จะสังเกตเห็น ธารน้ำ เล็กๆ ไหลลงสู่ลำห้วย     

             
    ผมเข้าไปในถ้ำ แล้วถ่ายภาพออกมา จะมองเห็น ผู้ที่อยู่ภายนอก

            
     บรรยากาศภายในถ้ำเย็น มืด  จะพบ กบถ้ำ ตุ๊กแก จิ้งจก ค้างคาว

  
ความสูงของถ้ำ เราใช้การเดิน แบบย่อตัว ผอ.อำพร ก็เข้าไปด้วยกัน

           
มองเห็นอยู่ด้านหน้า คือ ผนังถ้ำตัน และมีแอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ขวางกั้นเอาไว้ อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง

          
                    ภาพน้ำในแอ่งน้ำ ใส เย็น

          
การไปเยี่ยมครั้งนี้ ไม่อาจจะลงไปในแอ่งน้ำได้ เพราะเรากลัวชุดเปียก ด้วยจะต้องไปร่วมงานฌาปณกิจ ช่วง 3 โมงเย็น
 

   
นี่เป็นทางเข้า ช่วงที่ 2 เพื่อจะเข้าไปสู่ ถ้ำชั้นใน ซึ่งคนเรา สามารถเข้าไปได้ ด้วยมีอากาศ ที่ไม่เป็นพิษ และ ถ้าเจ้าของบ้าน (พญานาค) อนุญาต

     
อธิบายภาพ จากการผจญภัย เมื่อครั้ง ปี 2535  
หมายเลข 1.เป็นลำธารภายในถ้ำ ที่ไหลลงสู่ลำห้วย ซึ่งมีน้ำ ตลอดทั้งปี 
หมายเลข 2.แอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ที่ผมเคยลงไป และ มุดผ่านช่องทางใต้น้ำเข้าไป ร่วม 7 เมตร
หมายเลข 3.
เป็นผนังถ้ำ เรียบเหมือนถูกตัด ที่ปิดกั้นทำให้มองดูเป็นทางตัน แล้วใช้แอ่งน้ำ อำพรางทางเข้า ซึ่งอยู่ใต้น้ำเอาไว้  ดูๆไปเหมือนในหนังผจญภัยของฮอลลีวู๊ด แต่ที่นี่ คือ เรื่องจริง และอยู่ ขอบชายแดน ริมแม่น้ำโขง คนไทย คนไหนจะมาสร้างไว้ และที่น่าสนใจก็คือ เขาจะปิดบังทางเข้าเพื่อซุกซ่อนอะไร
หมายเลข 4. คือ จุดแรกที่ พญานาค ตัวเล็ก โผล่ขึ้นมามองดูเรา และผมก็วิดน้ำใส่
หมายเลข 5.
คือ จุดที่สอง ที่ พญานาค ดำน้ำจากจุดแรก ไปโผล่หัว มองดูเราอีกครั้ง ซึ่งผมก็ วิดน้ำใส่อีกครั้ง

ผมได้เขียนแผนผังเกี่ยวกับถ้ำพญานาค ซึ่งดูรายละเอียดได้จาก ลิงค์ที่แนะนำไว้ด้านล่างครับผม


     จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลกอยู่นะ  วันนี้ วันอาทิตย์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553 ไม่ใช่หน้าฝน นะ เมื่อตอนกลางวัน ช่วง บ่าย 2 โมง กว่าๆ  
ขณะที่กำลังนำเสนองานชิ้นนี้ ในหน้าที่ 1 ฟ้าก็ครึ้ม และมีฝนโปรยปราย 5 วินาที  พอช่วงพิมพ์หน้าที่ 2 ช่วง 4 ทุ่ม ก็มีฝนตกปรอยๆ มาร่วม 30 นาทีแล้ว คงเป็นความบังเอิญ รึจะเป็น ความยินดี ของ ชาวนาคา ที่ร่วมแสดงความยินดี ที่มีการเผยแพร่ ประสบการณ์ ที่เก็บมานับสิบปี
 
    อีกอย่างหนึ่งนะครับ ที่เข้าไปสำรวจถ้ำ ไม่ได้อยากเข้าไปค้นหา ทรัพย์สมบัติอะไรนะ เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก ว่า แม้นว่าได้พบสิ่งของมีค่าอะไรก็ตาม จะไม่นำออกมา ขอเก็บเพียงภาพถ่าย และความทรงจำ ที่จะนำมาเล่าขาน ให้มนุษย์โลกได้รับฟัง ส่วนใครจะมีความคิดเห็นประการใด เป็นสิทธิส่วนตัว ของใครของเราครับ ผมเล่าในฐานะของ นักค้นคว้าทางการศึกษาครับ

พักแค่นี้ก่อนครับ หน้าต่อไปจะเล่าเรื่องเส้นทางลงถ้ำ อีก 2 ช่องทาง พร้อมภาพสเก็ตซ์ของถ้ำ จากการเก็บข้อมูล คนในพื้นที่ มาเล่าสู่กันฟัง ครับ

ขอบพระคุณมากครับ ที่เข้ามาเยี่ยมชม 

มีข้อมูลน่าสนใจ ร่วมแลกเปลี่ยน มาที่ [email protected] นะครับ


    แนะนำ links ที่เกี่ยวข้อง

หลักความเชื่อของพระพุทธเจ้า (หลักกาลามสูตร) http://www.vcharkarn.com/vblog/11858

ฉกามาพจร สวรรค์ 6 ชั้น  http://www.vcharkarn.com/vblog/34073

วิญญาณศึกษา spirit education   http://www.vcharkarn.com/vblog/89320
    
บั๊งไฟพญานาค : หน้าผู้หญืงในลูกไฟ ไขปริศนาโดยรูปถ่าย  http://www.vcharkarn.com/vblog/47178

แผนผังถ้ำพญานาค    http://www.vcharkarn.com/vblog/89320


เล่าประสบการณ์โดย ยรรยง สินธุ์งาม

หมายเลขบันทึก: 361521เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2010 13:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 09:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

น่าสนใจมากครับ รอดูต่อนะครับ

น่าสนุกมากค่ะ..ขอบคุณมากค่ะอาจารย์^^

นาคเป็นเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ บางแห่งก็ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฟ้า

ตำนานความเชื่อเรืองพญานาคมีความเก่าแก่มาก ดูท่าว่าจะเก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย สืบค้นได้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากอินเดียใต้ ด้วยเหตุจากภูมิประเทศทางอินเดียใต้ เป็นป่าเขาจึงทำให้มีงูอยู่ชุกชุม และด้วยเหตุที่งูนั้นลักษณะทางกายภาพคือมีพิษร้ายแรง งูจึงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ให้การนับถือว่ามีอำนาจ ชาวอินเดียใต้จึงนับถืองู

เป็นสัตว์เทวะชนิดหนึ่งในเทพนิยายและตำนานพื้นบ้าน บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีความเชื่อเรื่องพญานาคแพร่หลายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วทวีปเอเชีย โดยเรียกชื่อต่างๆ กัน

ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะอยู่ที่อินเดีย ด้วยมีนิยายหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ ซึ่งถือเป็นปรปักษ์ของพญาครุฑ ส่วนในตำนานพุทธประวัติ ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตำนานเรื่องพญานาคอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล และเชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่ และเมื่อไปเล่นน้ำในแม่น้ำโขงควรยกมือไหว้เพื่อเป็นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี7สี และที่สำคัญคือนาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช(อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราชนั้น เล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาคนั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงาม

เป็นสิ่งที่พิสูจน์ ไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่ และยังไม่เคยมีใครได้เห็น และการที่บอกว่ามีนั้นคงจะทำให้เชื่อได้ยากมาก ในสังคมปัจจุบันนี้ ควรนำเสนออย่างเป็นกลางจะดีกว่านะครับ ขอบคุณ

ข้อความ #2247987

ก็คนส่วนมากในปัจจุบันห่างพระห่างเจ้ามากใงครับถึงไม่เคยสนใจไรเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท