โรคที่จำเป็นจะต้องตรวจหัวใจบ่อย
โรคเบาหวานและโรคไต แพทย์กำหนดให้ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการตรวจหัวใจบ่อยกว่าเป็นโรคอื่น ๆ จึงทำให้มีคำถามว่า“ทำไมผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ป่วยโรคไต
จึงจำเป็นต้องตรวจกรองหัวใจบ่อยกว่าคนทั่วไป” นายแพทย์วิทูร จุลรัตนาภรณ์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ให้ความกระจ่างไว้เป็นความรู้ดังนี้
การตรวจหัวใจสามารถทำได้ง่าย มีหลายวิธี เช่น
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
สามารถดูความผิดปกติของการส่งคลื่นไฟฟ้าของหัวใจ เพื่อประเมินภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ ทั้งนี้ใช้เป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น จำเป็นต้องใช้วิธีการวินิจฉัยอื่นๆ ประกอบด้วย
การเดินสายพาน (Exercise stress test)
คือการทดสอบสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกายเพื่อวินิจฉัยโรค และประเมินความรุนแรงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ในผู้ที่มีอาการเช่น เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย หมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือในผู้ที่ไม่มีอาการแต่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรคของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography)
เป็นการใช้คลื่นเสียงสะท้อน สามารถดูความผิดปกติของผนังและลิ้นหัวใจ รวมทั้งความสามารถในการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
การตรวจหินปูนที่หลอดเลือดหัวใจ ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT-Coronary calcium score)
เป็นการตรวจด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อดูว่าผนังของหลอดเลือดหัวใจมีการสะสมของหินปูนมากน้อยเพียงใด กรณีค่าหินปูนมากกว่า 400 มีโอกาสสูงที่จะตรวจพบว่ามีหลอดเลือดหัวใจตีบ
การตรวจภาพรังสีทรวงอก (Chest X-Ray)
ตรวจได้ว่ามีหัวใจโต หรือมีหลักฐานโรคหลอดเลือดแดงแข็งหรือไม่
โดยท่านสามารถขอคำแนะนำการตรวจหัวใจจากแพทย์ประจำตัวของท่าน รวมไปถึงการดูแลรักษาและการลดโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจในอนาคต
ข้อมูลจาก นายแพทย์วิทูร จุลรัตนาภรณ์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 2
นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์
ที่มา....หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ฉบับบวันที่ 21 พฤษภาคม พศ.2553
ไม่มีความเห็น