++วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2553
สะกิด..วันละนิด คิดให้ซึ้ง…ถึง KM
"องค์ความรู้ที่มีขององค์การจะถูกจัดเก็บไว้ในหลายรูปแบบ ได้แก่ เอกสาร เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และสื่อทางอีเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เช่น เทป วิดีโอ ซีดี แต่องค์ความรู้กว่า 70% ขององค์ความรู้ในองค์กรจะถูกเก็บอยู่ในสมองคนในรูปแบบของประสบการณ์ ความจำ"
ในยุคของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนั้น ปัญหาจะมีความซับซ้อนมากขึ้นและเราจำเป็นต้องมีความรู้ที่หลากหลายมากขึ้น และจำเป็นต้องก้าวสู่ยุคของการทำงานที่มีการเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย เป็นโครงสร้างที่ไม่ได้เกิดจากการจัด (Organization Chart) แต่เกิดจากความเชื่อและความเต็มใจที่ก่อให้เกิดการทำงาน (Working Network) หรือการปันความรู้ (Knowledge Sharing Network) ผ่านเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างผู้เชี่ยวชาญที่เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจและ เป็นอย่างอิสระจากโครงสร้างขององค์กรที่มีอยู่
หัวใจหลักในการก้าวสู่การประสานการทำงาน และการแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างเป็นธรรมชาติ คือชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice, CoP) ที่แต่ละคนในชุมชนมีความสนใจ และมีวัตถุประสงค์ร่วมกันที่จะเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านทั้งรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ทั้งผ่านการพบปะกันหรือผ่านเครือข่ายอินทราเน็ต-อินเตอร์เน็ต และหากองค์การสามารถเชื่อมโยง CoP เข้าด้วยกัน จะเป็นเครือข่าย (Social Network) ที่มีการปฏิบัติงานร่วมกันจากหลายๆ ฟังก์ชั่นงาน
ปัจจุบัน ชุมชนนักปฏิบัติ หรือ CoP เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการองค์ความรู้ และการพัฒนามุ่งสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ โดย CoP มีลักษณะที่สำคัญดังนี้
CoP คือ กลุ่มคนที่มีความชอบ มีความสนใจในสาระ ความเชี่ยวชาญ หรือมีปัญหาร่วมกัน สมาชิกในกลุ่มพร้อมและเต็มใจที่จะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกัน และกัน
ดังนั้น CoP จึงไม่ใช่เป็นเพียง เว็บไซต์ ฐานข้อมูล หรือ แหล่งรวบรวมแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด แต่เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความสนใจ และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีการสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์ ความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ในระหว่างการดำเนินกิจกรรมร่วมกันจะเสริมสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมและความ เป็นเจ้าของร่วมกัน ก่อให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างสร้างสรรค์ให้กับ CoP
CoP มีทั้งขนาดเล็ก ที่มีสมาชิกผู้เชี่ยวชาญมารวมตัวกันเพียง 2-3 คน หรือ CoP ที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนสมาชิกกว่า 1,000 คน และวงจรอายุของ CoP อาจมีอายุยาวนาน หรืออาจมีช่วงอายุที่สั้น เช่นมีอายุตามเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน อาจมีการยกเลิก CoP ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีนั้น
สมาชิก CoP จำเป็นต้องมีการปฏิสัมพันธ์เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง การก่อตั้ง CoP ในช่วงแรกสมาชิกกลุ่มอาจอยู่ในหน่วยงานเดียวกันหรือใกล้ๆ กัน ในยุคของอินเตอร์เน็ต สมาชิกของ CoP อาจอยู่กระจายกันตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ หรือทั่วโลก ซึ่งสมาชิกสามารถติดต่อกันแบบเสมือน ผ่านอินเตอร์เน็ต อีเมล์ เทเลคอนเฟอเรนซ์
CoP มักจะก่อตั้งได้โดยง่ายเมื่อสมาชิกมีพื้นฐาน ประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน หรือมาจากฟังก์ชั่นงานที่เหมือนกัน แต่มีบาง CoP ที่มีสมาชิกมาจากพื้นฐานที่หลากหลาย แต่มีความร่วมมือกันในการแก่ปัญหาที่ซับซ้อนและต้องการความหลากหลายในความ เชี่ยวชาญ เช่นการให้บริการกับลูกค้าองค์การขนาดใหญ่
CoP อาจก่อตั้งจากสมาชิกที่มาจากสายธุรกิจเดียวกันหรือข้ามสายธุรกิจ หรือข้ามองค์การ
CoP อาจเกิดจากการรวมตัวกันอย่างเป็นธรรมชาติของสมาชิก ที่ต้องการเรียนรู้หรือแก้ป้ญหาร่วมกัน หรือ CoP อาจเกิดจากการจัดตั้งโดยองค์การขึ้นมาอย่างเป็นทางการ
ถึงแม้ว่า CoP จะมีความหลากหลาย แต่อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบหลักที่สำคัญต่อความสำเร็จของ CoP มี 3 ประการคือ
1. Head : เป็นเรื่องความรู้และประสบการณ์ หรือปัญญาที่เป็นศูนย์กลางที่สนใจร่วมกันและเป็นพื้นฐานก่อให้เกิดการรวมตัว และยึดเหนี่ยวซึ่งกันและกันกัน มีเอกลักษณ์ร่วมกัน และเป็นวาระร่วมกันของ CoP
2. Heart : ชุมชนนักปฏิบัติที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ ชุมชนที่แข็งแรงจะส่งเสริมก่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์กัน เสริมสร้างสายสัมพันธ์ บนพื้นฐานของการให้เกียรติ เคารพและเชื่อถือซึ่งกันและกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันและสร้างแรงจูงใจ สมัครใจ ในการแลกเปลี่ยนความรู้ เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม กล้าที่จะถามคำถาม และการรับฟังซึ่งกันและกันที่ดี
สมาชิกใน CoP จะมีความผูกพันธ์กันด้วย "ใจ" และไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนจากการปันความรู้ เปรียบเสมือนกับบรรยากาศของชุมนุมชนในสมัยก่อน บ้านใกล้เรือนเคียงที่มีการแบ่งบันอาหารส่งข้ามรั้วให้กันและกัน ใครมีอะไรก็แบ่งปันกัน เป็นเรื่องของน้ำใจมากกว่าการคาดหวังสิ่งตอบแทน การปันอาหารหรือสิ่งของนั้น สิ่งที่เราเคยครอบครองอยู่จะหายไป แต่การปันความรู้ ความรู้จะไม่สูญหายไปจากตัวเรา กลับเชี่ยวชาญมากขึ้นเมื่อให้ และการเป็นผู้ให้ เราจะเป็นผู้รับในโอกาสต่อไป ทำให้เราได้รับความรู้จากสมาชิกใน CoP มากขึ้น
3. Hand : การแสดงออก ด้วยการกระทำ หรือ พฤติกรรม สมาชิกใน CoP จะมีการดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติของกลุ่ม ซึ่งอาจมีการกำหนดร่วมกันอย่าเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ ในการแลกเปลี่ยนความคิด ประสปการณ์ ถามตอบปัญหาซึ่งกันและกัน ทั้งในลักษณะพบปะเจอกัน หรือใช้เครื่องมือสื่อสารและเทคโนโลยีเชื่อมโยงถึงกันหลายรูปแบบ เช่น โทรศัพท์ เทเลคอนเฟอเรนซ์ และที่นิยมใช้กันมากที่สุดได้แก่ อินทราเน็ต สำหรับใช้ภายในองค์การ หรือ อินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลก
การแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร เอกสาร ร่วมกัน จะมีลักษณะ วิธีการ ภาษาที่ใช้สื่อ เรื่องราว การแลกเปลี่ยนความรู้ และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นนี้ จะมี "Head" คือความรู้เฉพาะ ที่สมาชิกใน CoP สนใจร่วมกัน เป็นเป็นตัวผลักดันและเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการต่างๆ ในการพัฒนาการ การแลกเปลี่ยนความรู้ และการฟูมฟักรักษาใช้ CoP มีชีวิตชีวา
จะเห็นได้ว่า CoP เป็นเครื่องมือในการจัดการองค์ความรู้ในองค์การที่มีประสิทธิภาพ ที่องค์กรจะสามารถ สร้าง จัดเก็บ แบ่งปัน และนำองค์ความรู้ไปใช้งานได้อย่างกว้างขวางในองค์กร ทำให้องค์ความรู้ หรือทุนทางปัญญา หรือความพร้อม ขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์การสูงขึ้น
และประเด็นที่น่าสนใจคือ "การสร้างและปันองค์ความรู้ใน CoP จะเกิดขึ้นด้วยความสมัครใจ" ทำให้การสร้างองค์ความรู้ในองค์การเติบโตขึ้น และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ KM เกิดขึ้นในองค์การอย่างยั่งยืน "ไม่ใช่เกิดจากการสั่งการ หรือการจัดงานใหญ่ เพื่อส่งเสริมและให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ มาจัดเก็บไว้ในองค์การเท่านั้น"
กลุ่ม CoP ระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายจึงได้ช่วยกันขยายความทำความเข้าใจ system CoP จากเมื่อวานให้เข้าใจมากขึ้น
งานที่อาจารย์ให้ทำวันนี้เป็นการคิดในกระบวนการจัดทำระบบที่มีระบบมาก ขึ้น group 10 เลยร่วมกันคิดร่วมกันทำออกมาเป็น System CoP ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้เช่นนี้แหละค่ะ...........
ก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่ทางกลุ่มร่วมกันคิดออกมาเช่นนี้จะถูกต้องตามหลักการคิดแบบ KM หรือเปล่านะคะ....
คงต้องสั่งสมประสบการณ์และอาศัยข้อเสนอแนะของอาจารย์ด้วย............ขอบคุณค๊าาา..........
ขอขอบคุณนะครับ จากข้อเขียนได้ความรู้เยอะดีจัง
ขอบคุณค่ะ ศรช.บ้านเอื้ออาทรคลองห้า