++วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม 2553
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบวงคู่ (Double-Loop Learning)
เป็นการอธิบายถึงกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้จากวงจรภายนอก และภายในองค์กร ซึ่งกระบวนการดังกล่าวพบว่าองค์กรมักเรียนรู้ในการปรับปรุงการทำงานเมื่อไม่ ได้ผลงานตามที่ต้องการ การปรับการทำงานมักมีการพัฒนาโครงสร้างองค์กรของบุคลากรในองค์กร
เรียกองค์กรที่เรียนรู้ในการปรับหรือพัฒนานี้ว่าเป็น กระบวนการเรียนรู้แบบ Single-Loop Leaning หรือการเรียนรู้แบบวงเดี่ยว เน้นการพัฒนาวิธีหรือทฤษฎีการทำงานว่าทำอย่างไร (Know-How) มุ่งเน้นการทำงานให้ได้ผลดียิ่งขึ้นมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การใช้ Balance Scorecard
- Statigic Map
- Corporat Balanced Scorecard
- SBU Scorecard
- Personal Scorecard
- Advanced Scorecard : Template
หลักการด้าน Balanced Scorecard จำเป็นต้องมี 4 ตัวแปร ดังนี้
- Financial บริบทด้านเงิน ซึ่งการทำ COP จำเป็นต้องมีงบประมาณสนับสนุน
- Customer กรณีหากต้องการให้สาธารณชนได้มีส่วนร่วม หรือเรียกว่าการติดตามหลังการขาย
- Internal Business Process ซึ่งหมายความว่ามีกระบวนการทำงานที่ดี
- Learning and Growth เกี่ยวข้องกับการอบรม การวิจัยเพื่อหาตลาดใหม่ๆ เพื่อทำการปรับปรุงและพัฒนาคนในองค์กร
กรณีตัวอย่างเช่น
การทำ COP จะต้องหากรณีตัวอย่างจากไหน แหล่งเงินทุนใด และจำนวนโครงการ ซึ่งการประเมินตัวชี้วัดอาจประเมินจากขั้นตอน Input, Output และ Process ขั้นตอนไหนก็ได้
การสร้าง Balance Scorecard เพือนำไปสู่การบริหาร (to management) และการนำเอาโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้
แค่นี้ก่อนแล้วจะมาต่อหลังเบรคค่ะ....
อาจารย์สั่งงานก่อนเบรคให้พวกเราทำ COP ตามหัวข้อที่ได้คิดร่วมกันไว้แล้ว กลุ่มเราทำในหัวข้อ "ระบบเครือข่ายและฐานข้อมูลด้านเทคโนโลยี" พอมาร่วมกันคิดกันทำแล้วก็ยังไม่ได้ตามที่ต้องการ เนื่องจากยังไม่เข้าใจถึงกระบวนการทำ COP อย่างถูกต้องและขาดประสบการณ์ ซึ่งอาจารย์ก็ได้ให้ส่งงานอีกครั้งวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม 2553
ด้วยเหตุนี้ ฉันเลยหาข้อมูลทางเน็ตว่าจะทำอย่างไรให้เราสามารถทำ COP ให้บรรลุตามเป้าประสงค์ได้ และเข้าใจวิธีการและมีมิติความคิดในการทำ COP ที่ถูกต้อง ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์กับหลายๆ คนที่ไม่เคยฝึกอบรมหรือมีความรู้ด้าน KM เหมือนอย่างฉันก็ได้นะคะ....เรามาปูพื้นกันก่อนลงมือปฏิบัตินะคะ..........
เทคนิคการทำ COP อย่างมีผลสัมฤทธิ์
ความหมายของ CoP
COP ย่อ มาจาก Community of Practice ซึ่งหมายถึง ชุมชนนักปฏิบัติ หรือ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่รวบรวมกลุ่มคนที่มีความรู้ความสนใจในเรื่องเดียวกัน มาร่วมแลกเปลี่ยน แบ่งปัน เรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ ร่วมกัน เพื่อได้มาซึ่ง Knowledge Assets : KA หรือ ขุมความรู้ ในเรื่องนั้น ๆ สำหรับคนในชุมชนเพื่อไปทดลองใช้ แล้วนำผลที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสมาชิกอันส่งผลให้ความรู้นั้น ๆ ถูกยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการปฏิบัติ ประยุกต์และปรับใช้ตามแต่สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่หลากหลายอันทำให้งาน บรรลุผลดีขึ้นเรื่อย ๆ
COP เป็น 1 ใน เครื่องมือของการ จัดการความรู้ (KM Tools) ประเภท Non-Technical Tools สำหรับการดึงความรู้ประเภท Tacit Knowledge หรือความรู้ที่อยู่ในตัวบุคคล ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายใน
ลักษณะที่สำคัญของ CoP
เป้าหมายของ KM : Knowledge Management หรือการจัดการความรู้ คือดึงความรู้ในตัวบุคคล ในรูปของ Tacit Knowledge ออกมาจัดเก็บให้กลายเป็นความรู้ที่ปรากฏชัดแจ้ง หรือ Explicit Knowledge เพื่อสร้าง Best Practices หรือวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ สำหรับให้บุคคลอื่นสามารถนำไปทดลองใช้และต่อยอดยกระดับความรู้นั้นขึ้นเรื่อยๆ
ขณะนี้แทบทุกหน่วยงานได้นำภารกิจ หลักหรือ core function ของหน่วยงานมาจัดทำ COP บางหน่วยงานดำเนินการตั้งแต่ต้นปีแล้วโดยทำกันหลากหลายวิธี อาทิ
ไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร ท่านไม่ควรลืมหลักการหรือเจตนารมณ์ของการทำ COP ว่าเพื่อ เพิ่ม/พัฒนาผลผลิตหรือแก้ปัญหาที่ขัดขวางการเพิ่ม/พัฒนาผลผลิตของงานโดยดึง Tacit Knowledge มาใช้โดยใช้วิธีการให้ผู้ปฎิบัติงานหรือผู้เกี่ยวข้องมาร่วมแลกเปลี่ยนแบ่ง ปัน เรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ ให้ได้องค์ความรู้ในลักษณะ shortcut ถ้าท่านยึดหลักการนี้แล้ววิธีการก็ไม่น่ามีอะไรมากไม่ต้องใช้งบประมาณก็ได้ แค่นั่งคุยกัน มีการบันทึกและนำผลจากการพูดคุยนั้นไปทดลองปฏิบัติก็เรียกว่า COP แล้ว
แนวทางการวัดผลสัมฤทธิ์ CoP
การวัดผลสัมฤทธิ์อย่างง่ายๆ ก็คือ ดูว่าผลผลิตในเรื่องที่เราทำ COP ได้มีการพัฒนาหรือมีผลผลิตเพิ่มขึ้นหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ท่านทำ COP เรื่องทำข่าวเชิงคุณภาพ หลังจากได้มีการแลกเปลี่ยนแนวทางการทำข่าวในลักษณะ tacit knowledgeกล่าว คือได้นำทักษะและประสบการณ์จากการทำข่าวรวมทั้งสภาพปัญหาและเทคนิคในการแก้ ปัญหาดังกล่าวมาแลกเปลี่ยนกันแล้ว จากนั้นอีก 1 เดือนพบว่าข่าวที่นำเสนอมีคุณภาพดีขึ้น มีการทำข่าวเจาะลึก(investigative news) เพิ่มขึ้น ข่าวรายงานเพิ่มขึ้นจากแต่เดิมที่มีแต่ข่าวประชาสัมพันธ์ที่หน่วยงานขอมา ก็แสดงว่า COP ครั้งนี้สัมฤทธิ์ผล
ทั้งหมดนี้สามารถวัดได้หากมีการวางแผนล่วงหน้า นั่นคือเมื่อท่านทำ COP ท่านต้องมีเป้าหมายที่ตั้งไว้ ท่านต้องมี ฐานข้อมูล และติดตามผล เปรียบเทียบฐานข้อมูลกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ดังกล่าว
ดิฉันหวังว่าแนวทางนี้คง จะเป็นประโยชน์ในการนำไปปรับใช้ได้กับทุก core function ที่ท่านกำลังทำ COP อยู่ในขณะนี้นะคะ ขอให้ประสบความสำเร็จนะคะ
เอามาฝากอีกนิดค่ะ เข้าไปอ่านแล้วเข้าใจมากขึ้นค่ะ
ระยะสั้น |
ระยะยาว |
|
|
เป้าหมายของ KM : Knowledge Mangement หรือ การจัดการความรู้ คือ ดึงความรู้ในตัวบุคคลในรูปของ Tacit Knowledge ออกมาจัดเก็บให้กลายเป็นความรู้ที่ปรากฎชัดแจ้ง หรือ Explicit Knowledge เพื่อสร้าง Best Practices หรือวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ สำหรับให้บุคคลอื่นสามารถนำไปทดลองใช้ และต่อยอดยกระดับความรู้นั้นขึ้นเรื่อยๆ