โอวาทสี่ท่านเหลี่ยวฝาน


ชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ต้องเทิดทูนรักษาไว้ด้วยชีวิต ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อองค์ฮ่องเต้ไม่เสื่อมคลาย ต้องสร้างครอบครัวให้มีความสุข ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่ยากไร้ให้ได้ทันท่วงที มีจิตสำรวมระวังอินทรีย์อยู่ตลอดเวลา ต้องสำรวจข้อบกพร่องในตัวเองทุกวันแล้วแก้ไขเสีย......

          ตอนผมกำลังเรียนเนติบัณฑิตและเป็นทนายความไปด้วย พ่อเอาหนังสือเล่มไม่ใหญ่มาให้อ่านเล่มหนึ่งบอกว่าเป็นหนังสือดี พร้อมอธิบายคร่าวๆว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของนักปราชญ์ที่สอนลูกด้วยคุณธรรม ผมรับมาพลิกดูคร่าวๆแต่สิ่งที่ผ่านสายตาไปนั้นมันมีความรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ดึงดูดให้ผมอ่านมันอย่างจริงจัง

        ผมกลับไปถึงสำนักงานทนายความของผมและเริ่มต้นอ่านรวดเดียวจบ รู้สึกซาบซึ้งจนต้องนำกลับมาอ่านอีก ต่อมาก็ซื้อติดบ้านไว้ทั้งเล่มขนาดพกพาและเล่มพ็อกเก็ตบุ้ค ต่อมาใครไปใครมาที่บ้านชอบอ่านหนังสือก็ให้หนังสือเล่มนี้ไป ล่าสุดไปที่สนามบินสุวรรณภูมิก็ไปซื้อมาอีก    อยากจะแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านและให้ท่านแนะนำให้บุตรของท่านได้อ่านหนังสือนี้ที่ชื่อว่า     “โอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝาน”

        หนังสือเล่มนี้คุณเจือจันทน์หรือมิสโจ อัชพรรณ เป็นผู้แปลมาจากต้นฉบับภาษาจีน เล่มที่พ่อให้ผมมาอ่านไม่มีภาพประกอบ แต่เล่มที่ผมซื้อมาใหม่นี้มีภาพประกอบเป็นภาพสี่สีสวยงามและมีบทความเพิ่มเติมหลังจากที่ได้พิมพ์ครั้งแรกๆมาแล้ว 

        ในบทนำได้เล่าถึงประวัติท่านเหลี่ยวฝานว่าเดิมชื่อ “เอวี๋ยนเสวียห่าย” เป็นขุนนางจีนในสมัยราชวงศ์หมิง ก่อนเข้ารับราชการได้พบกับพระเถระผู้ทรงคุณวิเศษสอนให้ท่านเข้าถึงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง จนทำให้ท่านเลื่อมใสศรัทธาตั้งปณิธานให้หลุดพ้นจากความเป็นปุถุชนให้ได้แล้วปฏิบัติ และได้เปลี่ยนชื่อตนเองเป็น “เหลี่ยวฝาน” เพื่อให้ตรงกับปณิธานที่ตั้งไว้  และท่านได้เขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อสั่งสอนบุตรของท่านเอง ต่อมาได้พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน

        หนังสือเล่มนี้ได้เขียนคำสอนลูกไว้ ๔ เรื่อง คือ การสร้างอนาคต,วิธีแก้ไขความผิดพลาด,วิธีสร้างความดี,และความถ่อมตน  ผมจะเล่าให้ฟังย่อๆ

        การสร้างอนาคต (โอวาทข้อที่ ๑) เป็นการเล่าเรื่องประวัติชีวิตของท่านกับคำทำนายทายทักที่ผู้เฒ่าข่ง ชาวอวิ๋นหนาน แห่งวัดฉืออวิ๋นจื้อ ทำนายว่าท่านจะได้เป็นขุนนาง และบอกด้วยว่าจะสอบผ่านทั้งสามชั้น แต่ชั้นจะได้คะแนนมาเป็นที่เท่าใด ทำนายว่าปีใดจะสอบได้เป็นนักเรียนหลวง ได้ข้าวพระราชทานเป็นจำนวนเท่านั้นถัง  ปีใดจะได้สอบขั้นสุดท้าย ปีใดจะได้เป็นนายอำเภอ เป็นนายอำเภอแล้วสามปีครึ่งควรลาออกจากราชการ เพราะอายุ ๕๓ ปีจะสิ้นอายุขัย จะตายอย่างสงบในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เวลาระหว่างตีหนึ่งถึงตีสาม น่าเสียดายจะไม่มีบุตรสืบสกุล นี่ทำนายกันไว้ถึงขนาดนี้ ท่านเหลี่ยวฝานท่านก็บันทึกเอาไว้  และปรากฏว่าเป็นไปตามคำพยากรณ์ทุกเรื่อง แต่พอมาถึงเรื่องได้รับพระราชทานข้าวได้รับการทำนายว่าจะได้รับจำนวนเท่านั้นเท่านี้แล้วจะได้สอบขั้นสุดท้ายเพื่อเตรียมตัวเข้ามืองหลวง กลับไม่ทันได้ครบจำนวนก็ถูกเรียกไปสอบแล้วสอบตก ก็เริ่มสงสัยคำพยากรณ์  แต่พอปีถัดมากลับได้เจอกรรมการตรวจข้อสอบชมว่าตอบได้ดี สั่งให้ไปทำงานด้วยแล้วให้รับพระราชทานข้าวหลวงจนครบจำนวนตามที่ได้รับคำทำนาย จึงเชื่อถือว่าชะตาชีวิตถูกลิขิตมาแล้ว จึงไม่กระตือรือร้น ไม่ทะเยอทะยานขวนขวาย ไม่ดิ้นรนทำให้จิตใจสงบดีและสอบได้

        พอเข้าเมืองหลวงก็ไปอยู่มหาวิทยาลัยแต่ท่านไม่สนใจเรียนเอาแต่นั่งสมาธิ ไม่พูดจา ไม่คิดอะไรทั้งสิ้น แล้วก็ต้องไปเข้ามหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่ง แต่ไปแวะที่วัดชีเสียซานเพื่อคารวะท่านอวิ๋นกุเถระ ได้รับคำสั่งสอนว่า สามัญชนคนธรรมดาเท่านั้นที่ถูกกำหนดได้ตามวิชาโหราศาสตร์ แต่คนทำความดีมากๆแล้วชะตาชีวิตจักทำอะไรได้ โหราศาสตร์นั้นหยั่งไม่ถึงกรรมดีกรรมชั่วของคนเราหรอก คนดีนั้นถึงแม้ชะตาชีวิตจะบ่งไว้ว่าไม่ดีอย่างไร แต่พลังแห่งกุศลกรรมนั้นใหญ่หลวงนัก สามารถพลิกความคาดหมายของโหราศาสตร์ได้ ผู้ที่ประกอบแต่กรรมดีต้องการสิ่งใดก็ได้ อยากได้ลาภยศก็ได้ อยากได้บุตรธิดาก็ได้ อยากอายุยืนก็ได้        ท่านเหลี่ยวฝานก็ยังสงสัยในคำทำนายผู้เฒ่าข่ง ท่านอวิ๋นกุเถระจึงให้ท่านทายดูว่าจะสอบได้เป็นขุนนางหรือไม่ จะมีบุตรได้หรือไม่  ท่านก็บอกว่าไม่ได้เพราะข้อเสียของท่านมีอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย

        ท่านอวิ๋นกุเถระบอกว่า เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ดีอย่างไรและเข้าใจความเป็นไปของฟ้าดินแล้วก็จงเร่งรีบสั่งสมคุณธรรมความดีงามทันที ชะตาชีวิตไม่สามารถควบคุมมนุษย์ไว้ได้เสมอไป จิตใจมนุษย์สำคัญกว่า จิตใจที่ดีงามย่อมกระทำแต่สิ่งที่ดีงามและได้รับผลที่ดีงาม ท่านเหลี่ยวฝานคุกเข้ากราบท่านอวิ๋นกุเถระและอฐิษฐานขอให้ได้เป็นขุนนาง ต่อไปนี้จะเริ่มทำความดีให้ครบสามพันครั้ง เพื่อตอบแทนพระคุณฟ้าดินและบรรพชนของท่าน  ท่านอวิ๋นกุเถระเห้นความตั้งใจของท่านจึงเอาตัวอย่างบัญชีกรรมดีกรรมชั่วมาให้ดูและสอนให้จดบัญชีพฤติกรรมของตนแต่ละวันโดยไม่เข้าข้างตัวเอง กรรมดีก็จดไว้ข้างหนึ่ง กรรมชั่วก็จดไว้ข้างหนึ่ง ต้องนำกรรมชั่วไปลบกรรมดีจนให้เหลือกรรมดีสามพันครั้ง(โดยไม่มีกรรมชั่วหลงเหลือที่ไม่ได้นำไปหักลบอยู่อีก) อะไรผิดอะไรถูกก็รู้จักแก้ไขปรับปรุงตนเองอย่าให้ผิดซ้ำซาก กรรมชั่วเบาๆก็ลบความดีออกเสียครั้งหนึ่ง กรรมชั่วหนักก็ลบความดีออกหลายๆครั้ง

        ท่านเหลี่ยวฝานปฏิบัติอย่างจริงจังในที่สุดเวลาผ่านไปหนึ่งปี ท่านได้รับโอกาสสอบไล่อีกครั้งแต่คราวนี้สอบได้ที่หนึ่ง คำพยากรณ์ของผู้เฒ่าข่งผิดแล้ว เพราะผู้เฒ่าข่งบอกว่าจะสอบได้ที่สาม.....และยังพยากรณ์ว่าสอบครั้งนี้แล้วจะสอบไม่ได้อีก แต่ปรากฏว่าท่านยังสอบได้อีก คำพยากรณ์ไม่อาจกุมวิถีชีวิตท่านเหลี่ยวฝานได้อีกแต่ท่านบอกว่ากว่าจะทำความดีครบสามพันครั้งท่านใช้เวลาเกือบ ๑๑ ปี  จากนั้นตั้งจิตอฐิษฐานใหม่ขอให้ได้ลูกที่ดี จะทำความดีอีกสามพันครั้ง พอรุ่งขึ้นอีกปีก็ได้ลูกที่ชื่อว่า “เทียนซี่” แปลว่าฟ้าประทาน  สามารถลบล้างคำทำนายที่ว่าท่านจะไม่มีบุตร  แม้แต่ภรรยาท่านก็ยังช่วยสามีทำความดี  เพียงสองปีกว่าก็ทำได้ครบสามพันครั้ง คราวนี้อฐิษฐานขอให้สอบจิ้นสือได้ จะทำความดีให้ครบหมื่นครั้ง ต่อมาอีกสามปีก็สอบได้และได้เป็นนายอำเภอ

        ท่านสอนลูกของท่านว่า แม้ลูกจะมีบุญวาสนาชะตาสูงก็อย่ายึดมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป อาจจะมีวันตกต่ำลงได้ ถ้าลูกไม่รู้จักการระวังตัว ยามใดที่ลูกรู้สึกชีวิตมีแต่ความราบรื่นปลอดโปร่งสบายไปทุกสิ่ง ลูกก็อย่ายึดมั่น...ยามใดที่ลูกมีความเหลือเฟือเงินทองไหลมาเทมา ก็อย่ายึดมั่น...ยามใดที่มีคนนิยมชมชอบ เคารพนบนอบต่อลูก ลูกก็จะต้องยิ่งทำตนให้เป็นคนที่น่าเคารพยิ่งๆขึ้น...ต้องเตือนสติตนเองอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่ง ยศศักดิ์ ชื่อเสียง เงินทอง ความสุขทั้งมวลอาจพังพินาศไปในพริบตาเดียว ให้หมั่นประกอบความดี อย่าทะนงตน ให้คงความสูงส่งนั้นไว้ให้ได้ ต้องเคารพบูชาบรรพชน สรรเสริญคุณงามความดีของบรรพชนปกปิดความผิดพลาดของพ่อแม่ไว้อย่าให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูล ชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ต้องเทิดทูนรักษาไว้ด้วยชีวิต ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อองค์ฮ่องเต้ไม่เสื่อมคลาย ต้องสร้างครอบครัวให้มีความสุข ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่ยากไร้ให้ได้ทันท่วงที มีจิตสำรวมระวังอินทรีย์อยู่ตลอดเวลา ต้องสำรวจข้อบกพร่องในตัวเองทุกวันแล้วแก้ไขเสีย......

        ตอนท้ายนี่เหมาะสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันเหลือเกิน อิอิ

หมายเลขบันทึก: 358864เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2010 13:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 12:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีค่ะ  ท่าน อัยการชาวเกาะ

จำได้ว่า หนังสือเล่มเล็กๆ นี้  สมัยยังเด็ก อ่านอยู่นานทีเดียวกว่าจะเข้าใจลึกซึ้งค่ะ อิ อิ  ตอนนี้ก็ยังจำได้  ดีใจค่ะที่ท่านนำมาทำบันทึก  อยากให้ใครๆ อ่านกันมากๆ เลยค่ะ  ขอบคุณค่ะ  ระลึกถึงท่านเสมอ  มีความสุขมากๆ นะคะ  ()

ปล.  ขออนุญาต และขอขอบคุณค่ะ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8134

สวัสดีค่ะ

  • สองวันก่อนดูข่าวโทรทัศน์
  • พิธีเปิดศาลที่ เกาะสมุย
  • ก็คิดถึงท่านอัยการชาวเกาะค่ะ
  • วันนี้จึงแวะมาเยี่ยมเยียน 
  • ขอบพระคุณข้อคิดมากมายจากบันทึกนี้ค่ะ
  • เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองดีแท้ค่ะ

แม้ลูกจะมีบุญวาสนาชะตาสูงก็อย่ายึดมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป อาจจะมีวันตกต่ำลงได้

ขอบคุณบันทึกดีๆนี้ค่ะ

สวัสดีครับคุณนีนานันท์

หนังสือเล่มนี้จะว่าไปแล้วมันปลุกจิตสำนึกของผมให้รู้สึกว่าการทำความดีสามารถเอาชนะสิ่งเลวร้ายทั้งปวงได้ โชคชะตาฟ้าลิขิตเราสามารถพิชิตได้หากเรามุ่งมั่นทำความดีเพื่อผู้อื่น และผมก็ได้รับการตอบสนองในบางสิ่งบางอย่างเมื่อคิดช่วยเหลือยายแก่ๆคนหนึ่งโดยไม่คิดจะได้รับสิ่งตอบแทนคืน ยายบอกว่าสวดมนต์ภาวนาขอให้ผมได้รับสิ่งดีๆในชีวิต เพียงไม่นานผมก็ได้รับโชคลาภอย่างไม่คาดฝันครับ

ขอบคุณที่ยังระลึกถึงครับ

สวัสดีครับครูอิง

แฮ่ะๆ ผมอยู่เกาะภูเก็ต อิอิ

ขอบพระคุณที่ยังคิดถึงกันครับ

สวัสดีครับคุณใบบุญ

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีค่ะ

คำสอนที่ดีจะใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย จริงๆ แล้ว กิเลสมันก็ตัวเดิมๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั่นแหละ เคยอ่านในวัยเยาว์ ทำให้ทำใจได้ในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อกลับมาอ่านอีก ก็จะพบรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม คงเพราะเราได้รู้จักกับกิเลสมากขึ้น (ว่าเข้านั่น...)

ศิริวรรณค่ะ

สวัสดีครับคุณศิริวรรณ

ประสบการณ์ชีวิตก็จะมีส่วนในการอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างมีอรรถรสและความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นครับ

สวัสดีค่ะ คุณลุงอัยการ

ห่างหายจากเครื่องคอมฯเสียนาน วันนี้มีโอกาสเลยแวะมาทักทายค่ะ สบายดีนะค่ะ

มหาวิทยาลัยจะเปิดแล้ว ปีนี้เรียนกฏหมายด้วยหละ(ได้ขอคำปรึกษาลุงแน่ๆ อิอิ)

แอ้ม เมืองขนมหวาน

สวัสดีค่ะ ท่านอัยการชาวเกาะ

  • หนังสือเล่มนี้ดิฉันซื้อเป็นของขวัญให้ลูกที่ได้ทำงานค่ะ  อ่านแล้วเห็นว่าสอนได้ดีมากๆ   ตัวดิฉันเองอยากจะสอนลูกในเรื่องเหล่านั้น   แต่ลูกบอกว่าดิฉันสอนมากไป...แหะ...แหะ ...ก็เลยต้องใช้หนังสือเป็นสื่อช่วยสอนค่ะ
  • ระลึกถึงเสมอค่ะ

สวัสดีหนูแอ้ม

ดี..ขยันเรียนนะ จะได้เป็นที่พึ่งของแม่..

สวัสดีครับครูปริมปราง

บางทีการสอนลูกไม่ต้องพูดมากก็ได้ ใช้วิธีการให้อ่านหนังสือนี่แหละ ลูกรู้ว่าเราอยากบอกอยากสอนอะไร ทุ่นแรงดี อิอิ

ขอบคุณที่ยังระลึกถึงครับ

อ่านแล้วมีกำลังใจในการทำดีมากขึ้นค่ะ

สวัสดีครับ พ.ญ.อัจฉรา

หนังสือเล่มนี้น่าอ่านมาก เพราะอ่านแล้วไม่เครียด อ่านแล้วจะไม่รู้สึกว่าทำไมทำความดีแล้วไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งยังให้กำลังใจคนที่ดวงชะตาที่ถูกทำนายว่าไม่ดี ให้หมั่นสร้างความดีเพื่อท้าทายโชคชะตา (อย่างที่ผมทดสอบและเห็นผลมาแล้วบางส่วน)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท