Shebelle
ศิรภา เบลล์ เฉลิมวีรพงษ์

รีวิวญี่ปุ่น โดยฮาจิจัง (น้องผึ้ง)


งานนี้เบลล์ไม่ได้ไปเอง แฮ่ๆ แต่แอบไปตกลงกันก่อนแล้วว่าจะเอาบันทึกการเดินทางของผึ้งมาลง รับชมกันได้เลยจ่ะ

การเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งนี้ เป็นการไปญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตของผึ้งเลย เป็นประเทศในฝันเลยที่ผึ้งอยากไปเหยียบมากที่สุดซักครั้งในชีวิต ตามภาษาของคนบ้าการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างผึ้งด้วยอ่ะนะ ก็ต้องขอบคุณสปอนเซอร์รายใหญ่ครั้งนี้ที่ให้ทุนสนับสนุนทำฝันของผึ้งให้เป็นจริง นั่นก็คือ “เจ้มุก” พี่สาวคนรองของผึ้งเอง อิอิ

สถานที่ที่ผึ้งไปญี่ปุ่นในครั้งนี้ ก็ไปตั้งแต่ โตเกียว นาโงยะ ชิสึโอกะ เกียวโต ยันโอซาก้าเลย และสิ่งที่ผึ้งชอบใจประเทศญี่ปุ่นก็มีมากมาย เดี๋ยวลองไล่ๆ ดูนะ เพราะบางทีมันนึกออกมาไม่หมด

อากาศ” ช่วงที่ผึ้งไปจะอยู่ที่ 4 องศา ถึง 25 องศา โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 10 องศา อากาศดี เย็นสบาย

บ้านเมือง” เป็นระเบียบ สะอาดเรียบร้อย จุดทิ้งขยะก็จะเป็นถุงๆ มัดมิดชิดเรียบร้อย กองกันไว้ และมีการแยกขยะที่ชัดเจนมาก

รถ” ไม่มีรถเก่าเลย มีแต่รถใหม่ๆ แบบเท่ๆ สปอร์ตๆกันทั้งประเทศ มีตั้งแต่ เฟอร์รารี่ อัลฟ่า ปอร์เช่ และอื่นๆมากมาย

คนญี่ปุ่น” ทุกคนเป็นคนมีระเบียบวินัย อย่างการขึ้น-ลง บันไดเลื่อนก็จะยืนชิดซ้ายกันหมด ให้ทางขวาเป็นทางสำหรับคนที่ต้องการเร่งรีบ อย่างตอนดูพาเรท ถ้าเค้าอยู่แถวหน้าๆกันเค้าก็จะนั่งลงเพื่อไม่ให้บังคนข้างหลัง และก็ไม่จำเป็นต้องมีเชือกมากั้นด้วย

การจราจร” แม้คนญี่ปุ่นจะเยอะ มาก แต่รถกลับไม่ติด เพราะมีระบบสัญญาณไฟแบบว่า เขียวก็เขียวทั้งเส้น แดงก็แดงทั้งเส้น แถมสัญญาณไฟทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่มีตำรวจมาคอยกด
"รถไฟ” ที่ผึ้งไปนั่งคือชินคันเซ็นนะ ที่เคยเป็นรถไฟที่เร็วที่สุดในโลก แต่สมัยนี้มันก็ไม่เร็วที่สุดแล้วล่ะ ชินคันเซ็นจะมี 3 แบบ คือ วิ่งยาวระหว่างจังหวัดใหญ่ๆ วิ่งระหว่างเขต และวิ่งแวะทุกป้าย ที่ผึ้งนั่งคือวิ่งสั้นๆ เลยไม่เร็วเท่าไหร่ แต่ถ้าวิ่งรวดยาวๆแบบไม่แวะป้าย มันถึงจะเร็วจี๋ ซึ่งระหว่างที่ยืนรอ ก็เห็นขบวนนี้เหมือนกัน วิ่งอย่างไว ฟวับๆๆ ถ่ายรูปไม่ทัน 555

พนักงาน” หรือแม่ค้า พ่อค้าทั้งหลาย ต่างให้การต้อนรับแบบสุดๆ ตั้งใจทำงานกันมาก ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ ถึงเราจะไม่ซื้อของเค้า เค้าก็จะโค้งขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมในร้าน และเวลาเราเลือกเดินซื้อของในร้าน ก็จะไม่มีใครมาคอยตามติดแจ หรือมาจ้องๆ ที่นี่เค้าไม่มีขโมย เลยไม่มีใครมานั่งจ้องกลัวของหาย และเวลาเราต้องการสินค้าอะไรหรือจะถามอะไร ก็เดินไปถามพนักงานที่ยืนยิ้มอยู่ เค้าก็จะตั้งใจตอบมาก 

ภาษา” อย่างที่รู้ๆกันว่าคนญี่ปุ่นมักจะพูดแต่ภาษาญี่ปุ่น แต่ใช่ว่าเค้าจะฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องนะ เค้าพอฟังออกแต่เค้าจะพูดไม่ค่อยได้ อย่างมีครั้งนึงที่เจ้มุกจะถามพนักงานว่าโชว์นี้จะเริ่มกี่โมง (ถามเป็นอิ้ง) พนักงานเค้ายิ้มๆตอบว่า “The Tour….start-to…..yon ji” เจ้มุก “………” แล้วเจ้ก็หันมาถามผึ้งว่า “yon ji นี่มันกี่โมงอ่ะ” ผึ้งเลยตอบว่า “4 โมงเย็นไงเจ้” =___,= พนักงานมีความพยายามสูงในการตอบ 

“แฟชั่น” ตอนผึ้งไปโตเกียว ย่านชินจูกุที่เป็นแหล่งพลาซ่าใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น คนเยอะมาก ผึ้งเดินๆก็เหนื่อยๆ เมื่อยๆ เลยนั่งพัก แล้วก็นั่งมองคนเดินผ่านไปผ่านมา โหววววว สุดๆเลย อย่างกับนั่งดูแฟชั่นโชว์ ที่ไม่ซ้ำแบบกันเลย ที่นั่นมันฟรีแฟชั่นมาก ใครอยากแต่งไงก็แต่ง มีตั้งกะแบบหรูยันเซอๆ อารมณ์แต่งมาเป็นอลิซาเบธก็มี เย้ยยย สุดๆๆ ชอบๆ ผึ้งนั่งดูเพลิน รู้ตัวอีกทีผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง!!! เย้ยยย !!!

หน้าตา” ขอบอกว่า ถ้าท่านมองเผินๆ คนญี่ปุ่นทุกคนจะเป็นคนที่หน้าตาสวยหล่อไปหมดเลย เพราะดูจากลักษณะการแต่งตัวที่ดูสวย เท่ ดูดี มีสไตล์ มีรสนิยม ไม่มีใครใส่เสื้อยืด รองเท้าแตะ เกงยีนธรรมดาๆมาเดินหรอกนะ มีแต่ไฮโซๆทั้งนั้น แต่ถ้าท่านจ้องดีๆ มองลึกๆ มองทะลุแป้งไปเลย จะเห็นว่าคนญี่ปุ่นหน้าตาสู้คนไทยไม่ได้ โดยเฉพาะสาวญี่ปุ่นที่เอ่อ ฟันไม่สวย ขาใหญ่ และก็หน้าใหญ่ๆ ซะส่วนใหญ่ แต่ที่สวยๆ น่ารักๆจิงๆก็มีนะ แต่จะเห็นแค่ในโตเกียว ส่วนที่อื่นหาไม่มี ถ้าเป็นผู้ชายจะดูเท่ๆไปหมดทุกคน อย่างกับหลุดมาจากในการ์ตูน ยิ่งเป็นหนุ่มน้อยในชุดนักเรียนนะ โฮกมากๆ ตัวขาวๆ ที่หาไม่มีในไทย (ชักจะหื่น อยากฉุดกลับไทยจิงๆ)

ห้องน้ำ” อันนี้ขาดไม่ได้เลย ตอนเข้าห้องน้ำ ชักโครกมันไฮโซมาก มีปุ่มไรไม่รู้เยอะแยะ ภาษาญี่ปุ่นอีก เง้อ พอนั่งลงไปที่ส้วม ฝามันก็อุ่นๆ เพราะมีเครื่องทำให้อุ่นนะ (อากาศมันหนาว) แถมมีน้ำหมุนๆ เหมือนเครื่องทำงาน พอทำธุระเสร็จก็มีปุ่มกดฉีดน้ำว่าจะฉีดมุมไหนยังไง แรงดันเท่าไหร่ อุณหภูมิเท่าไหร่ แถมวิถีน้ำที่ฉีดมา ตรงเปะอีก สะดุ้งเลย พอลุกขึ้นมา ผึ้งก็มัวแต่หาปุ่มกด ที่ไหนได้ มันกดเองอัตโนมัติวุ้ย โอ้วว ส้วมไฮโซ ทำผึ้งไม่กล้าถ่ายหนักเลย 5555

โรงแรม” ที่ผึ้งไปพักจะมีตั้งแต่ระดับ 3 ดาว ยัน 5 ดาวนะ แต่เรื่องความต่างคงเป็นที่ความกว้างของห้อง และก็ดีไซน์ล่ะนะ นอกนั้นมันให้เหมือนกันหมด โดยที่ถ้าใครจะไปญี่ปุ่น บอกก่อนเลยว่าพกไปแต่เสื้อผ้า ชุดชั้นใน และอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ เพราะทุกโรงแรมมันมีพวกแปรงสีฟัน ยาสีฟัน แชมพู ครีมนวด สบู่เหลว หวี ที่โกนหนวด อารายทุกอย่างให้พร้อมเลย แถมพวกครีมๆ มันเป็นยี่ห้อชิเชโด้หมดเลยด้วย มีกระทั่งชุดนอนเตรียมให้ เป็นยูกาตะ และสายโอบิ พร้อมกับรองเท้าให้เดินในโรงแรมได้ และก็ใส่นอนได้เลย กรณีอากาศหนาวเย็น มีเสื้อคลุมให้อีกด้วย


ความอดทน” คนญี่ปุ่นทุกคนมีความอดทนสูงมาก ในการรอคอยต่างๆ ที่เห็นๆก็คือการต่อแถวรอทำอะไรซักอย่างนี่ล่ะ แถวมันยาวไกลโพ้น ก็สามารถยืนรอกันได้หลายชั่วโมง ถ้าอย่างเราๆ แค่เห็นคิวยาวก็เบือนหน้าหนีละ แต่ที่นี่เรื่องต่อคิวคงเป็นเรื่องเล็กมาก
อนามัย” เวลาคนญี่ปุ่นรู้ว่าตนเองเป็นหวัด ไม่สบาย เค้าจะใส่ผ้าปิดปากตลอด กันไม่ให้ไปติดคนอื่น

ซากุระ” ช่วงที่ผึ้งไปมันเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็ยังมีซากุระให้เห็น เป็นดอกไม้ที่งามเหมือนที่เห็นในทีวีเลย ยิ่งตอนดอกมันร่วงๆ ลงมา ไปยืนทำมิวสิคที จะแหล่มมาก แต่จะอนาถใจเวลาฝนตก เพราะคนทำความสะอาดที่พื้นคงขำไม่ออก

"องเซ็น” หรือก็คือการแช่บ่อน้ำพุร้อน ที่ผึ้งไปก็มีการไปองเซ็นด้วย ซึ่งก็แอบอายนะเพราะต้องโป๊หมดจิงๆ คนญี่ปุ่นเค้าเดินล่อนจ้อน โทงๆเข้าไปแบบเฉยๆ เราเลยต้องเนียนๆไป ขืนเลิกลัก มีหวังเป็นจุดสนใจในบัดดล แช่ไปจุ่มเท้าครั้งแรก อุ้ยยย ร้อนจี๋เลย (อุณหภูมิน้ำประมาณ 40 องศา) แต่พอแช่ไปแล้วสุขสุดๆ ไม่ใช่ตัวสุกนะ สุขแบบมีฟามสุขนี่ล่ะ ยิ่งอากาศหนาวๆแล้วได้แช่ มันช่วยผ่อนคลายและก็แก้ปวดตามส่วนต่างๆได้ดีเลยล่ะ

ส่วนสิ่งที่ผึ้งแอบไม่ปลื้มก็คือ

อาหาร” ที่นี่อาหารจะค่อนข้างจืดๆ รสดั้งเดิมเกินไป จนทำให้รู้สึกเลี่ยนๆ เมื่อเทียบกับในไทย โดยเฉพาะพวกชาบูชาบู มันไม่มีน้ำจิ้มให้ เลยรู้สึกจืดชืด และพวกซีฟู๊ด อาหารทะเลสดๆก็ไม่มีน้ำจิ้มเช่นกันหรือถ้าเป็นน้ำจิ้มก็จะแปลกๆเช่น ขาปูเนี่ย ที่ญี่ปุ่นใช้จิ้มกับน้ำส้มสายชู และสตอเบอร์รี่เค้านิยมจิ้มกับนมข้น =__,= (ดีที่ไกด์เค้าเตรียมที่จิ้มทุกอย่างสำหรับคนไทยไว้พร้อม)

มด” ที่ว่ามดเนี่ยไม่ได้หมายถึงมดไต่ๆ ที่ชอบน้ำตาลนะ แต่หมายถึงคนญี่ปุ่นเนี่ย มีเยอะเป็นมดเลย คนเยอะเกินไป ไม่ว่าจะไปสถานที่ไหนๆ คนก็เยอะ ยั้วเยี้ยไปหมด ทำให้ต้องมีการรอคอย ซึ่งก็ไม่เหมาะกับคนอย่างผึ้งซักเท่าไหร

"แคบ" ก็อย่างที่รู้ๆกันนะว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประชากรมากล้นเกินพื้นที่ที่มีอยู่ของประเทศ ทำให้ไม่ว่าอะไรมันก็เป็นการประหยัดเนื้อที่ไปซะหมด อย่างเช่นในโรงแรมงี้ ต่อให้เป็น 5 ดาวนะ ทางเดินก็ยังแคบ พื้นที่ในห้องก็ไม่ค่อยจะใหญ่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับโรงแรมของประเทศอื่น หรือเทียบกับประเทศไทย เป็นการใช้เนื้อที่ทุกส่วนได้คุ้มค่ามาก แต่ก็นะมันก็ทำให้รู้สึกอึดอัดบ้างในบางครั้ง

เบลบอย” หรือที่ว่าคนขนกระเป๋าในโรงแรมนี่ล่ะ ที่ญี่ปุ่นมันไม่มีเบลบอยคอยมายกกระเป๋าให้ ทำให้เวลาจะไปหรือมา ขึ้นหรือลง ไม่มีคนคอยหิ้วกระเป๋าให้ ต้องหิ้วเอง (หรือว่าผึ้งขี้เกียจเองหว่า)

"เครื่องบิน” อันนี้ไม่ใช่สายการบินของญี่ปุ่นหรอกนะ ผึ้งนั่งสิงคโปร์แอร์ไลน์ และก็มีโอกาสได้นั่งเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย หรือก็คือ A380-800 นั่นเอง แต่ถึงจะมีเกมส์มีทุกอย่างให้เล่น แต่ผึ้งไม่ปลื้มกับเบาะมากๆ นั่งแล้วเมื่อยสุดๆ ยิ่งต้องบินยาวๆ ล่ะปวดหลัง นอนไม่หลับเลย ต่อให้เอน เบาะมันก็เอนได้นิดเดียวเอง แถมแอร์นี่มันก็ดุชะมัดรวมๆเลยไม่ค่อยปลื้ม


ประเทศญี่ปุ่นโดยรวมก็เป็นประเทศที่เหมาะแก่การไปเที่ยวอย่างยิ่ง แต่ไม่เหมาะที่จะไปปักหลักอยู่อาศัยนะ ถ้าเป็นไปได้ผึ้งก็อยากไปอีกหลายที่ในญี่ปุ่นเลยล่ะ ใครที่ยังไม่เคยไป ถ้ามีโอกาสก็ลองไปดูนะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ อิอิ
หมายเลขบันทึก: 358000เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2010 14:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 12:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เสียดายจังที่ไม่เห็นรู้ภาพที่ถ่ายมา

อ่านแล้วเพลินดี สนุก และบวกทำให้อยากไปครับ

ขอบคุณแทนผึ้งที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ เจ้าตัวบอกให้ลงได้แต่ภาพวิว ฮาา

บทความนี้ทำให้เบลล์อยากไปซะเองเช่นกันค่ะ ^____^v

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท