เมื่อเยาวชนค้าประเวณี


เยาวชน ค้าประเวณี

เมื่อเยาวชนค้าประเวณี

          เกี่ยวกับการนำเด็กและเยาวชนมาค้าประเวณีนั้น  ประเทศไทยเคยมีข่าวโด่งดังและมีชาวต่างชาติจำนวนมากเข้ามาซื้อหาบริการ  กระทั่งเรื่องเลวร้ายนี้ถูกนานาประเทศต่อว่าต่อขานอย่างรุนแรงในเวทีโลกมานานหลายปี  เป้นเหตุให้ผู้นำประเทศของไทยหลายต่อหลายคนต้องเดินทางไปตอบคำถามในที่ประชุมสหประชาชาติว่าจะปกป้องคุ้มครองไม่ให้เด็กและเยาวชนต้องตกเป็นเครื่องบำเรอทางเพศที่เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร

          เหตุนี้เองที่ทำให้ในช่วงเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา  ไทยเราจึงมีนโยบายและมาตรการหลายอย่างในการป้องกันแก้ไขนี้  และสามารถปรับแก้กฎหมายให้เอาโทษต่อผู้ที่อยู่ในกระบวนการค้าประเวณีทั้งหลาย  โดยเฉพาะกรณีที่จัดหา  ล่อไป  ชักพาไป  หลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือร่วมประเวณีกับเด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี โดยโทษนั้นหนักถึงขั้นจำคุกและปรับ ดังตัวอย่างที่บุคคลที่มีตำแหน่งสูงถึงระดับรองประธานวุฒิสภาและระดับผู้กำกับการตำรวจต้องโทษจำคุกด้วยข้อหาเหล่านี้มาแล้ว 

          ส่วนการป้องกันนั้น ได้มีมาตรการให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่เสี่ยงและอยู่ในครอบครัวเสี่ยงได้มีโอกาสรับการศึกษาเพิ่มมากขึ้น  กระทั่งจำนวนเด็กและเยาวชนที่ถูกนำไปค้าประเวณีลดน้อยลงถอยลงไปเป็นจำนวนมาก

          ระยะเวลาต่อมา การค้าประเวณีกลับเปลี่ยนแปลงเฟื่องฟูขึ้นมาอีกในรูปลักษณ์ใหม่ โดย   พบว่ามีเยาวชนไทยอาศัยความทันสมัยของเทคโนโลยีเป็นช่องทาง “เปิดตัวเพื่อการค้าประเวณี” อย่างชัดแจ้ง  ด้วยการให้รายละเอียดอายุ  หมายเลขโทรศัพท์  ราคา  ค่าตัวเสร็จสรรพ  ในบางช่องทางมีรายละเอียดกระทั่งภาพและสัดส่วนปรากฏให้เห็นอีกด้วย

          ความโจ่งแจ้งเช่นนี้  เป็นเหตุ ให้ผู้คนในสังคมที่ทราบข่าวอดทนรอไม่ไหว  พากันร้องเรียนจนเป็นข่าวและเพราะ “เป็นข่าว” หน่วยงานต่างๆ จึงรีบลุกขึ้นมาจัดการ  โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้วิธี”ล่อซื้อ” จนรวบตัวบรรดาเยาวชนหญิงที่ค้าประเวณีเหล่านั้นได้  แต่สิ่งสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตระหนักยิ่งก็คือจะต้องสืบเสาะรวบตัว  “ตัวกลาง”ให้ได้โดยเร็วมากกว่าจะพุ่งเป้าจัดการกับเยาวชนที่ค้าประเวณีเท่านั้น

          เมื่อเรื่องราวปรากฏขึ้นเช่นนี้  ผู้เขียนในฐานะคนทำงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนมาโดยตลอด  จึงได้รับการติดต่อสอบถามจากบรรดาสื่อสารมวลชนหลายแขนงว่า  ปัญหานี้จะป้องกันและแก้ไขอย่างไร  คำตอบโดยสรุปของผมเป็นดังนี้ครับ

              หนึ่ง... กฎหมายนั้นมีอยู่  ขอเพียงเจ้าหน้าที่บ้านเมือง “บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง” เพราะกฎหมายบัญญัติชัดเจนว่า ผู้โฆษณา รับโฆษณา ชักชวน  แนะนำด้วยเอกสารสิ่งพิมพ์หรือกระทำให้แพร่หลายด้วยวิธีใดไปยังสาธารณะในลักษณะที่เห็นได้ว่าเป็นการเรียกร้องหรือการติดต่อเพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสองปี  หรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

              ความข้อนี้  ขอให้เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ  กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงเทคโนโลยีฯต้องไปตรวจตรานิตยสาร วารสาร และเว็บไซด์ต่างๆ มากมายครับที่เข้าข่ายเช่นนี้  จับปรับและปิดเสียให้เข็ด

              สอง... ประชาสัมพันธ์ให้รับรู้อย่างกว้างขวางว่า ผู้ใดมีประเวณีกับเด็กชายหรือเด็กหญิงที่อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี จะมีโทษ “ติดคุกและถูกปรับ”ไปพร้อมกัน  คือจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหกหมื่นบาท  แต่ถ้าใครมีประเวณีกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีลงมามีโทษจำคุกสองปีถึงหกปีและปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงแสนสองหมื่นบาท

              ความข้อนี้  หากมีการจับติดคุกและเป็นข่าวเรื่อยๆ ย่อมกำหราบชายนักเที่ยวทั้งหลายได้ชะงัด  แต่ข้อนี้ยังมีจุดอ่อนก็คือยังไม่สามารถเอาผิดชายผู้เที่ยวที่ร่วมประเวณีกับเยาวชนที่อายุเกินกว่าสิบแปดปีได้  ซึ่งควรแก้ไขกฎหมายเอาโทษชายที่มีประเวณีกับผู้ค้าประเวณีทุกคน  มากกว่ามุ่งเอาผิดต่อผู้ค้าประเวณีเช่นที่ผ่านมา

              สาม...รณรงค์สำนึกต่อกลุ่มเด็กและเยาวชนในการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย  ส่งเสริมการทำกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและสามารถเขาถึงกิจกรรมสร้างสรรค์  เพื่อห่างจากสิ่งเร้ากระตุ้นทางเพศให้มาก  ซึ่งจะเป็นการหล่อหลอมความคิดและมีผลในระยะยาวให้พวกเขาก้าวไปในทางที่ถูกต้องมีคุณค่าได้

        สำคัญเพียงแต่ว่า ผู้ใหญ่ทุกระดับในสังคม ต้องการจะส่งเสริมพวกเขาไปในทางที่ดีอย่างแท้จริงหรือไม่  หากต้องการและมุ่งหวังให้เป็นเช่นนี้  ลงมือกระทำตนเป็นแบบอย่างและทุ่มเทส่งเสริมพวกเขาเสีย เพราะอีกไม่นานนักพวกเขาก็จะเติบตนขึ้นมาดูแลสังคมไทยแทนพวกเรามิใช่หรือ

                                   .............................................

 

 

หมายเลขบันทึก: 356599เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2010 10:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 14:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

มีข่าวจากเพื่อนๆ ครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ที่จะใช้เวลายามค่ำคืนสำรวจไปทั่วกรุงเทพฯและจังหวัดรอบๆ ได้แก่ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ เพื่อคอยดูแลช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนทั้งหลาย แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขาเล่าแล้ว ผมฟังด้วยความทุกข์ใจก็คือ ปัจจุบันพบว่ามีวัยรุ่นค้าประเวณีอยู่ไม่น้อยในสองรูปแบบ หนึ่ง..ยืนรอคอยอยู่ตามสวนหย่อมต่างๆ เพื่อรอคอยให้รถยนต์โฉบเข้ามาต่อรองราคาและพาขึ้นรถไป สอง...จะซ้อนรถมอร์เตอร์ไซด์เพื่อนชายมาลงในจุดที่มีผู้คนมากๆ เพื่อชักชวนให้ซื้อบริการ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยก็ไปโรงแรมในย่านนั้นๆ โดยเพื่อนชายจะขับรถมอเตอร์ไซด์ไปรอรับกลับมาจากโรงแรมและพามารอเรียกแขกในจุดเดิม เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ (เข้าทำนองหญิงค้าประเวณี ชายเป็นแมงดา)

ทราบแล้วทุกข์ใจมากกับการที่เยาวชนหญิงของบ้านเราต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ในขณะที่ฝ่ายชายเองก็หาความสุขบนเรือนร่างหญิงอื่นโดยขาดการยั้งคิด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท