นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การเกิด โรคระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอเอช1เอ็น1 ทั่วโลกตื่นตัวเฝ้าระวัง สำหรับประเทศไทยโดยกระทรวง สาธารณสุขได้มีมาตรการดำเนินการเฝ้าระวังโรคดัง กล่าวอย่างเข้มงวด ประชาชนก็ควรจะดูแลป้องกันสุขภาพ ตนเองไม่ให้เป็นโรคหวัด ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและ สบู่
การใช้สมุนไพรไทยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะสมุนไพรไทยมีศักยภาพในการป้องกันรักษาโรคหวัดได้ คือ สมุนไพรฟ้าทะลายโจร มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata Wall. Ex Nees เป็นพืชสมุนไพร ที่ปลูกง่าย และพบทั่วไปในประเทศไทย มีสรรพคุณ แก้ไข้ แก้เจ็บคอ และแก้อาการท้องเดิน โดยสามารถใช้ได้ทั้ง ต้นสดหรือแห้ง
ปัจจุบันฟ้าทะลายโจรถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติและได้มีการกำหนดมาตรฐาน เพื่อการควบคุม คุณภาพของวัตถุดิบไว้แล้วในตำรามาตรฐานยาสมุนไพรไทย (Thai Herbal Pharmacopoeia)
จากรายงานการศึกษาทางคลินิกว่าสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิผลดีในการลดไข้ แก้อัก เสบ แก้เจ็บคอ แก้ปวดศีรษะ รักษาโรคไซนัสอักเสบและใช้ได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดและเจ็บคอแม้แต่ใน ประเทศปัจจุบันจีนมีการใช้ยาเม็ดฟ้าทะลายโจรรักษาโรคทางเดินหายใจส่วนต้นติดเชื้อ และรักษาต่อมทอนซิล อักเสบเฉียบพลัน
ความปลอดภัยของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรนั้น ได้มีการศึกษาแล้วพบว่า ปลอดภัย สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และป้องกันการเกิดอันตรายต่อเซลล์ตับ (Hepatoprotective effect) ได้อีกด้วย จึงควรส่งเสริมให้มีการนำสมุนไพร ฟ้าทะลายโจรมาใช้ป้องกันหรือบรรเทาอาการหวัดเบื้องต้น
ประชาชนสามารถใช้ผงฟ้าทะลายโจรแห้งขนาด 1 กรัมหรือบรรจุ 2 แคปซูลๆ ละ 500 มิลลิกรัม รับประทาน วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน เพื่อแก้ไข้หรือเจ็บคอ สำหรับข้อพึงระวังในการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจร คือหญิงมีครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรใช้ นอกจากนี้ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจทำให้จุกเสียด มึนงง เบื่อ อาหาร หรือหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการชาหรือแขนขาอ่อนแรง
เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง โดยจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา ซึ่งการไอและจาม แต่ละครั้งทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายออกไปได้ไกลถึง 1-5 เมตร และลอยปะปนอยู่ในอากาศทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด มีโอกาศได้รับเชื้อ ดังนั้นผู้ป่วยควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นในที่สาธารณะเพราะจากงานวิจัยของ องค์การอนามัยโลกพบว่า การใส่หน้ากากอนามัยสามารถลดการแพร่กระจายของเชื้อที่ติดมากับละอองฝอยได้ถึง ร้อยละ 80
สำหรับประชาชนทั่วไปไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย เพียงพกผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชู่ติดตัว หากพบคนไอหรือจามให้นำผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชู่ปิดปากและจมูกของตนเอง เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส ได้ ทั้งนี้เชื้อไวรัสดังกล่าวเป็นเชื้อที่ตายง่าย สามารถใช้น้ำผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาดหรือทำลายเชื้อได้ ดังนั้นเมื่อใช้หน้ากากอนามัยหรือผ้าเช็ดหน้าแล้ว นำมาซักด้วยผงซักฟอกแล้วสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก
ที่มา http://203.172.142.10/information/beta/nanasara003.htm
|