นายกกับเด็กและเยาวชน


นายกรัฐมนตรี เด็กและเยาวชน

 นายกกับเด็กและเยาวชน

           สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กไทยในปัจจุบันนี้  ทั้งปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง  ถูกทำร้ายทารุณกรรม  ถูกนำมาเป็นเหยื่อทางเพศ แรงงาน ขอทาน ค้ายาเสพติด ท้องก่อนวัยอันควร ทำแท้ง เที่ยวเตร่มั่วสุมกับอบายมุข ติดการพนัน สุรา หวย เกมส์ รวมถึงปัญหาครอบครัวแตกแยกหย่าร้างในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี  ปัญหาครอบครัวแบบใหม่ที่พ่อแม่อยู่ในช่วงวัยรุ่น  ไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอในการเลี้ยงดูลูก ฯลฯ

           เหตุที่สภาพการณ์เหล่านี้ รุนแรงและยากต่อการป้องกันแก้ไขนั้น  มาจากสาเหตุหลายประการ  แต่สาเหตุสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงก็คือหลายต่อหลายยุคสมัยที่ผ่านมานั้นฝ่ายบริหารที่นำโดยฝ่ายการเมืองคือบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความสนใจดำเนินการในเรื่องการดูแลเด็กและเยาวชนของชาติอย่างจริงจัง จริงใจและต่อเนื่อง

          สำหรับยุคนี้  ยุคที่ประเทศไทยจองเรามีนายกรัฐมนตรีหนุ่ม  ความรู้ดี มาจากครอบครัวที่มีฐานะมั่นคงงดงาม  ทำให้เหล่าคนทำงานด้านเด็กและเยาวชนเฝ้าติดตามถึงแนวนโยบาย  แนวคิดและแบบแผนในการดำรงชีวิต  การทำงานอย่างใกล้ชิด  ซึ่งในระยะเวลาที่ผ่านมา  ประเมินนายกฯคนนี้โดยสังเขปแล้ว พบว่า

          1.มีภาพลักษณ์และเป็นแบบอย่างได้ดี  ตั้งแต่การใส่ใจในการศึกษาของลูก  การให้เวลาและความสำคัญต่อครอบครัว  การวางตนที่เรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้ออวดร่ำอวดรวย  นี่คือแบบอย่างและภาพลักษณ์ที่ดีที่สังคมต้องการ

          2.ใส่ใจและให้โอกาสแก่เด็กและเยาวชน  ยังเป็นภาพที่เห็นอย่างต่อเนื่องที่เหล่าเยาวชนทั้งระดับแกนนำ  นิสิตนักศึกษาและหัวเมืองทั่วไป เมื่อติดต่อขอเข้าพบ ก็ได้พบโดยไม่ยากนัก  และตลอดเวลาการพูดคุย  สะท้อนปัญหาและเสนอแนะหลายต่อหลายเรื่อง  นายกฯได้รับฟังอย่างสนใจและให้ความสำคัญต่อข้อเสนอแนะที่ดีและร่วมผลักดันให้สำเร็จ

          3.ทักท้วงในสิ่งที่จะกระทบต่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว  ในการประชุมคณะรัฐมนตรีหรือในการประชุมทั่วไป  หากมีการนำเสนอเรื่องอะไรขึ้นมาพิจารณาแล้วมีผลกระทบต่อเด็ก  เยาวชนและครอบครัว  การทักท้วงเพื่อให้เกิดความรอบคอบจากนายกรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นเสมอ  เด่นชัดในเรื่องหวยออนไลน์ที่ให้กลับไปศึกษาอย่างจริงจังถึงผลกระทบที่จะมีขึ้นต่อสังคมโดยรวม  จนประเมินได้ว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย”จนตัดสินใจเลิกราลง หรือกฎเกณฑ์การควบคุมร้านเกมส์ที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำให้ได้จริงและเป็นผล

          4.รุกดำเนินการเพื่อเด็กและเยาวชน  เจตนารมณ์ชัดเจนภายหลังดูแลให้เด็กๆได้ศึกษาฟรี 15 ปีแล้ว  สิ่งที่ประกาศต่อเนื่องและได้เร่งรัดให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการก็คือ

               -คุณภาพในการดูแลเด็กเล็ก  (ปฐมวัย) ในศูนย์เด็กทั่วประเทศ  ซึ่งขณะนี้มีอยู่หนึ่งหมื่นแปดพันแห่งทั่วประเทศ  โดยมุ่งดำเนินการพัฒนาและดูแลครูผู้ดูแลเด็ก  พร้อมสนับสนุนสื่อเข้าเสริม  ทั้งนี้ได้อาศัยฐานความพร้อมจากมหาวิทยาลัยราชภัฎทั่วประเทศสนับสนุนการฝึกอบรมและเสริมช่วยในด้านต่างๆ

               -สนับสนุนให้สถานประกอบการเปิดศูนย์ดูแลเด็กลูกคนงาน  นับเป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่พบว่าสถานประกอบการทั่วประเทศหลายหมื่นแห่งมีการเปิดศูนย์รับดูแลลูกคนงานเพียง 87 แห่งเท่านั้น  จุดเน้นที่นายกฯคนนี้กำลังเร่งให้เกิดขึ้นคือ  ส่งเสริมให้เปิดเพิ่มมากขึ้น  โดยรัฐจะยกเว้นภาษีบางส่วนให้เป็นการสร้างแรงจูงใจ

                -สนับสนุนให้รัฐดูแลรักษาพยาบาลเด็กอย่างเต็มที่  ประเด็นนี้ครอบคลุมถึง “เด็กไร้สถานะ”มากมายในสังคมไทยที่ได้รับอานิสงค์ไปด้วย นี่แสดงให้เห็นถึงความเมตตากรุณาต่อชีวิตของเด็กๆ ที่ทุกข์ทรมานเพราะป่วยไข้ให้ได้รับการดูแลรักษา โดยไม่แยกเชื้อชาติสัญชาติ 

                -ฟังเสียงและสนับสนุนบทบาทเยาวชน  โดยทุกเดือนตุลาคม จะมีผู้แทนจากเยาวชนทั่วประเทศเดินทางมาประชุมใหญ่ ในงานที่เรียกว่า “เวทีสิทธิเด็ก” เพื่อให้เยาวชนได้ร่วมคิดร่วมเสนอสิ่งที่จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน  ทั้งนี้นายกฯได้ให้ความสำคัญโดยมารับฟังข้อเสนอด้วยตนเองในวันดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบ

        ตัวอย่างสี่ประการข้างต้น  ได้บอกให้รู้ว่าสังคมไทยในยุคที่นายกรัฐมนตรีชื่อ “นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ” กำลังเป็น  “ยุคที่ดียุคหนึ่งต่อการดูแลเด็กและเยาวชน” ที่ควรแก่คนที่รักและต้องการเห็นเด็กและเยาวชนไทยเจริญเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ  ควรเข้าร่วมไม้ร่วมมือด้วยจิตใจร่วมกัน  ซึ่งนอกจากจะเป็นกำลังใจให้แล้ว  ยังสามารถนำเสนอความคิด  มาตรการ  วิธีการ  ที่นายกฯคนนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อีกด้วย

 .......................

 

หมายเลขบันทึก: 356456เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2010 17:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 12:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ตอนนี้ที่ต้องติดตามต่อ คือ การพัฒนาระบบ กลไกในการสนับสนุนการพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ และคุ้มครองเด็กจากสื่อที่ไม่ปลอดภัย จะเกิดขึ้นอย่างไร และ มีประสิทธิภาพหรือไม่

น่าสนใจนะครับ

ตอนนี้ที่ต้องติดตามต่อ คือ ในยุคที่นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจและการสนับสนุนมากเช่นนี้ มีอะไรเกิดขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นมูลนิธิฯ ที่ควรติดตามเรื่องนี้ หากเกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมากกว่าการดำเนินการในช่วงก่อนหน้านี้ ก็จะได้เป็นความรู้ว่าควรจะทำสิ่งใดหรือบทบาทผู้นำน่าจะเป็นอย่างไร จึงเกิดสิ่งดีขึ้น

ที่ผมเสนอเช่นนี้เพราะในบ้านเมืองเราที่ผ่านมาสองเดือนนี้ ทำให้ทราบว่าเฉพาะการมีผู้นำ อาจจะไม่เกิดผลอะไรเลย หากองคาพยบอื่นไม่ทำงานนะครับ แม้ท่านนายกเองก็พูดหลายครั้งว่างานต่างๆ ไม่ใช่มีตัวท่านแล้วจะสำเร็จ

แนวคิดอย่างที่ท่านนายกเสนอหรือนำ อันที่จริงก็ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่คนทำงานจะไม่ทราบ แต่ทำไมจึงไม่สำเร็จ เพราะแม้นายกนำ แต่องคาพยบอื่นไม่สนองก็คงไม่สำเร็จครับ

ผู้ปกครองกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก

หากท่านเป็นผู้ที่มีเด็กในการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นลูกของท่านเอง หรือหลานๆ รวมทั้ง เด็กรอบๆ ตัวของท่าน จะเห็นได้ว่าในสังคมไทยเวลานี้ ดูเหมือนว่าได้พัฒนาไปก้าวไกลกว่าตอนสมัยที่ท่านเป็นเด็ก แต่ท่ามกลางกระแสแห่งวัตถุนิยมในปัจจุบัน กลับเป็นผลให้เด็กมีคุณภาพทางจิตใจที่ตกต่ำลงมาก อันเนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งยั่วยุต่างๆ สื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตออกมาอย่างไร้การควบคุม ขาดจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม มุ่งเน้นไปในทางเสื่อมจิตใจ ภาพยนต์ที่สะท้อนแต่ความรุนแรงและยั่วยุทางกามรมณ์ เกมส์คอมพิวเตอร์ที่ทำให้เด็กหลงใหลจนแทบจะทิ้งตำรา หรือโอกาสในการแสวงหาความรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้หากจะโทษตัวเด็กก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดจากความพยายามยัดเยียดสิ่งที่ไม่ดีของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ภาพตัวอย่างของผู้ใหญ่ที่แสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็น ความกร้าวร้าว การใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ความหลงใหลในเหตุแห่งความเสื่อมต่างๆ การติดการพนัน การดื่มสุรา และสิ่งเสพติดต่างๆ ความชอบเที่ยวกลางคืน และสิ่งที่เป็นอบายมุขทุกรูปแบบ หากเราเที่ยวพร่ำสอนให้เด็กประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดี แต่เราไม่อาจลบภาพของผู้ใหญ่ที่เป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมทรามนั้นได้ เราจะคาดหวังให้สังคมของเราดีขึ้นได้อย่างไร สิ่งที่อยากจะเรียกร้องในเวลานี้ คือ ภาพของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม ภาพของ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ที่ให้ความสำคัญกับเด็กมากขึ้น จำเป็นต้องหันมาเอาใจใส่ ดูแลบุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิด คอยควบคุมพฤติกรรม ให้ประพฤติปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงาม และพยายามลด หรือแยกสิ่งที่เป็นสาเหตุแห่งความเสื่อมทรามในรูปแบบต่างๆ ออกไปจากตัวเด็ก ย่อมจะทำให้เด็กได้รับแต่สิ่งที่ดี และปัญหาต่างๆ จะลดลง อย่าเพียงแต่คอยคาดหวังให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียน ที่จะคอยพร่ำสอนเท่านั้น แม้โรงเรียนจะเป็นแหล่งให้ความรู้ และอบรมพฤติกรรม ให้เด็กเป็นพลเมืองที่ดีในอนาคต แต่ผู้ปกครองจะต้องมีส่วนร่วมที่สำคัญ และให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียน ที่จะขัดเกลาหล่อหลอมให้เด็กๆ มีจิตสำนึกที่ดี มีพฤติกรรมที่สร้างสรรค์ เพราะเราเชื่อมั่นว่า ความพยายามจากทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ย่อมจะทำให้เด็กๆ ไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ และปัญหาต่างๆ ก็จะหมดไปในที่สุด

ด้วยความปรารถนาดีจาก

ชมรมคลังปัญญา

นายรักษ์ ปริกทอง

สวัสดีค่ะ

เราช่วยอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ไหวค่ะ

ถ้าผู้ปกครองไม่ร่วมมือด้วย

เดี๋ยวนี้ผู้ปกครองร้กลูกมาก

จนไม่ยอมให้ลูกเจอและแก้ปัญหาเอง

คิดแก้ให้ลูกเสร็จ

บางทีก็ดีแต่มากไปก็กลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท