"คน...จัดการความรู้"


ยอมหนัก ยอมเหนื่อย เพราะภาระงานยังไม่จบสิ้น

   เมื่อวานได้สนทนากลุ่มผ่านเวทีการประชุมถึง "เป้าหมายการจัดการความรู้ที่ต้องการคืออะไร"  และ มาวันนี้กว่า 5 ปี แล้วเข้าใจว่า "การจัดการความรู้เป็นอย่างไร" ซึ่งเป็นประเด็นที่หยิบยกเข้ามาปรึกษาหารือร่วมกันก็เพื่อจะได้ไขข้อข้องใจและจุดอ่อนที่เกิดขึ้นได้ตรงประเด็น

   ความน่าอ่อนใจของการปฏิบัติ ทั้งที่ใช้กระบวนการเวทีเรียนรู้  เวทีการประชุม เวทีพูดคุยสนทนานอกรอบ และอื่น ๆ ก็ยังมีอาการของความไขว้เขวถึงคำตอบที่ปักธงไว้แล้ว เช่น การจัดการความรู้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ หรือ KM ไม่ประสบผลสำเร็จ หรือ KM เงียบหายไป สิ่งดังกล่าวเมื่อได้ศึกษาความเข้าใจของการใช้เครื่องมือ KM นั้นจะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยบันทึกสิ่งที่ตนเองทำ การบันทึกส่วนใหญ่เมื่ออ่านเนื้อความแล้วไม่รู้ว่า "ความรู้ หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัตินั้นอยู่ตรงจุดไหน" ผลงานเขียนถึงเป็นแค่ข้อมูลข่าวสาร  เป็นข้อมูลที่ได้พบเห็นได้เจอเพียงผ่านตาตนเองแล้วนำมาเขียน นำมาเสนอเพื่อให้ผู้อื่นได้บริโภคข่าวสารเท่านั้น การสกัดเอา Knowledge ออกมาจึงทำได้ยากมาก และรีบด่วนสรุปว่า "นี่แหละ KM"

   ดังนั้น การจัดการความรู้ในวันนี้คงจะต้องดึงผลงานเขียน หรือผลงานที่ได้บันทึกไว้ออกมาให้เห็นในเชิง Knowledge มากขึ้น แต่ถ้าถามว่า KM เป็นเครื่องมือเพื่อให้คนรู้จักการบันทึกสิ่งที่ทำ สิ่งที่เห็น และสิ่งที่เจอเก็บไว้บ้าง หรือ ให้คน "รักการเขียน" ก็คงนับได้ว่า เกิดผลสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานของการจัดการความรู้ที่ฝึกให้รู้จักจัดเก็บผลบ้างเท่านั้น

   งานส่งเสริมการเกษตรที่เกิดขึ้นจากการใส่เครื่องมือ KM เข้าไปเป็นกลไกกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ได้รักการเขียน คงจะต้องก้าวไปสู่ขั้นต่อไปได้แล้วคือ การวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร  ออกมาเป็นความรู้ หรือ Knowledge ที่นำไปใช้ดำเนินงานได้จริง หมายความว่า สามารถระบุได้ว่า ความรู้ที่ต้องการนำมาใช้ทำงานเรื่องนี้จริง ๆ คือเรื่องอะไรบ้าง  อยู่ตรงไหน หรืออยู่ที่ใคร ทำอย่างไรถึงจะได้มาใช้ทำงาน และถ้าได้มาแล้วจะใช้กันอย่างไรดี สุดท้ายเมื่อใช้เสร็จแล้วผลที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง หรือเขียนสรุปว่าอย่างไร สุดท้ายจะเก็บความรู้นั้นไว้ที่ไหนดีที่สามารถเข้าไปใช้ได้ง่าย.....

   คนแบกหิน จึงเบากว่าคนแบกความรู้ ที่จะนำไปพัฒนาให้คนอื่นได้เข้าใจ และเกิดการปฏิบัติกับงานที่คนนั้น ๆ รับผิดชอบได้ ทั้งนี้เพราะคนแบกหินนั้นจะหนักตอนหินอยู่บนบ่า เมื่อวางลงก็จะเบา  แต่คนแบกความรู้จะหนักตลอดเวลา เป็นเพราะอะไรเล่า ถ้ามิใช่ "คิดว่า...เราจัดการความรู้เป็น"

หมายเลขบันทึก: 356239เขียนเมื่อ 5 พฤษภาคม 2010 15:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท