ขอต้อนรับท่านผู้อ่านเข้าสู่การแข่งขันอันยิ่งใหญ่แห่งมวลมนุษยชาติ
การแข่งขันที่มีกฎกติกาอันเป็นธรรมภายใต้ความตกลงที่เท่าเทียมของผู้ร่วมแข่งขัน???
การแข่งขันที่เดิมพันไว้ด้วยวิถีชีวิต การทำกิน และปากท้องของผองเพื่อนร่วมชาติ
และการแข่งขันที่อาจเปลี่ยนชีวิตของคุณ...ตลอดไป
ENJOY THE SHOW...!!!
ถึงเวลาแล้วหรือที่ประเทศไทยจำเป็นต้องดำเนินการค้าในลักษณะเปิดเสรีกับต่างประเทศ. . . ?
การดำเนินการค้าและการบริการในลักษณะเปิดเสรีกับต่างประเทศนั้น เท่าที่ผ่านมารัฐบาลไทยเองน่าจะพอรู้ตัวแล้วว่า ณ ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมเพียงพอที่จะดำเนินการการค้าและการบริการในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลมิได้เป็นไปตามลักษณะของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เป็นอยู่
ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของไทยขณะนี้เต็มไปด้วย SMEs หรือไม่ก็เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นใหม่หลังภาวะเศรษฐกิจล้มละลายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ดังนั้นรากฐานทางเศรษฐกิจของเราจึงยังไม่มั่นคงพอที่จะรองรับการเข้ามาของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างชาติ ข้อแลกเปลี่ยนของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างชาตินั้นมีมากมายหลากหลายรูปแบบตามแต่จะเรียกร้องกันได้ และที่น่าสนใจคือบางประเทศถึงขนาดเรียกร้องสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติและไม่มีข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย อีกทั้งบริษัทของต่างชาติที่เตรียมตัวเข้ามาประกอบการในประเทศไทยนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทชั้นนำที่มีความก้าวหน้าทั้งเรื่องเทคโนโลยีและวิทยาการทั้งสิ้น สินค้าเกษตรราคาถูกจากจีน เทคโนโลยีการให้บริการ Logistic และโทรคมนาคมของญี่ปุ่น ระบบการธนาคารรูปแบบใหม่จากสหรัฐอเมริกา และอีกมากมายที่ล้วนแล้วแต่สามารถสร้างผลกระทบให้แก่ระบบเศรษฐกิจของไทยทั้งสิ้น แล้วเราจะมีมาตรการใดมารองรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
แม้รัฐบาลจะแสดงศักยภาพทางเศรษฐกิจต่อชาวโลกว่าประเทศไทยมีความพร้อมเพียงใด แต่หากพิจาณณาให้ดีแล้วจะพบว่ามีอยู่ไม่กี่กลุ่มบริษัทที่สามารถนำไปหยิบยกเป็นจุดขายได้ ทั้งที่จริงแล้วยังมีผู้ประกอบการของไทยอีกเป็นจำนวนมากรู้ตัวว่าการเปิดการค้าเสรีกับต่างประเทศจะเกิดผลกระทบต่อตนเองแต่กลับไม่รู้ว่าจะต้องปรับตัวอย่างไร ดังนั้นการเปิดการค้าเสรีโดยทำให้กลุ่มทุนเพียงไม่กี่กลุ่มในประเทศได้รับผลประโยชน์ก็มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง
ดังนั้น การเปิดการค้าเสรีย่อมสร้างผลกระทบในเชิงลบทั้งต่อกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่ไทยยังไม่เคยริเริ่ม และกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่เพิ่งจะเริ่มต้น รัฐจะคุ้ทครองเกษตรกรอย่างไรหากประเทศคู่สัญญายังคงให้การสนับสนุนเกษตรกรของเขาอยู่ รัฐจะมีช่องทางส่งเสริม SME ของไทยให้แข็งแรงพอที่จะสามารถยืนหยัดต่อสู่ต่างชาติได้ รัฐจะสามารถกระจายผลประโยชน์ที่เกิดจากการค้าเสรีให้ทั่วทุกภาคส่วนได้อย่างไร เหล่านี้ยังเป็นเพียงคำถามของคนไทยไม่กี่คำถามที่เกิดตามมาหลังจากการตัดทำ FTA ด้วยเหตุนี้ในการพิจารณาเปิดเขตการค้าเสรีจึงต้องใส่ใจเป็นอย่างยิ่งกับผลประโยชน์ของชาติที่จะได้รับและที่อาจต้องสูญเสียไป
ดังนั้นในเกมการแข่งขันนี้ ผู้แข่งขันหน้าใหม่อย่างเราจะดำเนินเกมอย่างไรให้บอบช้ำน้อยที่สุด และจะวางแผนการอย่างไรให้มีชัยในการเดิมพันครั้งหน้า การแข่งขันที่ผ่านๆมา คงจะเป็นประสบการณ์ที่ดี
นรุตม์ เจียมสมบูรณ์
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
25 มิ.ย. 2549
ลองนึกซิคะ มีกลไกของรัฐที่เป็นพี่เลี้ยงของนักธุรกิจตัวเล็กๆ นี้ไหมคะ ? มีนะคะ ? แต่ไม่ทราบว่า ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไหม
ในความเข้าใจเขากิ๊กน่ะคิดว่า การทำเอฟทีเอโดยไม่สำรวจความคิดเห็นของชาวบ้านโดยเฉพาะสังคมเกษตรกรรมที่ทำมาแต่รุ่นคุณทวดก่อน มีแต่เสียกับเสีย ไม่เข้าใจเลยว่ารัฐบาลไทยเขาคิดแต่จะเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางตัวเงินที่เขามาในประเทศแต่ไม่คิดถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนเกษตรกรรมเลย แล้วต่อไปสงสัยอาชีพที่เรียกว่า กระดูกสันหลังของชาติคงค่อยๆ จางหายไปในสังคมยุค FTA ล่ะมั้งเนี้ย.......คงไม่นานเกินรอแน่
ผมเห็นอย่างงี้ การต้านโลกาภิวัฒน์(counter globalisation ซึ่งในกรณีนี้น่าจะเป็น) ต้องทำอย่างเต็มที่ รอบด้าน บูรณาการ เพื่อจะลุยกับเกมส์นี้ของคลื่นเสรีนิยม ใหม่ หรือทุนนิยมที่จะมารุกฆาต
แต่ถ้ามองจากมุมทุนนิยม ผมเบื่อถึงขีดสุดกับการปกป้องแบบให้ภาคธุรกิจงอมืองอเท้านอนเก็บกินไปสบายด้วยความได้เปรียบต่อต่างชาติ โดยไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง
ประเทศไทยพร้อมมั้ยกับการเปิดเสรี ผมไม่รู้ว่าพร้อมหรือไม่พร้อม แต่เราต้องพร้อม
ซึ่งผมจะสังเกตุว่านโยบายของรัฐบาลจะค่อนงี่เง่า ล้าหลัง ขาดการศึกษา และมองถึงผลประโยชน์เฉพาะจุด รัฐนาวานี้กำลังคลอนแคลนไปกับความเชี่ยวกรากของทุน
ผมเห็นว่าอย่างไรเสียในวันข้างหน้า บรรษํทข้ามชาติก็จะมาคว้าเอาทรัพย์สินของเราไป แต่ในทางกลับกันเราก็มีเสรีภาพในการปะทะกับเค้าเช่นกัน
มองความเป็น "ชาติ" แล้วเบื่อ มองคำว่า "อธิปไตย" แล้วเซ็ง เพราะถูก abuse อย่างปู้ยี่ปู้ยำ
รัฐบาลเป็นโจรข่มขืนรัฐธรรมนูยตัวฉกาจที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมา ส่วนภาคเศรษฐกิจคุณนับถอยหลังว่าเวียดนามจะแซงเราไปเมื่อไหร่ได้เลย
ส่วนผมไปนั่งตกปลา มองหาข้าวกินดีกว่า เพราะหากรู้จักสัมผัสลมพัดหน้า ทำตัวโดยเลียนแบบ แม่น้ำ ขุนเขา ประเทศจะน่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ
นี่มัวแต่มองตรรกะล้นเกิน (สร้างปัญหา แก้ปัญหา สร้างปัญหาวนเวียน)
สวัสดีครับอย่างมีสติ
สำหรับตัวติ๊กเองนะคิดว่าการเปิดเสรีด้านการค้าเป็นความคิดที่ดีนะ คือมันเป็นมาตราการที่ส่งเสริมการลงทุนและการค้าและการส่งออก แต่ที่มันมีปัญหาคือประเด็นที่ว่า รัฐให้ความสนใจกับผู้มีผลกระทบน้อยเกินไป เช่นกลุ่มของเกษตรกรที่ได้รับปัญหาที่เกิดจากการเปิดการค้าเสรี ถ้ารัฐขจัดปัญหารทีเกิดขึ้นได้รับรองเลยว่ามาตรการที่การค้าเสรีจะทำให้ประเทศมีเศรษฐกิจทีดีแน่
แต่ถามว่ารัฐสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่า