วิถีชนบทไทยทำยังไงถึงไม่เจ๊ง


เมื่อวานกระโดดลงเตียงตื่นตูมตั้งแต่ตี4ครึ่ง จรลีไปดอนเมือง เจอคนรู้จักมากหน้าหลายตาต่างเดินทางไปคนละทิศละทาง ทักทายยังไม่ครบก็ต้องออกเดินทาง บังเอิญนั่งติดหน้าต่าง จึงเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่มาส่องแสงไล่ความขมุกขมัวท้องฟ้าเหนือเมืองกรุง ดูขะมุกขะมอมไม่แพ้สถานการณ์บนท้องถนน อากาศที่สนามบินอุบล26องศา ไฟล์นี้มีท่านประธานสงฆ์ของสำนักสันติอโศกเดินทางมาด้วย ญาติโยมจำนวนหนึ่งมานั่งพับเพียบเรียบร้อยเข้าแถวรอรับ หลังจากกราบคารวะแล้ว ยุวชนตัวจ้อยวิ่งรับบาตไปแบกจนไหล่ลู่ ได้ภาพที่ประทับใจมาอวดตั้งแต่เช้า

เจ้าหน้าที่พาไปรับประทานอาหารที่ร้านผู้ว่าชวนชิม สั่งโจ๊กถั่วเขียวกับซุปหมากจองมาชิม อิ่มแล้วก็เข้ามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เข้าประชุมคณะกรรมการวิจัยของสถาบัน มีท่านนายกสภามหาวิทยาลัยเป็นประธาน ผมเป็นรองทำหน้าที่เสี่ยวเอ่อ มีคณะบดี2-3ท่าน และกรรมการส่วนมหาวิทยาลัยร่วมเป็นคณะกรรมการ พิจารณานโยบายการวิจัย มีรายละเอียดเยอะ ขออนุญาตเล่าตรงจุดที่จะขับเคลื่อนเชิงรูปธรรมกันดีกว่า ประเด็นที่ยกมาพิจารณาก็คือ จะเอาความรู้ในสถาบันอุดมศึกษาที่มีอยู่ในแต่ละคณะ ออกไปบริการไปพัฒนาวิถีชุมชนอย่างมีส่วนร่วมได้อย่างไร เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมขององค์กรด้วย สไตล์ของสถาบันการศึกษานั้นเปรียบเสมือนเพลงลูกกรุง ส่วนวิถีชุมชนเปรียบเสมือนเพลงลูกทุ่ง ถ้าไม่มีการปรับโน้ตและท่วงทำนองให้คล้องจองกัน มันก็จะอิหลักอิเหลื่อ สุดท้ายก็จะเบื่อๆกันไป ความรู้ที่มีมากมายก็ขายไม่ออก คนที่ต้องการความรู้ก็ได้แบบกระท่อนกระแท่น ผมจึงเสนอกระบวนการประสานวิธีทำงานในรูปแบบของการสร้างกระบวนการลงขันแบบ เครือข่าย

นับเป็นความโชคดีที่มีเค้าเรื่องนี้อยู่พอสมควร คุณอดิศร พวงชมพู เจ้าของเสื้อแตงโมอันลือเลื่อง ซึ่งเป็นลูกหลานคนอุบล มีความคิดที่จะกลับมารักบ้านเกิด อยากจะช่วยชาวไร่ชาวนาให้ลืมตาอ้าปาก ลงไปจัดประชุมในพื้นที่ไปแล้ว1ครั้ง และจัดประชุมเครือข่ายเกษตรกร5-6จังหวัดในภาคอีสานไปเมื่อวันที่29พ.ค.53 ในนาม”โครงการทำนา1ไร่ให้ได้เงิน1แสน” ในสายตาของนักธุรกิจมืออาชีพที่มีประสบการณ์ มองว่าถ้าขายข้าวคุณภาพดีในรูปของยาบำรุงหรืออาหารเพื่อสุขภาพ ที่พัฒนาคุณภาพของข้าวให้มีคุณสมบัติดังกล่าว แทนที่จะขายข้าวได้ก.ก.40บาท ก็อาจจะขายได้ ก.ก.ละ หลายร้อยบาท ที่เจ้าพ่อเอ๊าเลตส์เสนอคงไม่ใช่เรื่องลมๆแล้งๆแน่ ผมจึงต่อยอดจากเรื่องนี้ เอาเรื่องการปลูกต้นไม้ในไร่นา การจัดการกิจกรรมแบบประณีตเข้าสมทบ เสนอจัดประชุมสัมมนาพัฒนาเครือข่ายกระบวนการวิจัยขึ้น โดยมีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นเจ้าภาพ ส่วนจะเป็นเดือนไหนนั้น ท่านนายกสภาฯเห็นชอบแล้ว ขอเอาเรื่องเข้าที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยในปลายเดือนพฤษภาคมก่อน ผมวางตัวที่จะไปทาบทามแนวร่วมดังนี้ครับ

1 ตัวแทนฝ่ายธุรกิจเอกชน คุณอดิศร คุณอัมรา พวงชมพู

2 ตัวแทนฝ่ายราชการ คุณวิทูรย์ เหลืองวิริยะแสง และคณะ จากกรมป่าไม้

3 ตัวแทนฝ่ายเครือข่ายชุมชน คุณนิกร วีสเพ็ญ จอมยุทุธกองทุนซิป

4 ตัวแทนฝ่าย NGO. คุณไพศาล ช่วงฉ่ำ

5 ตัวแทนฝ่ายสภาวิจัยแห่งชาติ ดร.จินตนาภา โสภณ

6 ตัวแทนฝ่ายมหาวิทยาลัย นักวิจัยในคณะต่างของมหาวิทยาลัยอุบลฯ

7 ตัวแทนฝ่ายเกษตรกร ผู้นำเครือข่ายในจังหวัดต่างๆ

8 ตัวแทนฝ่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น น.พ.สุธี ฮุนตระกูล

9 ตัวแทนฝ่ายสังเกตการณ์ สมาชิกชาวเฮ (อาจจะจัดเฮที่อุบลฯ)

10 ตัวแทนฝ่ายนโยบายชาติ ศ.ดร.กนก วงค์ตระหง่าน

11 ประธานกล่าวนำ ท่านองคมนตรี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

ตอนบ่ายไปเยี่ยมชมโรงแรมที่มหาวิทยาลัยก่อสร้างใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในระหว่างส่งงานตำรับงวดสุดท้าย เป็นกลุ่มอาคารขนาดย่อม มีห้องประชุม ห้องสัมมนา ห้องจัดกิจกรรม ห้องพัก50ห้อง คาดว่าเดือนหน้าคงจะเสร็จเรียบร้อย ต่อด้วยการไปดูการเตรียมเปิดงาน “กันเกราเกมส์” การแข่งขันกีฬาบุคลากร สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่1-8พฤษภาคม 2553 นักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศทยอยเดินทางมา อุบลช่วงนี้จึงคึกคักด้วยอาคันตุกะมาเยือนประมาณ 6,000 คน

แว๊บออกจากมหาวิทยาลัยไปเยี่ยมชมอาคารศิลปวัฒนธรรม ที่กรมศิลปะกากรซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว จะยกให้มหาวิทยาลัยอุบลฯบริหาร ผมตั้งใจจะเอาอาคารกลุ่มนี้จัดสัมมนางานวิจัยดังที่กล่าวแล้ว แต่ติดขัดตรงที่รั้วยังสร้างไม่เสร็จ ถ้าจะจัดสัมมนาภายใน2-3เดือนข้างหน้า อาจจะต้องเลือกโรงแรมของมหาวิทยาลัยเป็นที่จัดงาน

(หาดคูเดื่อ แหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำมูล)

หลังจากนั้นคุณนิกร วีสเพ็ญ พาไปชิมกาแฟลาว ที่หอมฉุยภายใต้บรรยากาศที่จัดไว้ดีมาก อิ่มอร่อยแล้วรถมาส่งผมที่สนามบิน ก่อนเครื่องจะร่อนลงดอนเมือง มองไปที่หน้าต่างเห็นดวงจันทร์สีแสงดวงเล็กโผล่ขึ้นท่ามกลางมลภาวะมา ถึงเตียงนอนอ่อนระโหย 3 ทุ่มเศษ นอนพลิกไปพลิกมาคว้าหนังสือที่ค้างอ่าน เจอข้อชี้แนะที่กระแซะสติดีเหลือเกิน คืนนี้ไม่มีอะไรมาฝาก ก็ขออนุญาตเอาธรรมมะของท่าน ว.วชิรเมธี มาธรรมโม นะโยม..

ฆ่าเวลา บาปยิ่งกว่าฆ่าคน

..ประเด็น นี้จึงโทรหาญาติโยมให้ควัก เพราะพรุ่งนี้บรรยายเสร็จเที่ยง มีเวลาว่างครึ่งวันกับครึ่งคืน แป๊ดเพิ่งโทรมาจะรับไปเที่ยงสงขลา นอกจากจะมี2สาวน้อยจอมซ่าส์แล้ว ครูPooยังกรุณาชวนหนูแอมแปร์กับคุณแม่มาเข้าขบวนไปเฮด้วย

ควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด อยู่ให้เหมือนวันสุดท้าย  

ตายให้เหมือนกับยังคงอยู่

..ประเด็น นี้ นอกจากจะเตรียมการบ้านแล้ว จะออกไปซื้อของ ป่านฉะนี้แห้วศรียังไม่กริ๊งมา ด้วยว่างานของมนุษย์คนนี้นั้นอลเวงได้ทุกนาที แต่คาดว่าอีกหน่อยคงตาลีตาเหลือกมาซกๆ

หากวันนี้ถูก วันพรุ่งนี้ก็ไม่ผิด 

..กำปั้นทุบดินเลยละครับ ถ้าตั้งไข่ดี อะไรๆก็น่าจะดี เอาเวลาดีๆมาคิดมาทำเรื่องดีๆ ก็จะดีที่ซู๊ดไหมละครับ ถ้าเอาเวลาไปจัดสรรให้กับความเว่อร์ของตัวเอง มันก็ยุ่งยุ่งยิ่งกว่าม็อบตอนนี้เสียอีก

จงเป็นคนดี อย่ามัวแสดงตนว่าเป็นคนดี  

..เออ..ประเด็นนี้แจ่มจริงๆ ส่วนมากเรามักจะไปเสียเวลาประชาสัมพันธ์ตัวเองจนเกินงาม ดีไม่ดีไม่มีใครมาแย่งเอาจากตัวเราได้หรอกนะต๋อย

ครอบครองสิ่งใดระวังจะเสียใจเพราะสิ่งนั้น แค่ปล่อย ก็ลอยตัว ลดความอยากให้น้อยลง แล้วความสุขจะเพิ่มขึ้น ความอยากไร้ขีดจำกัดเหมือนเส้นขอบฟ้า แต่ชีวาแสนสั้นเหมือนหยดน้ำค้าง 

.. ถ้าลดอยากได้ ก็เท่ากับลดยากลงได้ ลดไม่ได้ก็เหมือนคนไข้ขึ้น ตัวร้อนผะผ่าว หัวใจบวมพอง มีเสียงปีศาจร่ำร้องอยู่ในใจ กดไว้มันก็จะเผลดันทะลุออกมา

ยิ่งรวย ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งแบ่งปัน อยากได้ทุกอย่าง จะเสียทุกอย่าง อยากได้บางอย่าง จะได้ทุกอย่าง ชีวิตที่วิ่งตามความอยาก ไม่ต่างอะไรกับคนโง่เพียรตักน้ำไปเติมทะเล 

..มิน่าละตักน้ำตาไปเติมน้ำใจ ตักไวตักช้าก็ไม่เต็มสักที เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มเพราะเหตุนี้เอง

อยู่กับปัจจุบัน จึงไม่ทันได้เป็นทุกข์  

อดีตผ่านไปไม่ใส่ใจก็ไม่เจ็บ อดีตผ่านไป ถ้าใส่ใจก็ยิ่งเจ็บ  

เบิกบานกับลมหายใจ ยิ่งใหญ่กับการปล่อยวาง  

รู้ลมหายใจ ยิ่งใหญ่กว่ารู้ครอบจักรวาล 

รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยคราว  

รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก ไม่รบก็ชนะ 

อัตตาเป็นเพียงมายา อนัตตาเป็นความจริง 

เราเกิดทุกครั้งที่สร้างอัตตา เราตายทุกครั้งที่วางอัตตา 

อัตตามี ทุกข์ก็มา อัตตาหมดทุกข์ก็ม้วย 

องคุลิมานยังกลับใจ คุณเป็นใครไม่กลับตัว 

กฎแห่งกรรมทำงานไม่มีวันหยุด 

ทุกเรื่องที่คิด ทุกกิจที่ทำ ทุกคำที่พูด  

ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ขอให้ รู้ 

ชนะเขาก็อหังการ แพ้คนอื่นก็ผูกพยาบาท  

วางแพ้วางชนะ ชีวิตจึงจะมีความสุข 

ทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือน 

โกรธแล้วกัด คือสัตว์สองเท้า โกรธแล้ววาง คือทางโพธิสัตว์ 

สรรพสิ่งคือของใช้ อย่าเข้าใจว่าเป็นของฉัน 

มนุษย์นั่นแหละเป็นตัวธรรมชาติ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ 

บรรดาสิ่งที่งอกงาม ปัญญาประเสริฐที่สุด 

ความคิดเห็นเป็นสิ่งวูบไหว สัจธรรมนั้นไซร้เป็นสิ่งเที่ยงแท้ 

อย่าใช้เงินสร้างสัมพันธภาพ เพราะผลผลิตคือมิตรเทียม 

จงเปลี่ยนเงินเป็นคุณภาพชีวิต อย่าเปลี่ยนเงินเป็นยาพิษ 

จงเปลี่ยนเงินเป็นบุญ จงเปลี่ยนทุนเป็นธรรม 

ประชาธิปไตยที่ได้มาด้วยเงิน มักเป็นสินค้าที่ด้อยคุณภาพ 

อามิตรพุทธ

หมายเลขบันทึก: 355248เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2010 09:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อามิตรพุทธ...ด้วยคนเจ้าค่ะ...ยายธี

ผมมีแต่ โครงการปลูกมะนาว 1 ไร่ ให้ได้กำไร 5 แสนบาทอยู่ครับ

ไป อบรมและร่วมทีมกับ มก. กำแพงแสน โดย รศ.ดร.รวี อยู่ครับ

เพราะที่อีสาน บ้านเรา ปลูกมะนาว 850 ไร่ จากทั้งหมด 100000 ไร่ ทั่วประเทศ

ได้ผล เป็นไงแล้วจะบอกต่อ

ปล.(ยาวมาก)

การพัฒนาชาวชนบท ควรเริ่มจาก หาครูดีๆ ให้ ชาวบ้าน ได้ วิชาดี มาใช้ครับ

ทำมาหากิน การฝึกอบรม และเรียนรู้ จากผู้รู้จริง ช่วยให้ไม่หลงทาง ลองผิดลองถูกครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท