ต้องฝึกตนเอง (๕) : ตัวพอใจ ตัวไม่พอใจ...


สิ่งที่ไม่ได้ตามใจนี้แหละมันทำให้เราเกิดปัญญา เกิดสมาธิดี
ถ้ามันได้ตามใจแล้วส่วนมากมันคิดว่ามันสบายแล้ว แต่ว่ามันสบายไม่จริง เพราะว่ามันยังไม่โผล่อยู่ ฉลาดจริงแต่ไม่รู้ทันมันหรอก
ตัวโมหะนี้มันตัวมาทีหลัง ตัวโทสะนี้มันจะมาให้เห็นเร็วว่า ตัวที่มันไม่ชอบใจ ก็สองตัวนี้มันเป็นที่สุดสองทาง “ตัวพอใจ ตัวไม่พอใจ” เราต้องรู้จักมัน
ก็สองอย่างนี้เป็นอุปกรณ์ที่ให้เราต่อยเราซ้อม ที่จะให้เราพัฒนาให้จิตใจของเราก้าวหน้า ก็เหมือนนักกีฬาที่จะทำให้กล้ามเนื้อมันแข็งแรงหรือว่าเก่งขึ้นอีก ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็เรื่องนิพพานมันก็ไม่มี

บางคนไม่รู้เรื่องมัน มันเอาจนเป็นประสาทแย่ หนีไปเรื่อย "หาความสงบ"
บางทีเราก็อยากถามประวัติครูบาอาจารย์ว่าทำอย่างไรอย่างไรก่อน ปฏิบัติอย่างไรอย่างไร อันนี้มันก็ส่วนหนึ่งที่เป็นประสบการณ์ แต่สิ่งที่มันง่าย ๆ มันก็มี ที่เราไม่ต้องทำอย่างนั้นก็มี "สิ่งที่มันง่าย ๆ" เพราะคนทำก่อนมันต้องผิดบ้างถูกบ้าง อันนี้เราก็พยายามเอาแต่สิ่งที่มันถูก สิ่งที่ผิดเราก็ไม่เอา
ก็พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมี ทุกขกิริยาหลายปี แต่ท่านรู้แล้วท่านก็มาบอกง่าย ๆ ตรงนี้แหละ ตรงนี้แหละ เราก็ไม่จำเป็นไปทำที่ท่านทำผิดนะ

ก็ส่วนมากคนเราความคิดทุกคน ส่วนมาก็เข้าใจว่าตัวเองคิดถูกทั้งนั้นน่ะ คิดว่าแน่นอนทั้งนั้นน่ะส่วนมาก แต่ความคิดมันก็เปลี่ยนแปลงนะ บางทีคิดครั้งหนึ่งมันก็เป็นอย่างหนึ่ง บางทีคิดอีกครั้งหนึ่งก็เป็นอย่างหนึ่ง เราอย่าไปเชื่อความคิด อย่าไปเชื่ออารมณ์ กว่าจะเยือกเย็น กว่าจะสุขุม กว่ามันจะขลังค์ กว่ามันจะเหนียว กว่ามันจะแทงไม่เข้ายิงไม่ออก มันก็ต้องรู้จักสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราไม่รู้จักมัน มันก็ยิงเราแทงเราอยู่อย่างนี้ งั้นใจมันไม่ขลังให้ อารมณ์อะไรมามันก็แทงทะลุหมด

ประเพณีวัฒนธรรมอะไรมันเป็นสิ่งที่ดีนะ มันให้ทั้งคุณและให้ทั้งโทษเหมือนกันนะ ประวัติอะไรต่าง ๆ นี่ก็เหมือนกัน อันนี้ให้เราเข้าใจเอานะ
รู้จักน่ะ ไอ้ตานี้มันก็กัดเรา ไอ้หูนี้มันก็กัดเรา ความรู้สึกนึกคิดนี้มันกัดเรา เรามันไม่ฉลาด ไม่มีปัญญา ต้องรู้จัก ต้องรู้แจ่มแจ้ง ใจมันเย็นไม่ได้ถ้าไม่รู้จัก

เมื่อเราภาวนาไป ภาวนาไป มันก็ชัดเอง เห็นเอง มันต้องเฉย หัวหน้าประธานสงฆ์เค้าพูดไม่พูดเราก็เฉยอยู่อย่างนั้น “เฉยอย่างมีสติมีปัญญา” อย่าไปอวดเก่งอยากไปเสนอโน่นเสนอนี่อะไรอะไร บางทีเราก็รู้อยู่แต่ก็ต้องเฉยไว้ก่อน เค้าเรียกว่ามันเร็ว เร็วต่อความเคยเชิน ที่เรามันเคยสั่งสมมา แต่คนเป็นโรคประสาทมันอดพูดได้เมื่อไหร่ เป็นนักปฏิบัติเป็นอันนี้ต้องสุขุมต้องเยือกเย็น เค้าจะว่าเค้าจะนินทาอะไรก็เฉย “เฉยอย่างมีปัญญา”

องค์พ่อแม่ครูอาจารย์


 

หมายเลขบันทึก: 354331เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2010 08:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท