คำอธิบายรายวิชาการเขียนความเรียงขั้นสูง๑


วิชาการเขียนความเรียงขั้นสูง๑

คำอธิบายรายวิชา

 

๒๐๒๐๙   การเขียนความเรียงขั้นสูง ๑            กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย        ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑

จำนวนเวลา  ๒๐  ชั่วโมง                                 จำนวนหน่วยกิต  ๐.๕  หน่วยกิต

 

                ศึกษา ค้นคว้า การใช้แหล่งเรียนรู้และทรัพยากรสารสนเทศ ในการเลือกสรรสื่อการอ่าน การสืบค้นข้อมูล การเขียนรายงานทางวิชาการ ตามรูปแบบการเขียน วิธีการเขียนชื่อเรื่อง การกำหนดประเด็นปัญหา การเขียนคำนำ ข้อมูลสารสนเทศ การเรียบเรียงบทความ การเขียนบทคัดย่อ การเขียนกิตติกรรมประกาศ การเขียนสารบัญ  การนำเสนอประกอบการอธิบายด้วย แผนที่ แผนภาพ แผนภูมิ ภาพประกอบและตาราง การเขียนเอกสารอ้างอิง บรรณานุกรม รวมทั้งวิธีการนำเสนอการอ้างอิงถ้อยคำหรือความคิดเห็น โดยการใช้ภาษาที่สื่อความหมายชัดเจน นำเสนอข้อมูลอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เป็นที่น่าเชื่อถือ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาต่อระดับสูงและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

                โดยใช้กระบวนการเขียน การอ่าน  การฟัง การพูด  การคิดวิเคราะห์ การฝึกปฏิบัติและกระบวนการกลุ่ม เขียน อ่าน ฟัง พูด ใช้หนังสือ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งแหล่งเรียนรู้ประกอบกับการจัดทำโครงงาน เพื่อพัฒนาการเขียน ฝึกทักษะการเขียน การอ่าน การฟัง การพูด เชิงวิชาการ ในการพัฒนาการเขียน

                เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถใช้ภาษาไทยในการเขียนนำเสนอข้อมูลอย่างเป็นลำดับขั้นตอน  มีนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตสาธารณะ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม

 

มาตรฐาน

                ท ๑.๑ 

                ท ๒.๑

                ท ๓.๑

 ผลการเรียนรู้

๑. ใช้ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการสืบค้นข้อมูลได้อย่างมีมารยาท

๒. ใช้เครื่องมือสืบค้นข้อมูลสารสนเทศในห้องสมุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

๓. ใช้ทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม

๔. วิเคราะห์คุณค่าที่ได้รับจากการอ่านงานเขียนอย่างหลากหลายเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิต

๕.  มีมารยาทในการอ่าน รักการอ่าน รักการเรียนรู้ และการศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง

๖.  พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา

๗. มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด

๘.  เขียนบทความวิชาการ ตามรูปแบบการเขียนได้

๙.  เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า ตามรูปแบบการเขียนได้

๑๐. เขียนส่วนต่าง ๆ ของโครงงาน ตามรูปแบบการเขียนได้

๑๑. เขียนรายงานโครงงาน ๕ บท เบื้องต้นได้

๑๒. มีมารยาทในการเขียน

 

 ขอความกรุณาผู้รู้แนะนำด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ครูโอ๋

หมายเลขบันทึก: 353748เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2010 18:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 15:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

ขออนุญาตนำไปใช้ด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ครูตั๊ก

ขออนุญาตนำหลักสูตรไปใช้ด้วยคนนะคะ ขอบคุณจริง ๆ

ครูเชียงใหม่

ขอบคุณมากๆครับ ขอให้เจริญก้าวหน้าและมีความสุขตลอดไปครับ

เรียนครูอภินันท์ ครับ

ขออนุญาตนำหลักสูตรการเขียนความเรียงขั้นสูงไปใช้ด้วยนะครับ

ขอบพระคุณครับ

เข้าทางเหมือนกันค่ะ ขออนุญาตนำไปใช้ด้วยนะคะ

ครูประภา

เรียนครูอภินันท์

ขออนุญาตนำไปใช้ด้วยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

เรียนครูอภินันท์

ขออนุญาตใช้ด้วยคนนะคะ ขอบคุณค่ะกำลังมืดแปดด้านจริง ๆ

ครูมือใหม่

ขออนุญาตนำไปเป็นต้นแบบนะคะ ขอบคุณค่ะ

เยี่ยมจริง ๆ

ขอ ความหมายของ ความเรียงชั้นสูง 10ความหมาย ได้มั้ยคับ

พอดีต้องส่งรายงานไห้อาจารอ่าคับ

เด็กม.4&แม่สาย

เป็นไปได้ไง แค่ 20 ชั่วโมง

จะให้ได้ผลการเรียนรู้ ตั้งมากมายขนาดนี้

ขอบคุณครูโอ๋มากมายค่ะที่เขียนเป็นแนวทางขออนุญาตนำไปปรับใช้ในโรงเรียนนะคะ

ขออนุญาตใช้ด้วยคนนะคะ ขอบคุณค่ะกำลังมืดแปดด้านจริง ๆ

เรียนครูอภินันท์

ขออนุญาตนำไปใช้ด้วยคนนะคะ จะนำไปปรับใช้ค่ะ

ขอบคุณนะคะ

ขอบคุณครูโอ๋มากนะคะ ที่ทำให้เห็นแนวทางการสอนวิชานี้ แล้วจะนำไปพัฒนาต่อยอดต่อไป และได้บอกเพื่อนๆให้แวะเข้ามาเยี่ยมชมblogของครูโอ๋ด้วยแล้วค่ะ  ของดีๆก็ต้องบอกต่อ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความปรารถนาดีที่มีต่อเพื่อนร่วมวิชาชีพ..ครูสาย

ครูอภินันท์ คะ

ขออนุญาตนำรูปแบบการสอนที่นำเสนอไปใช้ด้วยคนนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ครูอีสานรอรัก

สุดยอดครูมืออาชีพ ไม่มีหวง ไม่มีกั๊ก

ครูประชา

เรียนครูอภินันท์

มีครูบางท่านนำงานของครูไปแอบอ้างว่าเป็นผลงานของเขา น่าเศร้าใจจริง ๆ ไม่ทราบว่าครูรู้เรื่องหรือเปล่า

ครูดาว

เรียนครูอภินันท์

ขออนุญาตนำไปปรับใช้เช่นกันค่ะ ขอบพระคุณอย่างยิ่ง

คิดว่าน่าจะนำไปใช้ในระดับม.ปลายได้ดีกว่าม.ต้น(สำหรับนักเรียนที่สอนอยู่)

ขออนุญาตแนะนำเพื่อนๆ ให้มาเยี่ยมชมอีกนะคะ

ครูแหม่ม

ขออณุญาตินำไปใช้นะค่ะ

ขออนุญาตนำไปใช้นะคะ ขอบคุณค่ะ

ครสอบตก

ขออนุญาตนำไปเป็นแนวทางด้วยคนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ครูครับ คุณครูที่โรงเรียนให้การบ้านมาทำ ให้เขียนคำนำเรื่อง ทำไมน้ำกระเจี๊ยบถึงต้านอนุมูลอิสระได้ ให้เขียน1หน้ากระดาษ A4 ผมคิดไม่ออก ขอความกรุณาด้วย นะครับ ด้วยผมหัยขอมูลไป ..

กระเจี๊ยบแดง มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล

น้ำกระเจี๊ยบแดง เป็นยากัดเสมหะ ช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันเลือด ลดความหนืดของเลือด ป้องกันต่อมลูกหมากโต แก้อาการขัดเบา และสามารถลดไขมันในเลือด}

ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L. วงศ์ Malvaceae

ชื่อสามัญ Rosella, Red Sorrel, Jamaica Sorrel

ชื่อท้องถิ่น ภาคเหนือเรียก ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง เงี้ยว แม่ฮ่องสอนเรียก ส้มปู จังหวัดตากเรียก ส้มตะแลงเครง ภาคกลางเรียก กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว ทั่วไปเรียก กระเจี๊ยบแดง

ลักษณะทั่วไป กระเจี๊ยบแดง เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ ๑.๕-๓ เมตร ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบสลับ มีหลายแบบด้วยกัน บ้างมีขอบใบเรียบ บ้างมีรอยหยักเว้า ๓ หยัก ดอกเส้นผ่าศูนย์กลาง ๘-๑๐ เซนติเมตร ดอกมีสีครีม ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป เหลือกลีบเลี้ยงอวบพองคงอยู่

ใบกระเจี๊ยบแดงมีรสเปรี้ยว กินได้ทั้งดิบและสุก ใส่ในแกงเผ็ดเพื่อแต่งรสได้ ใบอ่อนและยอด ใช้แต่งรสเปรี้ยว ใส่ต้มหรือแกง ชาวมอญใช้ใบกระเจี๊ยบแดงทำแกงกระเจี๊ยบ กลีบเลี้ยงสีแดงใช้ทำเครื่องดื่ม มีวิตามินเอสูง พบทั้งในประเทศไทยและแถบประเทศเม็กซิโก กลีบเลี้ยงมีเพ็กตินสูง ใช้ทำแยมและประกอบอาหาร เบเกอรี่ได้ดี

สรรพคุณทางยา

การใช้งานในประเทศไทยกล่าวว่า น้ำกระเจี๊ยบเป็นยากัดเสมหะ รสเปรี้ยวของดอกกระเจี๊ยบทำให้ชุ่มคอ ช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันเลือด (อาจเนื่องมาจากฤทธิ์ขับปัสสาวะ) ลดความหนืดของเลือด ป้องกันต่อมลูกหมากโต แก้อาการขัดเบา และสามารถลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

ส่วนผลอ่อนต้มกินติดต่อกัน ๕-๘ วัน ช่วยขับพยาธิตัวจี๊ด ผลแห้งป่นเป็นผง กินครั้งละ ๑ ช้อนโต๊ะ ดื่มน้ำตามวันละ ๓-๔ ครั้ง ช่วยรักษาโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ เมล็ดบดเพื่อเป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ และยาบำรุง น้ำต้มดอกแห้งมีกรดผลไม้และ AHA หลายชนิดในปริมาณสูง ปัจจุบันมีคนนำเข้าเนื้อครีมหน้าใสเป็นสินค้าโอท็อปชื่อดังไปแล้ว

จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ดอกกระเจี๊ยบมีสารต้านอนุมูลอิสระมากในปริมาณใกล้เคียงกับบลูเบอร์รี่ เชอร์รี่และแครนเบอร์รี่ จึงอวยประโยชน์ด้านป้องกันมะเร็ง ชะลอแก่ และช่วยให้เส้นเลือดอ่อนนิ่ม

น้ำต้มดอกกระเจี๊ยบแห้งมีสารแอนโทไซยานินสูง สารกลุ่มนี้เองเป็นสารหลัก (เกินร้อยละ ๕๐) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

อีกกลุ่มจะเป็นสารโพลีฟีนอลซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน สารโพลีฟีนอล ได้แก่ protocatechuic acid ไม่สลายไปเมื่อได้รับความร้อนนานๆ แต่สารแอนโทไซยานินในน้ำกระเจี๊ยบจะมีปริมาณลดลงเมื่อได้รับความร้อนต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน

น้ำกระเจี๊ยบจะมีใยอาหารละลายน้ำได้ประมาณ ๐.๖๖ กรัม/ลิตร มีสารโพลีฟีนอลถึงร้อยละ ๖๖ ของปริมาณที่มีในกลีบเลี้ยง สรุปว่ามีใยอาหารและ โพลีฟีนอล ๑๖๖ และ ๑๖๕ มิลลิกรัม/แก้ว จึงนับว่าน้ำกระเจี๊ยบเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่า

กระเจี๊ยบมีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล การทดลองในหนูเมื่อได้รับสารสกัดดอกกระเจี๊ยบ ๑,๐๐๐ มิลลิกรัม/กิโลกรัม นานหกสัปดาห์พบว่า คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และแอลดีแอลในซีรัมลดลงร้อยละ ๒๖, ๒๘ และ ๓๒ ตามลำดับอย่างมีนัยสำคัญ อย่าลืมว่าสารสกัดนี้ไม่ใส่น้ำตาล ผู้อ่านอย่าได้รีบดื่มน้ำกระเจี๊ยบหวานจ๋อยเพื่อลดไขมันในเลือดเป็นอันขาด

การทดลองในห้องทดลองพบว่า แอนโทไซยานิน จากกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ยับยั้งออกซิเดชั่นของแอลดีแอลและยับยั้งการตายของมาโครฟาจ สาร Delphinidin 3-sambubioside (Dp3-Sam), เป็นแอนโทไ:ยานินชนิดหนึ่งที่ได้จากดอกกระเจี๊ยบแห้ง Dp3-มีฤทธิ์กำจัดเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในห้องทดลองได้ จึงมีผลในการป้องกันการเกิดมะเร็งและอาจใช้ชะลอการลุกลามของมะเร็งบางชนิดได้ได้

น้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งช่วยลดความดันเลือด แต่สามารถคงเกลือแร่ไว้ในร่างกายได้ไม่ขับออกกับปัสสาวะหมด การศึกษาในมนุษย์เห็นได้ว่า เมื่อดื่มน้ำกระเจี๊ยบปัสสาวะจะมีสารครีเอตินีน กรด ยูริก เกลือซิเทรต เกลือทาร์เรต แคลเซียม โซเดียม โพแทสเซียม และฟอสเฟต ต่ำกว่าเมื่อไม่ได้ดื่ม น้ำกระเจี๊ยบมีพิษต่ำ แต่ถ้าดื่มเข้มข้นมากติดต่อกันนานๆจะไม่เกิดผลดีต่อร่างกาย

ผลจากหนูทดลองพบว่า น้ำกระเจี๊ยบป้องกันตับจากการถูกทำลายเมื่อให้สารพิษแก่หนู โดยลดการเพิ่มเอนไซม์ aspartate aminotransferase (AST) และ alanine aminotransferase (ALT) ในพลาสมาหนูที่รับสารพิษ ผู้วิจัยเชื่อว่าฤทธิ์นี้มาจากความสามารถในการต้านอนุมูล อิสระของน้ำกระเจี๊ยบ

สรุปว่า ผลจากการวิจัยค้นคว้าสรรพคุณทางยาของน้ำกระเจี๊ยบของไทยมีข้อมูลวิทยาศาสตร์สนับสนุนทั้งสิ้น จึงขอนำสูตรแก้ไอ (ทำได้เอง) น้ำกระเจี๊ยบ (ทำเองไม่หวาน ได้ประโยชน์มาก)

น้ำกระเจี๊ยบส่วนผสม

ดอกกระเจี๊ยบแห้ง น้ำตาลทราย (หรือใบหญ้าหวาน) เกลือ

วิธีทำ

นำดอกกระเจี๊ยบแห้งล้างน้ำทำความสะอาด ใส่หม้อต้มจนเดือด เคี่ยวจนน้ำเป็นสีแดงข้น กรองเอาดอกกระเจี๊ยบออก ปล่อยให้เดือดสักครู่ ยกลงเติมน้ำตาลและเกลือลงไป แบ่งใส่แก้ว เติมน้ำแข็งดื่มได้ทันที หากทำมากก็กรอกใส่ขวด แช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นาน หรือนำดอกกระเจี๊ยบมาตากแห้ง บดเป็นผง ใช้ปริมาณครั้งละ ๑ ช้อนชา ชงในน้ำเดือด ๑ ถ้วย ดื่มได้สะดวกเช่นกัน

แก้ไอขับเสมหะโดยกระเจี๊ยบแดง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท