ทุกคนคงรู้จักไอคิว และ อีคิว เป็นอย่างดี ไอคิว เป็นเรื่องของความฉลาดทางสติปัญญา คนที่มีไอคิวสูงจะฉลาด เรียนเก่ง สอบได้คะแนนดี ส่วนอีคิว เป็นเรื่องของความฉลาดทางอารมณ์ คนที่มีอีคิวดีจะรู้จักตัวเองว่ามีข้อดี ข้อด้อยอะไร สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี มีทักษะทางสังคมดี มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเข้ากับผู้อื่นได้ดี จึงเป็นที่ชื่นชอบในสังคม
จะเห็นได้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นนอกจากจะต้องมีไอคิวพอสมควรแล้ว ยังต้องมีอีคิวที่ดีด้วย แต่ปัจจุบันสองคิวนี้คงไม่พอ เพราะว่า หากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตต้องมีอีกคิว คือ เอคิว
เอคิว หรือ Adversity (A.Q.) หมายถึง ความสามารถในการจัดการกับปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ คนที่มีเอคิวดีจะเป็นคนที่มีใจสู้ มีความมานะพยายาม อดทน ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ความสามารถเช่นนี้จะส่งเสริมให้คนนั้นเป็นคนจริง เข้มแข็งและต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะบรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
หมายความว่า แม้เราจะมีไอคิวสูง เป็นคนฉลาด สามารถจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ดีก็จริงอยู่ แต่ถ้ายอมแพ้กับปัญหาหรืออุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในการดำเนินชีวิต และหน้าที่การงาน ก็จะกลายเป็นคนไม่มุ่งมั่น ไม่เอาจริง ปกครองคนไม่ได้
เอคิว สามารถพัฒนาได้จากการเรียนรู้ตั้งแต่วัยเด็ก ถ้าพ่อแม่เลี้ยงดูลูก โดยให้เขาได้ใช้ความสามารถของตนเองในการแก้ปัญหาอุปสรรคตามวัย ให้กำลังใจ ให้โอกาสที่จะแก้ไขปัญหาเมื่อทำผิดพลาด เมื่อเติบโตเด็กก็จะมีเอคิวที่ดี แต่ถ้าเด็กได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจหรือไข่ในหิน คอยดุว่าเมื่อทำผิดจนเด็กไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะกลัวจะผิดพลาด กลัวถูกซ้ำเติม กลัวถูกลงโทษ เด็กก็จะเติบโตเป็นคนที่มีเอคิวต่ำ
คนทุกคนมีเอคิวสูงต่ำแตกต่างกันไป เช่นเดียวกับบางคนในชีวิตใช้เอคิวไม่เท่ากัน แต่อย่างไรก็ตาม การมองที่ปัญหาไม่ใช่ที่อุปสรรคก็เป็นประเด็นสำคัญสำหรับการสร้างเอคิวในการทำงาน
ความขัดแย้ง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายทั้งปวง เราทุกคนควรเสริมสร้างเอคิวให้กับตนเอง คือ ความอดทนต่อปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และมีความสามารถในการที่จะแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญามากกว่าการใช้กำลัง
ไม่มีความเห็น